“บนเกาะนกนางนวลแห่งนี้ เย่เทียนไม่มีทางสู้ตู้เคอหลินได้อย่างแน่นอน!”
เมื่อเหลือบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังของเจ๊หยก เซ่อันก็ถึงกับยิ้มขมขื่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้จักเกาะนกนางนวลแต่ก็คงดีสู้เจ๊หยกที่อาศัยอยู่บนเกาะนกนางนวลแห่งนี้ไม่ได้ ขนาดหล่อนยังพูดเช่นนี้ เห็นทีว่าเย่เทียนคงจะเอาชนะตู้เคอหลินไม่ได้จริงๆ
เพียงแต่ ภายในใจส่วนลึกของเซ่อันกลับรู้สึกว่าเขาควรจะอยู่ที่นี่ต่อ มิเช่นนั้นเขาอาจจะพลาดโอกาสใหญ่ไปก็เป็นได้
“เจ๊หยก ที่หล่อนพูดขนาดนี้นี่หวังจะให้ฉันไปใช่ไหม?”
ในใจของเซ่อันนั้นสับสนและหวังว่าเจ๊หยกจะพูดออกมาใหม่เพื่อที่เขาจะได้โน้มน้าวใจตัวเองได้
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”
เจ๊หยกเหลือกตามองบนใส่เขาด้วยอารมณ์พร้อมกับพูดอย่างโกรธเคือง “นายจะลังเลอะไรอีก?หรืออยากจะเก็บกำไรจากเขามากกว่านี้หรือไงกัน?”
“เจ๊หยก ฉันพูดกับหล่อนตั้งแต่คืนแรกแล้วนะว่าฉันไม่พอใจกับชีวิตของตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างมาก หากมีโอกาสมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันเองก็ไม่อยากพลาดมันไปหรอกนะ”
เซ่อันส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เขาไม่ได้เป็นเกย์ ไม่เช่นนั้นคงไม่สานสัมพันธ์กับเจ๊หยกหรอก เพียงแต่ภาพลักษณ์แบบนี้จะทำให้เขาเป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้ามากขึ้น
เขาปรารถนาที่จะฟื้นฟูความเป็นชายอย่างจริงจังแต่ด้วยการกดขี่บังคับในชีวิตทำให้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ในครั้งนี้ หากเขาสามารถสานสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เทียน ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ทำให้ตัวเขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากใช้
“เอ๊ะ?!”
เจ๊หยกตกตะลึงพร้อมกับส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เสี่ยวอัน ฉันคิดว่านายปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงมากเกินไป นายเลือกคนที่ไม่ดี ทำไมนายถึงไปเดิมพันกับคนที่ถูกลิขิตมาให้แพ้กันล่ะ”
“ลิขิตมาให้แพ้เหรอ?”
เซ่อันไม่เห็นด้วยกับเจ๊หยก เขามองคนไม่ผิด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล่าวสรุปตัดสินที่มาที่ไม่ธรรมดาของเย่เทียนหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะมองผิดไปจริงๆ แล้วจิ้งจอกเฒ่าอย่างเฉินชังไห่ที่อยู่ไม่นานบนโลกใบนี้จะดูผิดเหมือนกันเหรอ?
สิ่งสำคัญก็คือ เมื่อเช้านี้เขาได้ไปไหว้วานเพื่อนสนิทที่เมืองเจียงหนันให้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเย่เทียนมาให้เขาหน่อยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตอบกลับมา นี่คือเหตุผลที่เขายังลังเลอยู่ มิเช่นนั้นเขาคงออกจากเกาะนกนางนวลไปนานแล้ว
กริ๊งกริ๊ง!
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือขงเซ่อันก็ดังขึ้น ซึ่งนั่นได้ทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องต่างพากันตกใจ
“เหล่าจิ่ว เป็นยังไงบ้าง?มีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับคนที่ฉันให้ไปหามาไหม?”
เซ่อันรีบไปหยิบพร้อมกับมองมัน นี่คือเพื่อนสนิทที่เขาไปไหว้วานมา เขาจึงรีบกดรับสายในทันที
เมื่อเจ๊หยกได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหยุดเช็ดผมและตรงดิ่งเข้ามาด้านข้างหูของเซ่อันเพื่อฟัง
“พี่เซ่ ครั้งนี้พี่ได้เจอกับมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่เข้าให้แล้วจริงๆ!”
