ส่วนที่ 4 ตอนที่ 135 ความจริงเป็นเช่นไร?

ความลับแห่งจินเหลียน

“อรุณสวัสดิ์” ซีเหมินจินเหลียนนวดดวงตาที่บวมปูดทักทายไปที่จ่านป๋ายที่อ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาห้องรับแขก

 

“อืม อรุณสวัสดิ์ครับ” จ่านป๋ายยิ้ม ปิดหนังสือพิมพ์ในมือลง ประโยคที่ซีเหมินจินเหลียนพูดเมื่อคืนทำให้เขานอนหลับไม่สนิททั้งคืน ตอนเช้าตื่นขึ้นมา เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าตนเองเป็นอะไร อ่อนโยนเหมือนหยก ไม่มีความเกี่ยวข้องกันหรอกใช่ไหม? ถ้าหากเธอบอกว่าเป็นจ่านมู่ฮวาหรือหลินเสวียนหลานที่อ่อนโยนเหมือนหยกเขายังพอเชื่อ เขายอมรับ แต่ตัวเองนี่นะ? แค่ขโมยคนหนึ่ง ดูแล้วก็หน้าตาธรรมดาๆ เมื่อเทียบกับจ่านมู่ฮวาแล้ว เขาก็ไม่ใช่สไตล์ที่ใครจะชอบได้เลย 

 

“นอนไม่พอเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม เพราะดูแล้วใบหน้าของจ่านป๋ายวันนี้ดูซีดเซียว

 

จ่านป๋ายนิ่งงัน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้วผมยังไม่ได้นอนต่างหากล่ะ!”

 

“คุณไปขโมยของเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนพลั้งปากพูดออกไป

 

“อัญมณีถูกคนปล้นไปหมดแล้ว แล้วโจรอย่างผมจะขโมยอะไรได้?” จ่านป๋ายพูดขึ้นอย่างขมขื่น เมื่อคืนก่อนหลังจากที่เขาลองถามประโยคนั้นออกไป ซีเหมินจินเหลียนถ้าไม่เห็นว่าเขาขับรถอยู่ เธอก็คงจะถีบเขาลงจากรถไปแล้ว เธอมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง ข้อนี้จ่านป๋ายรู้ดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเขาเดาถูกใช่ไหม?

 

เพียงแค่ปัญหานี้ก็ทำให้เขาครุ่นคิดทบทวนตลอดทั้งคืน จากนั้นเขาคิดอย่างก็ไม่เข้าใจว่าเขาไปอ่อนโยนเหมือนหยกตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

ซีเหมินจินเหลียนคุ้นชินกับท่าทางสองมือกอดเข่าแล้วนั่งลงบนโซฟา ดูราวกับแมวที่เกียจคร้าน ดวงตากลมโตขนาดใหญ่ดูไร้เดียงสา แต่ไม่รู้ทำไมเขามักรู้สึกว่าเธอเหมือนจะมีพลังชั่วร้ายแฝงซ่อนอยู่ ดูอำมหิตมาก!

 

“จริงสิครับ! จินเหลียน” จ่านป๋ายเบี่ยงประเด็นสนทนา ไม่ได้คิดเกี่ยวกับปัญหาที่ซับซ้อนนี้ต่อและพูดว่า “ผมลืมบอกคุณไปเรื่องหนึ่ง”

 

“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “คุณมีเรื่องปิดบังอะไรอยู่ ผู้ที่ปฏิเสธการเปิดเผยข้อเท็จจริง จะต้องถูกจัดการอย่างสาสม! รีบยอมรับมาเสียดีๆ นะ”

 

“ผู้ที่ปฏิเสธการเปิดเผยข้อเท็จจริง ทำงานอย่างหนักแต่ก็ต้องทำ ถ้าจะต้องถูกจัดการอย่างสาสมก็จะกลับบ้านไปฉลองปีใหม่!” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดหัวเราะขึ้น “ผมคิดที่จะปฏิเสธการบอกความจริงดีกว่า เพราะว่าเดี๋ยวคุณก็จะรู้แล้ว!”

