เยี่ยเม่ย “…”
แทบเป็นครั้งแรกในชีวิตของนางที่ได้สัมผัสว่าไม่รู้จะทำอย่างไรเป็นยังไง
ถึงแม้นางจะแสดงออกว่าไม่ชอบทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ทว่าความจริงนางเป็นสตรีที่ชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง สำหรับบุรุษที่รูปโฉมงดงาม เชื่อฟัง ไม่ดื้อ ถนัดชื่นชมนางแล้ว…
นางไม่มีแรงต่อต้านจริงๆ
ส่วนอวี้เหว่ยที่อยู่ด้านข้าง แบกศพบุรุษหนุ่มเตรียมออกนอกประตูเมือง ได้ฟังคำเอาใจของเตี้ยนเซี่ย เท้าพลันชะงักละล้าละลังครู่หนึ่ง เพียงอยากหันกลับไปบอกเตี้ยนเซี่ยว่าภรรยาต้องเชื่อฟังสามี หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ต่อให้จีบแม่นางเยี่ยเม่ยได้แล้ว เตี้ยนเซี่ยยังเหลือฐานะในบ้านอีกหรือไง
ช่างน่าเศร้าน่าถอนใจนัก
ช่างเถอะ อวี้เหว่ยอารมณ์เย็นลง นี่ก็ยังปกติเสียกว่าเตี้ยนเซี่ยโยนงูพิษไว้บนเตียงแม่นางเยี่ยเม่ย
ส่วนเยี่ยเม่ยสีหน้าแข็งขืนไปสักพัก มองเขาที่ถูกนางตีจนเลือดออก ตอนนี้เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว นางชักมือที่ถูกเขากุมไว้ออกมา
ฝืนบังคับให้ตนเองสงบลง อย่าได้ลุ่มหลงท่าทางเช่นนี้ของเขา ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สูงส่งของนาง
ถัดมา นางหันมองประตูคลัง หาได้ตอบคำถามเขาไม่ เพียงถามด้วยเสียงนิ่งว่า “เข้าไปดูว่าพวกเขาเล่นลูกไม้อะไรดีหรือไม่”
คนชุดดำทั้งสี่คนเข้าไปแล้วต้องลงมือทำอะไรแน่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า มองฝ่ามือว่างเปล่าหลังจากนางชักมือออก ก็ไม่พูดอะไร
เขาได้แต่หัวเราะ ถอนมือกลับด้วยท่วงท่าสง่างาม “แม่นางเยี่ยเม่ยบอกว่าจะดู อย่างนั้นก็ไปเถิด เยี่ยนเชื่อฟังเจ้า”
“อืม” เยี่ยเม่ยพึงพอใจในความเชื่อฟังของเขา นางหมุนกายสาวเท้ากว้างๆ มุ่งเข้าคลัง
หลังจากเข้าไปแล้ว มองข้าวสารในห้องเหล่านั้น นางเปิดถุงข้าวออก ภายในยังมีข้าวอยู่ เพียงแต่จมูกของเยี่ยเม่ยได้กลิ่นไม่ปกติบางอย่าง แววตานางทอประกายเย็นเยียบ หันมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เห็นเขายืนอยู่ด้านหลัง สองตาจ้องมองนาง สีหน้าชั่วร้ายเย้ายวนอย่างร้ายกาจ สายตาของเขาไม่ได้มองข้าวเหล่านั้นเลยสักน้อย
นี่ทำให้เยี่ยเม่ยที่เดิมอยากพูดอะไร ชะงักคำพูดติดอยู่ที่คอไปชั่วขณะ ในสมองฉุกคิดภาพที่พวกเขาจูบกันเมื่อครู่โดยไม่รู้ตัว สัมผัสยังคล้ายยังติดอยู่ที่ปาก ทำให้เยี่ยเม่ยเบือนหน้ากลับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
