เยี่ยเม่ยได้สติกลับมา

 

 

สายตาเย็นชาปรากฏเพลิงโทสะ ไม่พูดอะไรอีก วาดมือกว้างตบหน้าเขาอย่างแรง

 

 

คล้ายกับว่าเขารู้ล่วงหน้า เบี่ยงกายหลบ ทำให้ฝ่ามือเยี่ยเม่ยตบที่อกเขาแทน

 

 

ถึงฝ่ามือนี้ของเยี่ยเม่ยไม่ทำให้เกิดเสียงดัง ทว่าลงมือไม่เบา ถึงขั้นทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

 

 

ไม่ต้องเปิดเสื้อออกดู เขาก็รู้ว่าอย่างน้อยคงจะเขียวช้ำแล้ว

 

 

อวี้เหว่ยที่หลบอยู่ในมุมอับหน้าอึ้ง ไม่เข้าใจว่านี่คือการพัฒนาประเภทไหน ที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือ ฝ่ามือเมื่อครู่ของแม่นางเยี่ยเม่ย ไม่ใช่วิธีการ ‘ผู้อื่นใช้กำปั้นน้อยทุบหน้าอกท่าน’อย่างแน่นอน แต่เป็นการต่อยตีให้ตาย

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมุมปาก กลับไม่โมโห ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายยังมีรอยยิ้มพอใจหลงเหลืออยู่หลายส่วน ค่อยๆ เอ่ยด้วยเสียงน่าฟัง “แม่นางเยี่ยเม่ย หากเมื่อครู่เยี่ยนไม่ระวัง ฝ่ามือนี้ตบเข้าที่หน้าเยี่ยน ยามนี้เยี่ยนคงจะ…”

 

 

 “บวมเป็นหัวหมูแล้ว” เยี่ยเม่ยรับคำต่อด้วยเสียงเย็นชา

 

 

นางยังคงเป็นคนมีความมั่นใจ หากฝ่ามือนี้ทำสำเร็จ ใบหน้าของเขาต้องบวมฉึ่ง กลายเป็นเยี่ยนหัวหมู”

 

 

อวี้เหว่ยเบือนหน้าหนี คิดไอออกมา แต่กลั้นไว้อย่างลำบาก ทำให้เขาอับอาย ในฐานะข้ารับใช้ผู้ภักดี เห็นเตี้ยนเซี่ยมอบจูบแรกออกไปแล้ว กลับได้รับฝ่ามือตอกมา เขากลับอยากหัวเราะมาก ความอยากหัวเราะนี้ ทำให้ใจของอวี้เหว่ยเกิดความรู้สึกผิดอย่างรุนแรง

 

 

องค์ชายสี่ฟังแล้ว กลับครุ่นคิดอย่างตั้งใจพักหนึ่ง จากนั้นลูบคางพยักหน้า เอ่ยเสียงน่าฟังว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยกล่าวไม่ผิดเลย ดูท่าเยี่ยนหลบสักหน่อยก็ถูกต้อง เพียงแต่เจ้าลงมือตบข้า ข้ากล้าเบี่ยงหน้าหลบ กลับไม่เบี่ยงกายหลบ อย่างไรเสียจิตใจของเยี่ยนที่มีต่อแม่นางเยี่ยเม่ย ให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นพยาน ไม่ว่าแม่นางจะตบข้า ฆ่าข้า ภายหน้าเยี่ยนจะไม่หลบอีก”

 

 

ในใจของเยี่ยเม่ยสะกดเพลิงโทสะในใจ ถึงตบเขาแล้ว ก็ยังไม่ดับหมด

 

 

นางฟังคำพูดของเขา หัวเราะเสียงเย็นชา “อ้อ? จริงหรือ ความจริงใจของท่านมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นพยาน อย่างนั้นท่านไม่ควรหลบถึงจะถูก”

 

 

เขาฟังประโยคนี้ กลับมองเยี่ยเม่ยอย่างจริงจัง

 

 

นัยน์ตาชั่วร้ายคู่นั้นมีแววครุ่นคิดและรอยยิ้ม เอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย รูปโฉมงดงามของเยี่ยนเป็นสมบัติหายากในใต้หล้า หากถูกแม่นางตบบวมแล้ว ภายหน้าอัปลักษณ์ เจ้าคงไม่ยินยอมปรายตามองเยี่ยนสักครั้ง?”

