ตอนที่ 230 กระอักเลือด / ตอนที่ 231 ความจริง

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 230 กระอักเลือด 

 

 

 

 

 

เหวินเยียนถูกเล่นงานจนกระอักเลือด แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรได้ ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นถังเฉียนเล่า สำหรับเถิงเฟิงแล้วคำพูดถังเฉียนย่อมถูกต้อง ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นไม่ว่านางจะพูดอะไรเขาย่อมไม่เชื่อ 

 

 

“เหวินเยียนเอ๋ย ข้าเองจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก ไม่เช่นนั้นคนอื่นจะหาว่าข้าไม่ใจกว้าง ลำบากแทบแย่กว่าจะสร้างภาพลักษณ์ที่อ่อนโยน ไม่อยากให้ถูกทำลายเพราะเจ้า เช่นนี้เถอะ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปพักที่เรือนเล็กด้านข้าง บาดแผลบนตัวเจ้า ไม่ว่าจะเป็นฝีมือข้าหรือเถิงเฟิง ถ้าไม่รักษาให้หายแล้วกลับไป คนอื่นจะเข้าใจว่าคุณชายใหญ่ผิดใจกับคุณชายรอง เจ้าเองก็คงไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่” 

 

 

เถิงเฟิงไม่มีความเห็นต่อการทำเช่นนี้ ขณะนี้เหวินเยียนเข้าใจชัดเจนแล้วว่าตั้งแต่แรกถังเฉียนไม่คิดจะให้นางรีบจากไป ต้องการให้อยู่ที่นี่ ไม่ให้นางไปจากที่นี่ได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างโหดร้ายนัก 

 

 

“”คุณหนูอาหรูน่า ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรต่อท่าน เหตุใดจึงต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย” 

 

 

ถังเฉียนพยุงเหวินเยียนให้นั่งลง แล้วพูดตอบนางว่า 

 

 

“กลัวว่าสาวใช้อย่างเจ้าจะถูกผีเข้า อีกสองสามวัน เมื่ออาการบาดเจ็บเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะให้พี่ใหญ่ตรวจดูโรคที่สมองเจ้า บางทีอาจจะเหมือนพระชายารองก็เป็นได้ ป่วยเป็นโรคประหลาด คราวก่อนนางข่มเหงข้าในจวน ข้ายังช่วยรักษานาง หากเจ้าเชื่อฟังดีเช่นนี้ ข้าย่อมต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” 

 

 

“เจ้า! เจ้าเป็นนางอสรพิษโดยแท้ อายุน้อยเท่านี้เหตุจึงโหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้” 

 

 

เถิงเฟิงนั่งบนเก้าอี้ มองดูถังเฉียนแล้วรู้สึกแปลกใจ เหตุใดนางจึงปฏิบัติต่อเหวินเยียนเช่นนี้ ปกตินางไม่ใช่อย่างนี้ 

 

 

“เหตุใดเจ้าจึงทำกับนางเช่นนี้ หรือเจ้าหึงหวงเพราะเรื่องเมื่อกลางวัน” 

 

 

ถังเฉียนสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือพลางพูดว่า 

 

 

“ยังดีที่เจ้าไม่ได้เข้าข้างนาง ไม่เช่นนั้นข้าคงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว ระหว่างเจ้ามีอะไรกัน ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเจ้านาย นางเป็นบ่าวไพร่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากับฮูหยินอยากจะอบรมข้าหรือ” 

 

 

เถิงเฟิงถูกนางแย้งจนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร คิดถึงที่นางเอ่ยถึงเมื่อครู่ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วนางรู้มากเท่าใด แต่เถิงเฟิงแน่ใจว่าถังเฉียนจะต้องอยากรู้มากและหวาดกลัวด้วย 

 

 

“วันนี้เหวินเยียนพูดอะไรกับเจ้า ต่อให้นางทำผิด แต่อย่างไรนางก็เป็นคนของพี่ใหญ่ เราไม่ควรทำอะไรเกินเลย พรุ่งนี้เอานาง…” 

 

 

“หือ” 

 

 

ถังเฉียนใช้มือเท้าคาง จงใจเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองดูเถิงเฟิง เขาจึงไม่กล้าพูดต่อให้จบ 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจัดการตามใจชอบเถอะ แต่ไม่ว่านางจะพูดสิ่งใด อย่าจำใส่ใจเด็ดขาด บางทีความโมโหก็ทำลายสุขภาพได้” 