นางไม่มองเขาอีก กลับเอ่ยปากว่า “เหมือนข้าวจะถูกวางยาพิษแล้ว พวกเขาจงใจเข้ามาวางยา?”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองความไม่เป็นธรรมชาติของนางออก ทว่าไม่เปิดโปง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม กวาดตามองข้าวสารเหล่านั้น “ดูท่า จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ”
วางยาในนี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย นอกจากเป็นพิษที่ตรวจสอบได้ยาก
เยี่ยเม่ยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสองคนที่ไม่มีวิชาแพทย์ติดตัว มีความรู้เพียงอย่างผิวเผิน ยังดูออกว่าข้าวสารถูกวางยาพิษ ผู้บงการวางยาย่อมไม่คิดวางยาฆ่าคน
เยี่ยเม่ยสีหน้าเคร่งขรึม รีบเอ่ยต่อ “เห็นได้ชัดว่าคนวางยา รู้ว่าข้าจะเอาข้าวไปแลกเปลี่ยนกับต้ามั่ว เขาจงใจวางยาที่พบได้ง่ายเช่นนี้ เป้าหมายคือทำให้ทหารต้ามั่วรู้ว่าข้าวสารของพวกเรามีปัญหาไม่อาจกิน เพื่อเป็นการทำลายแผนการของพวกเรา ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า ประเมินช้าๆ ว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยวิเคราะห์ได้ถูกต้อง”
เยี่ยเม่ยกล่าวต่อ “ท่านรู้ก่อนแล้วว่าจะมีคนลงมือกับข้าวของพวกเรา ดังนั้นจึงสั่งให้คนเปลี่ยนข้าวที่ข้าเตรียมไว้ก่อนหน้าออกไป?”
นางถามด้วยความฉงน
ตอนที่นางเข้ามา ก็เห็นพวกหลูเซียงฮั่วเปลี่ยนข้าวสารที่พวกเขาเตรียมไว้ในตอนแรกออกไปภายใต้การสังเกตการณ์ของเขา ข้าวใหม่พวกนี้คงเตรียมไว้สำหรับคนที่มาเล่นตุกติกในข้าว ดูสิพวกเขาคิดเล่นปา**่อะไร
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว จัดเสื้อผ้าของตนด้วยท่าทางน่ามอง ค่อยๆ เอ่ยว่า “ไม่ผิด ในโลกนี้คนมากมายวางแผนทำร้ายเยี่ยนที่มีเมตตา แต่คนที่กล้าก้าวออกมาตรงๆ กลับมีไม่มาก พวกเขากล้าแต่ลงมือลับหลัง นี่คือการแสดงออกว่าพวกไร้ความสามารถ ทั้งเป็นการพิสูจน์ความเจ้าเล่ห์โฉดชั่วของพวกเขา เยี่ยนย่อมทุกข์ระทม เพราะสาเหตุส่วนตัว ทำลายแผนการของแม่นางเยี่ยเม่ย จึงได้ลงมือวางแผนล่วงหน้าก่อนก้าวหนึ่ง”
เยี่ยเม่ยมองเขา เอ่ยเย็นชาว่า “ท่านดูไม่คล้ายคนเจ้าแผนการ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มจาง เอ่ยไม่ใส่ใจว่า “ไม่ผิด เพราะเยี่ยนเกียจคร้าน ไม่ว่าสงครามจะชนะหรือแพ้ เยี่ยนถูกกับดักหรือไม่ เยี่ยนไม่ใส่ใจ เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ทำอะไรเยี่ยนไม่ได้”
พูดถึงตรงนี้ ท่าทางสบายๆ ของเขา พลันเปลี่ยนไป สายตาที่มองเยี่ยเม่ยมีอารมณ์ลึกซึ้งขึ้นหลายส่วน “แต่เพื่อแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนยินยอมเปลี่ยนความคุ้นเคยของตน กันไม่ให้พวกเขาใช้ฝีมือชั่วร้าย ทำร้ายแม่นางเยี่ยเม่ย”
เยี่ยเม่ยฟังไป มองเห็นสายตาลึกซึ้งของเขา หัวใจพลันเต้นแรงขึ้น
