บทที่****132: หยกกล่องกับดัก
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นป่า มันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหินสีดำชนิดพิเศษ รัศมีของที่แห่งนี้กว้างราวหนึ่งพันฟุต ไม่มีหมอกอยู่ภายในและให้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนอย่างมาก ด้านในของมันเต็มไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่มากมาย ส่วนใหญ่สูงกว่าหนึ่งร้อยฟุต ในขณะที่โขดเล็กมีขนาดเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น ตรงใจกลางของมันมีโขดหินยื่นออกมาพร้อมกับปลายของมันมีกล่องสีขาวขนาดเท่ากำปั้นติดอยู่ บนกล่องหยกนั้นมีประทับตราสีทองเอาไว้
เนื่องจากก่อนหน้านี้นักบวชฮัวอวิ๋นได้ชี้แจงไว้แล้ว เจ้าอ้วนรู้ได้ทันทีว่านั่นคือผลไม้วิญญาณซึ่งถูกเก็บไว้ในกล่องหยก
แม้ว่าสมบัติจะอยู่ตรงหน้าของเขาก็ตาม แต่เจ้าอ้วนก็ไม่ได้หน้ามืดตามัววิ่งเข้าหามันแต่อย่างใด เขาได้รับการเตือนแล้วว่าทุกที่ที่ผลไม้วิญญาณถูกเก็บไว้ จะมีอันตรายซ่อนอยู่อย่างนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะได้ครอบครองผลไม้วิญญาณ จะต้องผ่านการต่อสู้ก่อนในขั้นแรก ดังนั้นแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะดูราวกับเงียบสงบ แต่เจ้าอ้วนก็ไม่ประมาทที่จะดึงพลังทั้งหมดมาป้องกันตนเอง เขาใช้สัมผัสวิญญาณเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด แต่กลับไม่พบสิ่งใด ไม่พบแม้กระทั่งปราณจิตวิญญาณใดราวกับว่ามันคือพื้นที่ว่างเปล่า
จากนั้นเจ้าอ้วนจึงวางแผนที่จะสำรวจพื้นที่ทั้งหมดใหม่อีกครั้งจากเสียงต่าง ๆ ภายในนี้ เขาได้ยินเสียงเบาค่อยจากด้านบน ปรากฏเงาของมนุษย์เดินออกมาจากพื้นที่ของป่า มันปรากฏขึ้นมาอย่างดำมืดและยืนอยู่ห่างจากเจ้าอ้วนไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น
เขาใช้สัมผัสวิญญาณพุ่งไปเพื่อตรวจสอบอย่างจริงจัง เกิดความประหลาดใจขึ้นภายใน เมื่อพบว่าบุคคลผู้นี้ช่างลึกลับแต่กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง สุดท้ายนั้นเขาก็ทราบว่านั่นคือเสี่ยวไป่หลง! ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์นี้คือเรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ตำแหน่งแรกเริ่มของพวกเขาทั้งสองใกล้เคียงกันอย่างมาก ผลลัพธ์ของมันก็คือทำให้พวกเขาพบเจอกันระหว่างค้นหาผลไม้วิญญาณ
ในขณะนั้น เสี่ยวไป่หลงได้พบเจอกับเจ้าอ้วน เขาไม่ได้โง่และมองหันย้อนกลับไปด้านหลัง เขาเดาสถานการณ์อย่างรวดเร็วว่าเจ้าอ้วนนั้นมาถึงก่อนเขา ตามหลักแล้วในการค้นหาผลไม้วิญญาณ ศิษย์ในสำนักเดียวกันจะไม่ต่อสู้เพื่อแย่งชิง จะใช้หลักการณ์ ‘มาก่อน ได้ก่อน’ ดังนั้นผลไม้วิญญาณชิ้นนี้จะต้องเป็นของเจ้าอ้วน
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป่หลงคุ้นเคยกับการปฏิบัติตนเช่นนี้มาอย่างยาวนานเมื่อครั้งยังอยู่ในสำนักเสวียนเทียน ตรงหน้านั้นมีสมบัติวางอยู่ แล้วจะมามัวพูดคุยเรื่องไร้สาระกันได้อย่างไร? แม้เขาจะรู้ดีกว่าทั้งสองคนคือพวกพ้องกัน แต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดเขาได้ เสี่ยวไป่หลงวิ่งไปด้านหน้าทันทีเพื่อคว้าเอาสมบัติ พร้อมกันนั้นเขาตะโกนออกมาอย่างอหังการ “ไขมันบัดซบ ผลไม้วิญญาณชิ้นนี้ถูกพบโดยนายน้อยของเจ้า! มันจะเป็นการดีถ้าหากเจ้าไม่ดื้อด้านต่อสู้กับข้าเพื่อแย่งชิงมัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าอ้วนแทบจะสำลักความโกรธจนตาย พร้อมกับคิดในใจ ‘เจ้าเด็กสารเลวนี่ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก วันนี้บิดาผู้นี้จะสอนบทเรียนให้สักหนึ่งหรือสองบท!’