 

 

ถังเฉียนลดมือลง ยิ้มแล้วว่า 

 

 

“ข้าไม่โมโห นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนดีกว่า เจ้าก็ควรกลับไปได้แล้ว ข้าไม่ทำอะไรหญิงงามที่เจ้าอยากช่วยหรอก เจ้าควรจะวางใจได้แล้ว” 

 

 

ถังเฉียนผลักเถิงเฟิงออกไปจากห้อง จากนั้นก็ปิดประตูใส่กลอน ถังเฉียนไม่ได้บอกว่าเหตุใดนางจึงมุ่งมาที่เหวินเยียน บางทีอาจเพราะเถิงอวิ๋นบอกว่านางรู้เบื้องหลังบางอย่าง แต่นางมีฟางเอ๋อร์แล้ว ขอเพียงอดทนบ้าง ไม่ช้าก็เร็วย่อมทำให้นางเปิดปากได้ วันนี้ที่นางเตะเหวินเยียนก็เพราะเช้าวันนี้นางเห็นรอยแผลบนอกถังเวย 

 

 

ทีแรกถังเวยไม่กล้าบอกถังเฉียนว่ารอยแผลเหล่านี้เกิดจากอะไร พูดอ้ำอึ้งอยู่นานจึงบอกว่าก่อนหน้านี้นางคุกเข่าอยู่หน้าห้องเถิงอวิ๋น เพราะขวางทางเดินของเหวินเยียน จึงถูกนางเตะเข้าที่หน้าอก ยังใช้น้ำชาร้อนจัดลวกแขนนางด้วย 

 

 

รอยแผลพวกนี้ไม่สามารถทำขึ้นเองได้ ทั้งถังเวยย่อมไม่โกหกตนแน่นอน น้องสาวนางก็น่าสงสารอยู่แล้ว แต่เหวินเยียนกลับรังแกนางเหมือนนางเป็นคนเซ่อซ่า 

 

 

“เหวินเยียน นี่เป็นเพราะเจ้าติดค้างน้องสาวข้า ไม่ช้าก็เร็วต้องชดใช้คืน” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 231 ความจริง 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนพูดจบก็กลับไปที่เตียงของตน นางนอนลงบนเตียง นำเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินในวันนี้มาสะสาง เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งขอบฟ้าก็มีแสงรำไรแล้ว 

 

 

พอเช้าถังเฉียนก็ยกตะเกียงไปที่ห้องของเหวินเยียน นางสะดุ้งเฮือก เมื่อคืนทั้งบาดเจ็บและเจ็บปวด เช้าอย่างนี้ยังตกใจอีก ถังเฉียนเห็นนางยังตาปรือก็ขยับเข้าไปใกล้ วางตะเกียงไว้ตรงหน้านาง ไฟตะเกียงแตกดังเพี๊ยะๆ เหวินเยียนรีบหรี่ตาลงแล้วหันไปมองด้านข้าง 

 

 

“เจ้าจะทำอะไร มาเช้าเช่นนี้ เมื่อคืนยังเล่นงานข้าไม่พอหรือ” 

 

 

ถังเฉียนนั่งลงข้างๆ นาง ยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“เมื่อคืนข้าถามฟางเอ๋อร์ว่าเหตุใดเจ้าจึงสามารถเป็นสาวใช้ใกล้ชิดคุณชายเถิงอวิ๋นได้ เป็นถึงสามปี ต่อมานางจึงบอกว่าเพราะเจ้าไม่พูดมาก แต่เจ้ารู้หรือไม่ นางบอกว่าการได้เป็นคนข้างกายคุณชายใหญ่ดูเหมือนมีเกียรติ แต่ทันทีที่ถูกคุณชายใหญ่สลัดทิ้ง ก็อยากจะตายมากกว่าที่จะอยากมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งหญิงสาวเหล่านั้นไม่ได้ไปไหน แต่กลายเป็นโครงกระดูกที่เขาซ่อนไว้ในนั้น…” 

 

 

ถังเฉียนลูบแก้มเหวินเยียนเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน 

 

 