 

 

 “ดังนั้น?” สีหน้าของเยี่ยเม่ยไม่น่าดู น้ำเสียงก็ไม่ยินดี แววตายิ่งไม่ดีใหญ่

 

 

ทั้งร่างมีไอสังหารแผ่ออกมา…

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นดังนี้ ถอนใจ รีบเอ่ยอย่างเด็ดขาดและรู้ทันว่า “ดังนั้นหากแม่นางเยี่ยเม่ยต้องตบหน้าให้ได้ ถึงคลายโทสะ ตบก็พอแล้ว เยี่ยนยินยอมรับความโปรดปรานราวพายุฝนโหมกระหน่ำของแม่นาง”

 

 

อวี้เหว่ยกลอกตา มองท้องฟ้า

 

 

อ้อ

 

 

ตอนนี้ตบหน้าจนบวมเป่งเป็นหัวหมูไม่เรียกว่ามีความแค้นล้ำลึก แต่เป็นความโปรดปรานราวพายุฝนโหมกระหน่ำ

 

 

การรู้จักเอาตัวรอดของเขา ทำให้สีหน้าเยี่ยเม่ยพลันผ่อนคลายลง แต่ความรู้สึกเลวร้ายยังอยู่

 

 

ในขณะที่จะเอ่ยวาจา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า

 

 

นางรีบหันมองหน้าประตูโรงคลัง พวกเขาสองคนสนทนาเสียงเบามาก ประสาทสัมผัสของพวกคนชุดดำว่องไวไม่พอ ยากพบพวกนาง แต่ว่าฝีเท้าของพวกเขา อาศัยประสาทสัมผัสของนางกลับได้ยินชัดเจน

 

 

ความสามารถห่างไกลทำให้เกิดความรู้สึกเหนือกว่า

 

 

หลังจากเยี่ยเม่ยมองไป ไม่ช้าก็พบคนชุดดำอีกสี่คน เดินออกมาจากโรงคลัง

 

 

เรื่องราวเร่งด่วน ไม่อาจคำนึงถึงการกระทำหยาบช้าของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเมื่อครู่อีก นางมองเขา ถามด้วยสายตา จะออกไปหยุดยั้งพวกเขาไหม

 

 

กลับเห็นเขายิ้มน่ามอง ส่ายหน้า บอกว่าไม่ต้อง

 

 

เยี่ยเม่ยใช้ความคิด ก็รู้สึกว่าไม่ต้องรั้งไว้ ดังนั้นจึงมองส่งคนชุดดำทั้งหกจากไป

 

 

รอพวกเขาไปแล้ว

 

 

เยี่ยเม่ยกำหมัดเล็งต่อยเข้าที่จมูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

 

 

 “ตึง” เกิดเสียงดังขึ้น

 

 

หมัดต่อยถูกจมูกโด่งของเขาจริงๆ ทั้งยังมีเลือดไหลออกมา

 

 

เยี่ยเม่ยตะลึงงงไปชั่วครู่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หลบ

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากชายเสื้อ เช็ดเลือด สายตามีแววน้อยเนื้อต่ำใจ ในดวงตาคล้ายคลอด้วยน้ำตา น้ำเสียงน่าฟัง ยามนี้ฟังแล้วน่าสงสารเป็นอย่างมาก “โอ๊ย แม่นางเยี่ยเม่ย เจ็บมาก เจ็บเหลือเกิน”

 

 

เยี่ยเม่ย “…?”

 

 

นางยังไม่ทันเอ่ยอะไร เขากุมมือนางอย่างอ่อนโยน ถามด้วยอารมณ์รักลึกซึ้ง “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้าเจ็บมือหรือไม่ เยี่ยนช่วยเจ้านวด”

 

 

เยี่ยเม่ยยิ่งตะลึงเข้าไปใหญ่

 

 

เดิมนางคิดว่า บุรุษผู้นี้ถูกตบหน้า ต้องต่อยตีกับนางแน่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้

 

 

เห็นนางไม่พูดจา เขาช้อนตาขึ้นมองนาง น้ำเสียงยิ่งอ่อนโยน “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้าหายโมโหหรือยัง หากยังก็ต่อยอีก”

 

 

คำพูดเป็นจริงเป็นจัง แต่แววตาน่าสงสารเหลือเกิน ขาดแต่ไม่เขียนบนใบหน้าว่า ‘หากเจ้ายังต่อยตีอีกข้าจะร้องไห้แล้วนะ’

 

 

เยี่ยเม่ยมีชีวิตอยู่มาถึงบัดนี้ จะทำอะไรก็ใช้ไม้แข็งงัดกับผู้อื่นอย่างตรงๆ ครั้นพบเหตุการณ์เช่นนี้ นางรับมือไม่ถูก

 

 

ในเวลานี้เอง

 

 

พลันเกิดไอสังหาร กระบี่ยาวเล่มหนึ่งพุ่งเข้าแผ่นหลังเยี่ยเม่ย นางรู้สึกถึงไอสังหาร ขณะหันกลับไปมอง

 

 

กลับพบว่าบุรุษที่เดิมแสดงความน่าสงสารเกินเปรียบ บ้องแบ๊วเกินใครเบื้องหน้าสีหน้าสุขุมลงในเวลานี้

 

 

ดวงตาชั่วร้ายของเขามองบุรุษหนุ่มชุดฟ้าที่พุ่งเข้ามา

 

