“เคอหลิน เขาก็แค่เสนอราคาประมูลตามปกติ ฟังคำแนะนำของคุณอาหลู่ซะ ให้เรื่องนี้มันจบลงแค่นี้เถอะ!”
เมื่อมองไปที่ท่าทางเย่อหยิ่งของตู้เคอหลิน หลู่อี้ก็ถึงกับส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดแนะนำออกไปด้วยความปรารถนาดี “ไม่เช่นนั้น คนที่โชคร้ายก็อาจจะเป็นแกและไม่แน่ว่าอาจจะลากตู้ซื่อกรุ๊ปเข้ามาเกี่ยวด้วยก็เป็นได้”
เพียงแต่ความปรารถนาดีของหลู่อี้ไม่อาจทำให้อารมณ์ของตู้เคอหลินสงบลงได้เลย อีกทั้งยังทำให้โกรธมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วย
ทำไมถึงพูดว่าคนที่โชคร้ายจะเป็นตน?อะไรที่เรียกว่าจะลากตู้ซื่อกรุ๊ปเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?
หากอยู่ที่อื่น เขาอาจจะเป็นกังวลอยู่บ้างแต่ที่นี่คือเกาะนกนางนวล เขามีอะไรต้องกลัวล่ะ?!
“หลู่อี้!เห็นแก่หน้า ฉันจะเรียกว่าคุณอาหลู่ แต่หากไม่ไว้หน้า แม่มึงแก่กว่าเท่าไหร่กันเชียว?!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตู้เคอหลินก็กัดฟันตะโกนไปทางหลู่อี้อย่างเย่อหยิ่ง “รีบไสหัวไปให้พ้นทางซะ ไม่เช่นนั้นกูจะตีให้ตายไปด้วยกันเลย!”
กริ๊งกริ๊งกริ๊ง!
สีหน้าของหลู่อี้มืดมนลง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร โทรศัพท์ที่อยู้ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นมา
นี่เป็นโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาและโดยปกติคนี่โทรหาเขาก็มักจะมีเรื่องรีบร้อนอยู่เสมอ
หลู่อี้ไม่สนใจที่จะโกรธกับตู้เคอหลินพร้อมกับรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู การแจ้งเตือนที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลก!
สิ่งนี้ทำให้หลู่อี้สับสนในทันใด เขาเป็นคนให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเบอร์โทีเข้ามาโฆษณาขายอะไร หรือจะพูดได้ว่าไม่ควรมีเบอร์โทรแปลกหน้าแสดงบนหน้าจอโทรศัพท์นี้เลยด้วยซ้ำ
“สวัสดี”
สับสนก็ยังสับสนแต่หลู่อี้ก็ยังเลือกที่จะกดรับสาย
“ฉันสามารถให้สิ่งที่นายต้องการได้แต่นายไม่สามารถเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างตู้เคอหลินกับเย่เทียนได้!”
เสียงที่ดูเป็นระบบดังขึ้นมาจากปลายสาย สิ่งนี้ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้ใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง
“คุณเป็นใคร?”
คิ้วของหลู่อี้ขมวดขึ้นในทันที
“ฉันเป็นใครนายไม่ต้องรู้หรอก นายรู้แแค่เพียงว่าด้วยความสามารถของฉันก็เพียงพอที่จะทำให้บริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดของนายล้มละลายได้เลย!”
หลู่อี้ประหม่าและกังวลอย่างถึงที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นพูดจริงหรือเล่นแต่ดูจากที่อีกฝ่ายรู้เบอร์โทรส่วนตัวของเขา ดูเหมือนว่าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่
“ทำไมฉันต้องเชื่อด้วย?”
อย่างไรก็ตาม หลู่อี้อยู่ในวงการธุรกิจมานานหลายสิบปีแต่เขาก็ไม่ได้ขี้ขลาดตกใจเพียงเพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำ
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตัดสินใจเอาเอง”
เสียงโทรศัพท์อีกด้านเย้ยหยัน “อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนนายนะ หากนายเลือกที่จะมาข้องเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเย่เทียนกับตู้เคอหลิน ฉันรับรองได้เลยว่าหัวข้อข่าวในวันพรุ่งนี้จะต้องเป็นข่าวของอุตสาหกรรมบริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดในเมืองเจียงหวยถูกทำลายแน่นอน!”
“……….”
หลู่อี้เงียบลงในทันที หากเขาสูญเสียอุตสาหกรรมที่เมืองเจียงหวยไป บริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดจะต้องถดถอยไปอย่างน้อยสามปี เขาจะกล้าลองได้ยังไงกัน?
“หากฉันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ฉันก็จะไม่ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวด้วยใช่ไหม?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่อี้ก็ตัดสินใจได้
“ไม่!นายยังต้องทำอะไรบางอย่างให้ฉันด้วย!”
ปลายสายพูดอย่างไร้อารมณ์ “เฉินหวั่นชิง ผู้หญิงที่อยู่กับเย่เฉิน หล่อนจะต้องอยู่ที่เกาะนกนางนวลตลอดไป!”
หลู่อี้ได้เข้าไปข้องเกี่ยวโดยสมบูรณ์แล้ว การยุ่งกับผู้หญิงของเย่เทียนถือเป็นการเป็นศัตรูกับเย่เทียนอย่างไม่ต้องสงสัย!
เย่เทียนเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเมืองจิน หากเริ่มการจลาจลจริงๆก็คงเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถรับผิดชอบได้ไหวอย่างแน่นอน
“นี่….แต่เขาคือตระกูลเย่……”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลู่อี้ก็ลองหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง
“นายอยากพูดว่าตระกูลเย่แห่งเมืองจินงั้นเหรอ?”