 

“เรื่องอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย

 

“จ่านมู่ฮวาเป็นคนดังในโลกบันเทิง เขาชอบเที่ยวดื่มสังสรรค์ จนกลายเป็นประเด็นความสนใจของวงการรักสนุก เขากับฉินเฮ่าไม่เหมือนกัน เขาคุ้นชินกับการยืนอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์และคอยเปล่งแสง!” จ่านป๋ายพูดพลาง ในขณะที่ส่งหนังสือพิมพ์ยามเช้าไปให้

 

ซีเหมินจินเหลียนขมวดหัวคิ้ว เขาชอบทำตัวส่องแสงภายใต้ดวงอาทิตย์ นั่นก็เป็นเรื่องของเขา ไม่มีความข้องเกี่ยวอะไรกับเธอเสียหน่อย? ตอนนี้จ่านป๋ายกำลังจะบอกอะไรเธอกันแน่ เมื่อเห็นจ่านป๋ายส่งหนังสือพิมพ์มาให้เธอ สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนก็ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก

 

บนสื่อพิมพ์มีรูปภาพสีสันสดใส มุมในการถ่ายภาพไม่ได้ดีมาก แต่เพราะว่าปัญหาเรื่องมุมกล้อง สองคนที่อยู่ในภาพดูมีความคลุมเครือ เป็นภาพถ่ายร่วมกันของเธอกับจ่านมู่ฮวา เรื่องที่น่ายินดีก็คือเพราะว่าปัญหาเรื่องมุม จึงเห็นเธอเพียงแค่มุมข้าง มองไม่เห็นใบหน้า

 

หนังสือพิมพ์พาดข่าวตัวใหญ่ว่า ‘คุณชายตระกูลใหญ่คว้าคนรักใหม่ หน้าหล่อพร้อมยอมรับใช้!’

 

จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนโยนหนังสือพิมพ์ไปอีกฝั่งจึงถามขึ้น “เป็นอะไรไปครับ?”

 

“สถานที่แบบเมื่อวานนั้น นักข่าวไม่สามารถเข้าไปได้!” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น “ไม่อย่างนั้นการเดิมพันหินใหญ่เมื่อวานคงเป็นประเด็นไปตั้งนานแล้ว! ยังมีข่าวบันเทิงอื้อฉาวระหว่างชายหญิงอยู่อีกเหรอ?”

 

“มีคนตั้งใจทำ!” จ่านป๋ายพูดขึ้น

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด รอดูไปก่อนเถอะ เพราะว่านอกจากคนที่สนิทกับเธอแล้ว คนอื่นๆ เมื่อเห็นภาพก็คงมองไม่ออกหรอกว่าเป็นเธอ

 

“เมื่อครู่จินอ้ายหัวโทรมา” จ่านป๋ายพูด “เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว”

 

“อืม…ห๊ะ…” ซีเหมินจินเหลียนที่รับน้ำเต้าหู้และซาลาเปามาจากจ่านป๋าย เมื่อได้ยินเข้าก็เกือบสำลักพ่นน้ำเต้าหู้ออกมา หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอจึงพูดขึ้นว่า “แต่งงาน?”

 

“ใช่ครับ!” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “คุณปิดโทรศัพท์ เธอถึงได้โทรมาหาผม”

 

“ทำไมเธอถึงได้แต่งงานปุบปับแบบนี้ล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ “ฉันก็เป็นเพื่อนเธอนะ”

 

“เพื่อนสนิทของคุณจะแต่งงานแล้ว คุณก็ไม่ดีใจเหรอ?” จ่านป๋ายไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเธอเท่าไหร่

 

“แล้วฉันดูไม่ดีใจตรงไหน?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “เพียงแต่ในใจของฉันรู้สึกว่า เพื่อนกำลังจะแต่งงานแล้ว แต่แฟนฉันก็ยังไม่มีเลย!”

 

จ่านป๋ายยิ้มออกมา แฟน? ตราบใดที่เธอยินยอม ทำไมต้องกังวลว่าจะไม่มีแฟนด้วย?

 

“งานแต่งงานมีวันไหน” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“หลังจากนี้อีกสองวันครับ” จ่านป๋ายพูด “เสาร์นี้ เธอเชิญให้คุณไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวและให้ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่ผมต้องไปอเมริกาคงจะอีกหนึ่งเดือนถึงจะได้กลับมา ถ้าอย่างนั้นคุณไปกับหลินเสวียนหลานไหม?”

 

“ค่อยว่ากันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนกินซาลาเปาไส้ถั่วหนึ่งลูกและส่ายศีรษะเบี่ยงประเด็นถาม “คดีปล้นอัญมณีเมื่อวาน ตกลงเป็นยังไงบ้าง”

 

จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็คิดทบทวน “เรื่องที่พวกเขาทำ พวกเขาคุ้นเคยดี พวกเขาคงจะเอาอัญมณีบางส่วนยัดของกลางไปให้แก็งค์อำนาจมืดท้องถิ่น จากนั้นจึงให้สินบนกับเบื้องบน แล้วรีบปิดคดีรวดเร็ว คดีแบบนี้ส่วนมากจะเป็นเช่นนี้ คนใหญ่คนโตยินดีที่จะเห็นการกำจัดกองกำลังแก็งค์อำนาจมืดท้องถิ่น นี่ยังเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงและมีบทบาทชี้ขาดในความมั่นคงทางสังคม”