แต่นางเป็นคนเย็นชา อย่างไรก็ไม่หวั่นไหวกับคนง่ายๆ ด้วยเหตุนี้นางเสียการควบคุมชั่วครู่ ก็ถอนสายตากลับมา
นางเอ่ยว่า “เมื่อคิดถึงพฤติกรรมหยาบช้าของท่านด้านนอกเมื่อครู่ เรื่องที่ท่านแอบช่วยเหลือข้า ข้าไม่ขอบคุณแล้ว ถือว่าเสมอกัน ส่วนฝ่ามือกับหมัดเมื่อครู่ถือเป็นดอกเบี้ย”
“ใช่ ใช่ ใช่” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้าเชื่อฟัง น้ำเสียงน่าฟังกล่าวว่า ไม่กล้าให้แม่นางเยี่ยเม่ยเอ่ยคำขอบคุณ ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตการกระทำของเยี่ยน ล้วนเป็นเรื่องที่เยี่ยนสมควรทำ”
เขาเอ่ยวาจาประจบเอาใจ ทว่าไม่สูญเสียความสง่างามเกินคนของเขาเลยสักน้อย ระหว่างที่เอ่ยนั้นยังมีความสง่างามราวแมวเปอร์เซีย ชวนให้หลงใหลมาก
เยี่ยเม่ยมองท่าทางเอาใจของเขา นางยักไหล่ ถอนสายตากลับ “ข้าเองก็สงสัยว่าจะมีคนเล่นลูกไม้ตุกติก กลางคืนถึงได้ลุกขึ้นมาตรวจดู คิดไม่ถึงว่าท่านจะไวกว่าข้าก้าวหนึ่ง”
สิ้นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพลันยื่นมาอยู่หน้านาง
ใบหน้าของทั้งสองชิดกันมาก ระยะห่างเพียงคืบเดียว เขายิ้มยั่วเย้า เอ่ยอย่างยินดี “แม่นางเยี่ยเม่ย พูดได้หรือไม่ว่าพวกเราใจเชื่อมถึงใจ? ต่างก็คิดได้ว่าจะมีคนแอบเล่นตุกติก?”
เยี่ยเม่ยยื่นมือข้างหนึ่งออกไปอย่างไร้อารมณ์ ผลักหน้าเขาออกโดยไม่อ่อนโยนสักน้อย เอ่ยว่า “บอกได้แต่ว่าข้าฉลาด ดูภาพลักษณ์ของท่านในสายตาทุกคนออก ส่วนท่านก็รู้ตัวดี รู้ว่าจะมีคนคิดทำร้ายข้าเพราะท่าน”
เขาถูกผลักออก ก็ไม่หงุดหงิด ฟังคำพูดของนาง มุมปากยิ่งยกยิ้มขึ้น ทั้งไม่ค้านความเห็นของนาง พยักหน้าติดต่อกัน “แม่นางเยี่ยเม่ยกล่าวได้ถูกต้อง ล้วนเป็นเพราะยามปกติคนไม่ชอบเยี่ยน เกือบทำร้ายแม่นางเยี่ยเม่ยแล้ว แม่นางอย่าได้โมโหเป็นอันขาดเชียว”
เขาประจบสอพลอเช่นนี้ ถึงขั้นที่เยี่ยเม่ยหมดปัญญาให้ใบหน้าเย็นชาเผชิญกับเขาอีกต่อไป
ถัดมาเยี่ยเม่ยยิ่งหมดคำพูด บุรุษผู้นี้ถึงกับทำหน้าน่าสงสารมองนาง เอ่ยด้วยเสียงชวนฟังว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย พวกเขาต่างไม่ชอบข้า สาเหตุต้องเป็นเพราะเยี่ยนมีเมตตาเกินไป เยี่ยนเหลือเพียงแม่นางเยี่ยเม่ยคนเดียวแล้ว แม่นางจะต้องดีกับเยี่ยนให้มาก”
เยี่ยเม่ย “…”
บุรุษที่เหมือนปีศาจร้ายผู้นี้ บุรุษอำมหิตฆ่าคนไม่กระพริบตา…ยังจะบอกว่าเมตตาอีก?
แต่เมื่อเห็นท่าทางน้อยเนื้อน้อยใจของเขา รู้ทั้งรู้ว่าเสแสร้ง นางกลับอยากลูบหัวเขา นี่มันเรื่องอันใดกัน
นางแอบเอามือไพล่หลัง มือซ้ายคว้าข้อมือขวา ทำให้มือของตนอยู่ในการควบคุมไม่ยื่นออกไป
หลังจากสงบลงแล้ว ถามเรื่องสำคัญออกมาด้วยใบหน้าเย็นชา “ท่านคิดว่าใครทำ พวกเราควรรับมืออย่างไร”