 

ไม่รอเยี่ยเม่ยลงมือ เขาโบกชายเสื้อ ลมปราณสีแดงซัดบุรุษหนุ่มนั้นกระเด็นออกไปกว่าสามเมตร

 

 

เยี่ยเม่ยยังไม่ทันตอบสนอง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหายตัวไปจากเบื้องหน้านาง อยู่บนพื้นแล้ว เขาเดินเข้าหาบุรุษหนุ่มชุดฟ้า แววตาสนุกสนานทว่าอำมหิต คล้ายปีศาจจากขุมนรก เอ่ยว่า “คิดแตะต้องแม่นางเยี่ยเม่ย ความมั่นใจเกินเหตุนี้ เจ้าไม่รู้ที่ตายหรือ”

 

 

ปีศาจตนนี้ทำให้คนลมหายกระตุก ต่อให้เป็นเยี่ยเม่ยยังเลิกคิ้วสูง

 

 

ยากหาความเชื่อมโยงระหว่างท่าทางน่ารักของเขาเมื่อครู่กับท่าทางในเวลานี้

 

 

บุรุษหนุ่มผู้นั้นเงยหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน สายตาปัดไปที่เยี่ยเม่ยอีกครั้ง กัดฟันเอ่ย “นางเผาคฤหาสน์สังหารน้องชายข้า วันนี้ข้าต้องฆ่านางเพื่อแก้แค้นให้น้องชายข้าให้ได้”

 

 

เยี่ยเม่ยสีหน้าเยือกเย็น

 

 

เพราะเรื่องของเด็กเหล่านั้น นางเผาเดียรัจฉานในคฤหาสน์ไปสี่ตัว คนผู้นี้มาเพราะเจ้าพวกนั้นหรือ

 

 

 “เยี่ยนไม่สนใจเหตุผลเจ้า” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนน้ำเสียงอ่อนโยน สิ้นเสียง เขาโบกมือขึ้น ดาบยาวจากพลังลมปราณปรากฎกลางมือ แววตาเย็นเยียบ เงาร่างไหววูบ

 

 

แสงมารสีแดงสว่างกลางอากาศ เขามือยก ระหว่างดาบขึ้นฟันลง ร่างของบุรุษหนุ่มถูกฟันขาดไปเช่นนี้

 

 

ร่างนั้นกลายเป็นชิ้น ตกสู่พื้นดิน เลือดคนนองพื้น สถานที่แห่งนี้คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

 

 

สายตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเย็นยะเยือก มุมปากยิ้มร้ายของปีศาจ เอ่ยว่า “ตายง่ายๆ เช่นนี้ เขาสบายเกินไปแล้ว อวี้เหว่ย เอาศพเขาไปแขวนบนกำแพง เยี่ยนจะให้คนทั้งหมดรับรู้ ไม่ว่าใครคิดทำร้ายแม่นางเยี่ยเม่ย ล้วนต้องพบจุดจบเช่นนี้”

 

 

 “ขอรับ” อวี้เหว่ยรีบลงมือทันที

 

 

อวี้เหว่ยเองก็ตกใจ น้อยครั้งที่เขาเห็นเตี้ยนเซี่ยสังหารคนอย่างง่ายๆ ปกติเตี้ยนเซี่ยมักค่อยๆ ทรมานจนตาย

 

 

ดูท่าคนคิดฆ่าแม่นางเยี่ยเม่ยทำให้เตี้ยนเซี่ยโมโหจริงๆแล้ว อารมณ์ชอบทรมานจิตใจคนของเตี้ยนเซี่ยยังไม่มี ลงมือสังหารคนทันที

 

 

เยี่ยเม่ยผู้เป็นเจ้าเรื่อง ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้นางยังไม่ทันเอ่ยสักประโยค แสดงความคิดเห็นสักคำ เขาก็จัดการเรื่องนี้แล้วเสร็จสิ้น

 

 

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหันมองเยี่ยเม่ย ไอสังหารคนเมื่อครู่หายไป ยามนี้กลายเป็นความรักลึกซึ้งอีกครั้ง ทั้งยังมีท่าทางน่าสงสารดั่งเดิม

 

 

ต่อหน้าคนอื่น เขาคือปีศาจที่ชอบทรมานใจคน

 

 

ต่อหน้านาง กลายเป็นลูกสุนัขแสนเชื่องเชื่อฟัง

 

 

เขาไม่สนใจเรื่องลอบสังหารชวนอารมณ์เสียเมื่อครู่ เดินมาถึงเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย น้ำเสียงเอาใจเอ่ยอย่างอ่อนโยน “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้าหายโกรธหรือยัง หรือยังจะตีเยี่ยนอีก? ต้องให้เยี่ยนช่วยหาอาวุธให้เจ้าหรือไม่ จะได้ไม่เจ็บมือ”