 

“คำพูดนี้ทำไมดูพูดออกมาได้อย่างง่ายดาย” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วไม่พูดอะไร

 

 

สองวันมานี้เลี่ยวก่วงปวดหัวหนัก  ไม่สิ! เขาปวดหัวหนักมาก! ในงานนิทรรศการอัญมณี มีบริษัท จิวเวอรี่ถึงสิบสามแห่งถูกปล้น สมบัติที่หายากของเมืองนี้ถูกปล้นจนว่างเปล่า แถมภายหลังยังได้รับคดีแจ้งความติดต่อมาว่าผู้ชายที่รักของคุณนายซู หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ถูกคนฆ่าตายในคลับหยก!

 

เพราะฉะนั้นเลี่ยวก่วง ผู้บังคับบัญชาตำรวจในสังกัดกองคดีอาญาในเมืองเซี่ยงไฮ้นำทีมสืบสวนสอบสวนตรวจสอบคดีอย่างจริงจัง สุดท้ายหลักฐานทั้งหมดต่างบ่งชี้ไปที่หัวหน้างานนั่นก็คือ คุณนายซูจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่!

 

ไม่มีเหตุผลอื่นๆ อะไร หลังจากที่เลี่ยวก่วงตรวจสอบดูแล้วถึงทราบว่าในงานเดิมพันหินใหญ่ในคลับหยก คุณนายซูแพ้ไปด้วยเงินสดนับพันล้าน ไหนจะแบ่งหุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไปถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ให้คนอื่น เพราะฉะนั้นคุณนายซูแพ้จนหมดทางเลยส่งคนให้เสี่ยงอันตรายมาปล้นอัญมณีล้ำค่าของบริษัทจิวเวอรี่ถึงสิบสามแห่งภายใต้ในนามตนเอง…

 

มิน่าล่ะคดีปล้นครั้งนี้ถึงส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาคุ้มกันในงานนิทรรศการจำนวนมาก เพื่อที่จะทำให้โจรสะดวกคล่องมือได้ง่าย ที่แท้ปล้นทรัพย์สินที่ตัวเองเป็นคนจัดการดูแล!

 

ส่วนหวังหมิงเหยาคนนั้น เป็นเพราะไปล่วงรู้ความลับของคุณนายซูเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงถูกฆ่าปิดปาก!

 

คดีกระจ่างชัด ตามกระบวนการจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบต่อไป จนกระทั้งเบื้องบนออกมาแถลงข่าวในคืนวันนี้ว่าสองวันนี้มีประเด็นร้อนแรงอย่างคดีปล้นอัญมณีและคดีฆ่าคนตาย ได้ถูกจัดการปิดคดีเป็นที่เรียบร้อยและกำลังตามอัญมณีที่ถูกปล้นจำนวนมากกลับคืนมา…

 

จุดไฟบุหรี่ เลี่ยวก่วงรู้สึกเหนื่อยล้าก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ มองรายงานปริ้นที่เพิ่งส่งมา คดีนี้จะจบแบบนี้ใช่ไหม คนที่โชคร้ายก็คือพวกแก็งค์อำนาจมืดท้องถิ่น เพราะว่าพวกเขาถูกคุณนายซูจ้างมาขโมยอัญมณีเหล่านั้น บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ถูกรื้อถอนคดี ส่วนคุณนายซูได้ถูกประกันตัวออกมา ขอแค่ยัดสินบนไม่ให้พูดออกมา รายงานจะเขียนอย่างไรก็ย่อมได้

 

แต่ในใจของเขาก็รู้ดีว่าคดีนี้ไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น

 

หวังหมิงเหยาคนนั้นเกิดที่เมืองเซียงไฮ้ มีความเป็นเด็กผู้ชายที่ถูกเลี้ยงจนติดนิสัย รูปร่างลักษณะธรรมดาเท่านั้น แต่คุณนายซูสวยสะพรั่งขนาดนั้น แล้วเธอจะไปเหลียวตามองสนใจผู้ชายธรรมดาคนนั้นได้อย่างไรกัน? และในขณะที่สืบคดี เขาก็รู้มาว่าคุณนายซูและหวังหมิงเหยารู้จักกันแค่สองวันเท่านั้น

 

การวางแผนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของบริษัทจิวเวอรี่ ทำไมถึงให้ผู้ชายที่รู้จักไม่ถึงสองวันรู้เรื่องนี้? ไม่อย่างนั้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงจะไม่เป็นเสาหลักของธุรกิจอัญมณีในประเทศหรอก แน่นอนนับจากวันนี้เป็นต้นไป อิทธิพลบริษัทจิวเวอรี่ในประเทศคงจะต้องถูกล้มล้างใหม่แล้ว

 

เลี่ยวก่วงยื่นมือไปกดที่คีบอร์ดคอมพิวเตอร์  มีภาพสีภาพหนึ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขา ผู้หญิงคนนี้ก็สวยจริงๆ แต่ไม่ได้สวยขนาดทำให้คนตกตะลึงเหมือนคุณนายซู แต่ให้ความรู้สึกถึงพลังเย้ายวน ดูเผินๆ เหมือนจะใสซื่อบริสุทธิ์ไม่มีพิษสง ดูราวกับแสงแดดอ่อนๆ แต่ลึกๆ แล้วข้างในนั้นกลับมีด้านมืดคอยครอบงำ

 

เธอยังสาว เลี่ยวก่วงค่อยๆ พ่นควันออกมาจากปาก ด้วยหมอกควันจึงทำให้รูปภาพในคอมพิวเตอร์ค่อนข้างหมองมัว ทำให้คนมองไม่เห็นถึงความจริง…

 

ผู้หญิงคนนี้ชื่อซีเหมินจินเหลียน ตอนที่ตรวจสอบสาเหตุการตายของผู้ตาย เขาก็ได้ตรวจค้นเจอถึงผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่นานเขากลับตกใจอย่างสุดขีด

 

ไม่มีใครที่ประวัติครอบครัวจะเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วอย่างเธอ เวลาไม่ถึงครึ่งปีเธอก็ได้สะสมทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าจนร่ำรวยขึ้นมา แต่ครึ่งปีก่อนหน้าเธอกลับถูกหวังหมิงเหยาปฏิเสธเพราะความยากจน ด้วยเหตุผลนี้ทั้งสองจึงเลิกกัน?

 

ในเวลาครึ่งปี หวังหมิงเหยากลายเป็นคนธรรมดา ส่วนเธอประสบความสำเร็จด้วยการซื้อหุ้นบริษัทจิวเวอรี่? นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เขาตรวจเจอที่ทำให้เขาตกใจก็คือ คุณนายซูพ่ายแพ้ให้กับเธอในงานเดิมพันหินใหญ่ แพ้จนต้องแบ่งหุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไปถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แพ้จนต้องจ่ายเงินสดไปเจ็ดแปดร้อยล้าน…

 

เธอทำได้อย่างไรกัน? เลี่ยวก่วงถามตัวเองอยู่ในใจ สูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอดก่อนจะนำก้นบุหรี่บี้เข้ากับที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นก็พ่นควันออกมา คดีแบบนี้ถ้าหากจะค้นหาต่อไป ตัวบ่งชี้สุดท้ายคงไปที่ผู้หญิงคนนี้ เพราะเธอเป็นผู้ชนะสุดท้ายในเกมนี้

 

แต่เบื้องบนไม่ให้เขาตรวจสอบต่อ ในใจของเลี่ยวกวงรู้และเข้าใจดีว่าคุณนายซูเป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้น บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ครั้งนี้ก็ได้ทำร้ายตัวเองแล้ว อัญมณีที่ตามกลับมาไม่ใช่สินค้าธรรมดา มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่ไม่มีโอกาสได้เจอ

 

ในใจของเขาเข้าใจดี ในอนาคตคงมีสักวันที่อัญมณีพวกนี้จะเปลี่ยนรูปลักษณ์เค้าเดิม ส่องแสงเปล่งประกายปรากฏตัวที่งานนิทรรศการอัญมณีอื่นๆ อีก เพียงแต่เจ้าของเปลี่ยนไปเท่านั้น…

 

คดีแบบนี้ไม่ต้องตรวจสอบต่อไป ปิดคดีแล้ว เขาตั้งหน้าตั้งตารอประดับยศแล้วกัน แต่ในใจเขามีความสนใจในตัวผู้ชนะวันนี้อย่างลึกลับ สองวันมานี้เขาลองหาข้อมูลของเธอมาตรวจสอบ เสียดายที่ข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ราวกับกางเกงในที่สะอาดใสของหญิงสาวบริสุทธิ์ สะอาดจนทำให้คนสงสัย…

 

เด็กผู้หญิงจากชนบท ทำไมถึงต้องมีชื่อที่ร้ายกาจเช่นนี้…ซีเหมินจินเหลียน?