เสียงอันหยาบกร้านของเหล่าจิ่วดังออกมาจากอีกด้านของไมโครโฟน “เย่เทียนคนที่พี่ให้ผมหา มีความเป็นไปได้ว่าเขาคือคนของตระกูลเย่แห่งเมืองจินเลยล่ะ!”
“ตระกูลเย่แห่งเมืองจินงั้นเหรอ?!”
เซ่อันกับเจ๊หยกต่างอุทานออกมาพร้อมกัน
“ไม่ผิด!”
เหล่าจิ่วพยักหน้าพร้อมกับอธิบายอย่างละเอียด “นายคงรู้เรื่องงานวันเกิดครบรอบของเฉินชังไห่เมื่อสองเดือนก่อนไหม?”
“ไร้สาระน่ะ ตอนนั้นไม่ได้มีคนเมาหายตัวล้มตายหรอกเหรอ?เรื่องนี้เขารู้กันไปทั่ว ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ”
เซ่อันขดริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับพูดอย่างเร่งเร้า “เหล่าจิ่ว มีอะไรก็พูดมา อย่ามาทำให้ฉันอยากรู้”
“แม้ว่าวันนั้นตระกูลเฉินจะทำการปิดล้อมไว้และห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าและออก แต่ฉันเองก็ได้หาและถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมในวันนั้น”
เหล่าจิ่วหัวเราะฮี่ฮี่พร้อมกับลดเสียงพูดลงเล็กน้อย “ว่ากันว่าในวันนั้นไม่เพียงแต่มีเหล่าบรรดาตระกูลใหญ่โตในเมืองเจียงหนันส่งคนไปร่วมงานฉลองวันเกิดเท่านั้น แม้แต่ตระกูลเย่แห่งเมืองจิน ผู้ว่าราชการชายแดนเจียงหวยและถังเหวินหลงก็เดินทางมาด้วย”
“ไม่เพียงเท่านี้นะ แม้แต่สองคนที่ตกตึกตายก็ไม่ใช่เพราะเมาแต่เป็นเพราะถูกเย่เทียนตีจนตายต่างหาก!”
“ไม่น่าจะใช่นะ?นายแน่ใจเหรอว่าไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลอก?”
เซ่อันอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก เขารู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นพี่เขยของเพื่อนบ้านของผมเอง ความสัมพันธ์กับผมก็ไม่เลวอยู่นะ”
เหล่าจิ่วส่ายหัวเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังยัดเงินให้เขาอีกหลายพัน เขาไม่มีเหตุผลต้องมาหลอกผมหรอก”
“เหล่าจิ่ว ครั้งนี้รบกวนนายจริงๆ รอฉันกลับไปเมืองเจียงหนันแล้วฉันจะชดเชยให้เอง!”
เซ่อันจัดการความสั่นไหวภายในจิตใจ เมื่อออกเสียงรับปากอย่างจริงจังก็เตรียมที่จะกดวางสาย
“พี่เซ่ รีบอะไรกัน ผมยังพูดไม่จบเลย!”
เหล่าจิ่วรีบหยุดอย่างรวดเร็ว “รู้จักหยงฟากรุ๊ปในเมืองเอกของหยางหยงฟาไหม? เป็นชายที่มีอำนาจในเมืองเอกเลยล่ะแต่เขากลับต้องยอมคุกเข่าให้เย่เทียนอย่างอับอายต่อหน้าสาธารณชน!”
“กระทั่งเมื่อวานนี้ที่หยงฟากรุ๊ปล้มละลาย!คนในบ้านของหยางหยงฟาไม่ว่าเด็กเล็กหรือคนแก่ต่างถูกพบว่าเสียชีวิตอยู่ในบ้านและตายจากการโดนแทง อย่าน้องก็คงใช้มีดสิบกว่าอันได้ มันช่างโหดร้ายมากจริงๆ!”
“แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์โดยตรงว่าเกี่ยวข้องกับเย่เทียน แต่ก่อนหน้านี้หยงฟากรุ๊ปก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจนกระทั่งได้ไปมีปัญหาทำให้เย่เทียนขุ่นเคืองเข้าให้และแน่นอนว่ามันไม่สามารถสลัดเขาหลุดออกจากความเกี่ยวข้องนี้ได้”
รอจนวางสาย เซ่อันกับเจ๊หยกต่างก็อยู่ในอาการงุนงงและไม่มีสติอยู่เป็นเวลานาน
แม้ว่าเจ๊หยกจะไม่ใช่คนเมืองเจียงหวยที่ไม่รู้เรื่องราวสถานการณ์ในเมืองแน่ชัด แต่เมื่อสักครู่หล่อนเองก็ได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งว่าผู้ว่าราชการคนใหญ่คนโตต่างไปเยือนด้วยตัวเอง!
“นี่เป็นเพราะเย่เทียนจริงๆเหรอ?”
เจ๊หยกเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รู้สึกได้แค่เพียงร่างกายที่สั่นระริกเล็กน้อย
หล่อนไม่เคยติดต่อกับคนใหญ่คนโตมาก่อน เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแบบนี้ต่อให้เป็นตู้เคอหลินที่อยู่ที่เกาะนกนางนวลก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ!
“เกรงว่าเย่เทียนคนนี้จะเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเมืองจินจริงๆ ถ้าเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าผู้ว่าราชการคนใหญ่คนโตอย่างถังเหวินหลงจะเข้าไปร่วมงานครอบรอบวันเกิดของเฉินชังไห่เป็นการส่วนตัว!”
หลังจากค้างงันอยู่นาน เซ่อันก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกับพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “เจ๊หยก หล่อนยังคิดว่าเย่เทียนจะยังแพ้อยู่ไหม?”
เจ๊หยกพูดอะไรไม่ออก หล่อนเหลือกตามองบนกลับไปอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับถอนหายใจพูดว่า “โอ้สวรรค์!หากเขาเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเมืองจินจริงๆ เกรงว่าเคอหลิน恐คงถูกเตะจนแหลกเหลวเลยล่ะ!”
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ตู้เคอหลินกำลังรวมพลอันธพาลและมีหลายสิบคนที่กำลังเตรียมพร้อมออกไปก็ได้มีคนเดินเข้ามาหาเสียก่อน
คนที่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสี้ยงเหวินกับหลู่อี้จากบริษัทหรูอี้ประมูลจำกัด!
เดิมทีหลู่อี้ไม่ได้อยากจะมาด้วยแต่พอลองคิดไปคิดมา เสี้ยงเหวินคนเดียวอาจไม่สามารถกดดันตู้เคอหลินไว้ได้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากที่เขาได้ส่งเย่เทียนกลับไปแล้วก็รีบมาที่นี่กับเสี้ยงเหวินทันที
“เคอหลิน นายเรียกคนมาเยอะแยะทำไมกัน?”
เมื่อมองเห็นชายร่างกำยำพร้อมด้วยอาวุธหลายสิบคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของตู้เคอหลิน หลู่อี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
“คุณอาหลู่ ผมอยากจะทำอะไรก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณอาหรอกใช่ไหม?”
ตู้เคอหลินยิ้มอย่างเย็นชาโดยไม่ได้สนใจหลู่อี้เลยแม้แต่น้อย “เมื่อตอนที่ผมเสียหน้าอยู่ที่โรงแรมเฟิงเฟยก็ไม่เห็นคุณอาโผล่หน้ามา ตอนนี้ยังจะมาสอนอะไรผมอีกงั้นเหรอ?”
“เคอหลิน เห็นแก่หน้าพ่อของแก ฉันขอแนะนำให้แกลืมเรื่องนี้ไปซะ!”
เมื่อมองท่าทางที่เย่อหยิ่งของตู้เคอหลิน หลู่อี้ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับพูดเตือนว่า “ไม่เช่นนั้น ไม่เพียงแต่แกหรอกนะ แม้แต่กิจการของตระกูลตู้ก็จะถูกโยงมาเกี่ยวข้องด้วย….”