“เจ้าคิดว่าถ้าข้าปล่อยเจ้ากลับไป คุณชายใหญ่จะปล่อยเจ้าโดยไม่คิดถึงความผิดที่ผ่านมาหรือว่าจะทำให้เจ้ากลายเป็นของสะสมของเขา ข้าเชื่อว่าข้ากำลังช่วยเจ้า” 

 

 

พอถังเฉียนพูดจบ เหวินเยียนปัดมือนางออกไป พูดเสียงหวีดแหลมว่า 

 

 

“เจ้าจงใจทำอย่างนี้ ข้าบอกแล้วว่าข้ากับคุณชายรองไม่มีความสัมพันธ์ลับๆ กัน เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมปล่อยข้า เจ้า เจ้าเองก็เป็นเด็กสาวที่น่าสงสาร มีอะไรดีถึงได้มาอวดเก่งต่อหน้าข้า หากวันนี้ข้าตายแล้ว อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนข้า” 

 

 

ถังเฉียนได้ฟังที่นางพูดแต่ไม่โกรธ ดึงมือนางแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้าพูดให้ชัดเจน พูดชัดเจนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ให้เจ้าคอยติดตามข้า หากข้าผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้ เจ้าเองก็อาจผ่านไปได้เหมือนกัน ไม่แน่นะวันหน้าอาจจะรุ่งโรจน์เสมือนลงเรือลำเดียวกัน คุณชายบ้านเราต่างจากคุณชายตระกูลอื่น แต่ตระกูลข้าก็ถือว่าอยู่ในระดับบนในเผ่า มีเด็กหนุ่มที่เหมาะสมกับเจ้า ถ้าเจ้ายินยอม ข้าจะจัดการแต่งงานให้เจ้า ไปอยู่เป็นนายแม่ในที่ไกลออกไป เป็นอย่างไร” 

 

 

คำพูดนี้ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ การข่มขู่ก่อนหน้านี้ผ่านเมื่อคืนแล้วนางเข้าใจดี เวลานี้ถ้านางไม่เปิดปากพูดก็จะพลาดโอกาส เมื่อคืนถังเฉียนจงใจให้ถังเวยมาเฝ้าดูนาง เพื่อป้องกันไม่ให้เถิงเฟิงมาหานาง และยังไม่ยอมให้นางหลับสนิท ป้องกันไม่ให้เถิงเฟิงเล่นงานนางในความฝัน 

 

 

ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อนางจะได้มาพบตนเป็นคนแรกในเช้าวันนี้ 

 

 

“ต่อให้เจ้ารู้ความเป็นมาทั้งหมด เจ้าก็ไม่อาจต่อต้านได้ ทันทีที่พรศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งออกไป เจ้าจะถูกล่ามไว้ ไม่ว่าเจ้าจะไปอยู่ที่ใด คุณชายรองย่อมรับรู้ได้ ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นเพียงยาขนานหนึ่ง เหมือนคนก่อนที่น่าสงสารไม่มีผิด” 

 

 

ถังเฉียนยิ้ม ในที่สุดนางก็ยอมพูดแล้ว แม้ว่าน้ำเสียงจะไม่เป็นมิตรนัก 

 

 

“เจ้าพูดให้เต็มที่ อย่าลืมสิ ข้ายังมีจินซิวอ๋อง ข้าไม่เหมือนกับคนก่อนหรอก นกฉลาดย่อมเลือกต้นไม้ที่จะทำรัง เจ้าเป็นคนฉลาด เวลานี้เจ้าบอกข้า เจ้าก็ยังมีโอกาสรอดบ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จะมีแต่ทางตายเพียงเท่านั้น” 

 

 

สุดท้ายเหวินเยียนไม่อาจทนต่อการขู่ของนางได้ แนวต้านในใจสลายไปตั้งแต่ถูกเถิงเฟิงเตะเมื่อคืนรวมทั้งที่เขาไม่ได้มาปล่อยนางไปและเถิงอวิ๋นไม่ส่งคนมา ทำให้นางรู้ตัวว่าตนเองนั้นถูกทอดทิ้งแล้ว 

 

 

“ถ้าเจ้าอยากรู้ให้ได้ ข้าก็จะเล่าให้ฟัง แต่เจ้าต้องส่งข้าไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ทันที ถือว่าเราไม่มีบุญวาสนาต่อกัน ข้าอยากจากไปทันทีเลย” 

 

 

“ได้ ข้ารับปากเจ้า”