ยังไม่ทันรอให้พูดจบ ปลายสายอีกด้านก็ตัดบท “งั้นนายก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เขาถูกไล่ออกจากตระกูลเย่มานานแล้ว ตระกูลเย่ไม่สนใจความเป็นอยู่หรือตายของเขา”
“แต่เย่เทียนพูดกับฉันเอง…..”
หลู่อี้ยังรู้สึกไม่เชื่อนัก
ดังคำกล่าวที่ว่า : เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนก็เป็นสายเลือดของตระกูลเย่ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เย่เฉินจะทนไม่สนใจได้อย่างนั้นเหรอ?
“เขาจงใจใช้ชื่อเสียงของตระกูลเย่มาขู่นายต่างหาก!”
ปลายสายเยาะเย้ย “งั้นนายไม่ลองคิดดูล่ะ ตระกูลเย่ขับไล่เขาออกมาเป็นเวลากี่ปีแล้ว หากสนใจชีวิตของเขาจริงๆก็คงจะรับตัวกลับไปแก้ไขชื่อเสียงนานแล้ว”
“เอ๊ะ?!”
เมื่อหลู่อี้ลองคิดคำพูดของอีกฝ่ายดูแล้วก็ไม่เห็นว่าจะไร้เหตุผล ตอนนั้นที่ตระกูลเย่ขับไล่เย่เทียนออกมาก็ทำเรื่องราวไว้ใหญ่โต หากเย่เทียนเป็นคนของตระกูลเย่จริงๆ ตระกูลเย่ก็คงต้องแจ้งให้ทุกคนได้รับรู้แล้วน่ะสิ!
“หากฉํนช่วยนายแล้วฉันจะได้อะไร?”
แม้ว่าในใจจะเลือกข้างแล้วแต่จิ้งจอกเฒ่าอย่างหลู่อี้ก็ยังไม่ตอบรับและลองหยั่งเชิงดูอีก
เสียงปลายสายดังขึ้นเล็กน้อย “การชื่นชมของคุณชายย่งเล่อ!”
หลู่อี้ตกใจในทันที จะเดาไม่ได้ได้อย่างไรกันว่าคุณชายย่งเล่อที่อีกฝ่ายพูดถึงจะเป็นเย่ย่งเล่อทายาทเชื้อสายตรงที่แท้จริงของตระกูลเย่!
“ตอนนี้นายก็ถือว่าเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะถอนตัว”
ปลายสายโทรศัพท์ดูเหมือนจะเดาออกถึงสิ่งที่หลู่อี้คิดอยู่จึงพูดข่มขู่ว่า “หากนายไม่เห็นด้วย ฉันรับรองว่าภายในเจ็ดวันนายจะได้เห็นบริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดล้มละลายด้วยตาตัวเองอย่างแน่นอน ต่อให้มีเย่เทียนช่วยนายก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปได้หรอก!”
“ตกลง!”
หลู่อี้พยักหน้าตอบรับอย่างขมขื่น โมโหจนแทบอยากจะตบปากของตัวเองที่เก็บความลับเอาไว้ไม่อยู่เสียจริง ทำไมจะต้องไปอยากพบเย่เทียนด้วยนะ?ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องบ้าบอแบบนี้!
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ภายในใจของเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หากเปรียบกับเย่เทียน เย่ย่งเล่อดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!
“นายนี่เป็นคนฉลาดดีจริง ต่อไปในอนาคตนายคงจะรู้ว่าการเลือกในวันนี้นั้นเป็นสิ่งที่ฉลาดมากแค่ไหน!”
หลังจากวางสาย หลู่อี้ก็ได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนไปเช่นนี้
“หวังว่าคราวนี้ฉันจะเลือกไม่ผิดนะ!”
หลู่อี้ถอนหายใจอยู่ภายในใจ หลังจากรีบจัดการอารมณ์ที่ซับซ้อนนี้ก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองดูตู้เคอหลินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“เคอหลิน แกไม่ลองคิดดูเหรอว่าพาคนเข้าไปเยอะอึกทึกโครมครามขนาดนี้ ยังไม่ทันถึงโรงแรมที่พวกเขาพัก พวกนั้นก็คงจะได้ข่าวและหนีกันไปก่อนแล้ว”
“แบบนี้ก็แล้วกัน แกให้คนของแกไปหาที่หลบซุ่มโจมตีก่อน ฉันจะจัดการให้เขามาเจอกับแก พอถึงตอนนั้นต่อให้เขาจะวิ่งหนีก็คงไม่ได้แล้ว”
เดิมทีตู้เคอหลินยังคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่แต่ก็ไม่คิดว่าเมื่อหลู่อี้รับโทรศัพท์มาแล้วจะทำให้ท่าทีเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ ต่อให้เขาจะโง่ก็พอจะเดาออกได้ว่าสายโทรศัพท์เมื่อสักครู่จะต้องพูดอะไรกับหลู่อี้เป็นแน่
อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนที่โทรมาหาหลู่อี้กันแน่ ยังไงซะก็อยู่ฝั่งเดีนสกับเขา มีอะไรให้ต้องสับสน?
“คุณอาหลู่ การที่คุณอาช่วยผมถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตู้เคอหลินก็หัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ผมลองคิดอย่างละเอียดแล้ว คุณอาเองก็พูดถูก พวกเราพาคนเยอะเข้าไปเช่นนี้ก็จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเปล่าๆ”
“พวกเราจะทำตามที่คุณอาพูด แต่ต้องทำโดยเร็วเพราะผมไม่หวังให้เด็กเหลือขอนั่นหนีไป!”
“ไม่เช่นนั้นผมจะคิดว่าคุณอาจงใจทำให้ล่าช้า ความโกรธของผมก็จะพุ่งเข้าใส่คุณอาในทันที!