ขณะเดียวกันเจ้าอ้วนที่กำลังเตรียมพร้อมจะวิวาทด้วย ร่างกายของเขาพลันแข็งค้างทันทีเมื่อนึกบางสิ่งขึ้นได้ หลังจากนั้นเขาหยุดการกระทำทั้งหมดพร้อมกับวางแผนที่จะตอบโต้กลับ เขาเผยยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกับกล่าวอย่างสบาย ๆ “ถ้าหากศิษย์พี่กล่าวเช่นนั้น มันก็สมควรเป็นของท่าน ได้โปรดไปเอามันมาให้ข้าดูเป็นขวัญตาเถิด!”
ในตอนแรกเสี่ยวไป่หลงคิดว่าเจ้าอ้วนจะทะเลาะกับเขา และไม่เคยคาดคิดว่าสิ่งที่เจ้าอ้วนกระทำในตอนท้ายจะน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนแรก เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาเข้าใจผิดว่าเจ้าอ้วนเกรงกลัวที่จะต่อสู้กับเขา จึงทำให้ความอหังการในตัวพุ่งสูง เสี่ยวไป่หลงตะโกนออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักนายน้อยของตัวเองเสียที! ฮ่าฮ่า!” เขาชะลอฝีเท้าลง เพื่อแสดงให้ดีขึ้นในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปหาสมบัติที่อยู่ด้านหน้า
เมื่อได้ยินความเย่อหยิ่งในน้ำเสียงตรงหน้า เจ้าอ้วนรู้สึกขอบคุณตนเองที่ยังอดทนไม่ตายตกไปเพราะคำพูดเด็กสารเลวผู้นี้ เขาพยายามกลืนความโกรธลงไปพร้อมกับเผยยิ้มออกมาอย่างกล้ำกลืน ‘โง่เง่าชะมัด คนบ้าเท่านั้นที่จะสูญเสียตัวตนเมื่อพบสมบัติล้ำค่า เขาลืมแม้กระทั่งคำเตือนจากอาวุโส ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าคนประหลาดเช่นนี้ จะประหลาดได้มากกว่าที่ข้าคิด ข้าจะยืนรอดูชะตากรรมของเจ้าอยู่ตรงนี้แหละ!’
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าอ้วนจึงปล่อยให้เสี่ยวไป่หลงเข้าไปหยิบสมบัติอย่างง่ายดาย เมื่อเขาสัมผัสกับกล่องหยก เกิดแสงสีดำพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มีมดสีดำมากมายพุ่งออกมาจากโขดหินจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดในถ้ำได้อีก จำนวนของมันนั้นมากกว่าแสนแน่นอน มันทั้งหมดกระโดดเข้าหาเสี่ยวไป่หลงพร้อมกับปิดกั้นฟ้าดินออกจากตัวตนของเขาอย่างสมบูรณ์
เสี่ยวไป่หลงตกใจอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงหยิบดาบบินออกมาและคิดบินหนีไป แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อหยิบเอาดาบบินออกมา มันจะถูกดึงดูดไปติดอยู่กับโขดหินทันที
“ภูเขาแม่เหล็กงั้นหรือ?” เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เสี่ยวไป่หลงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “สถานที่แห่งนี้คือภูเขาแม่เหล็กงั้นหรือ? สวรรค์! แม้แต่ดาบบินของข้าก็ยังไม่อาจใช้งานได้ ทำยังไงดี!?” แม้ว่าเสี่ยวไป่หลงจะตื่นตระหนกอยู่ แม้ว่าดาบของเขาจะบินไม่ได้ แต่มดเหล่านี้บินได้ และมันพุ่งเข้าหาเสี่ยวไป่หลงอย่างต่อเนื่อง เขี้ยวของพวกมันคมมาก มีแนวโน้มว่าเนื้อของเขาสามารถฉีกขาดได้จากการกัดเพียงครั้งเดียว
เด็กหนุ่มผู้โง่เขลาตะโกนขึ้นมาทันที “เผา เผาพวกมันให้หมด!”
หลังจากสิ้นสุดเสียงตะโกน มีต้นไม้อยู่ห่างจากเขาไปหนึ่งฟุตกำลังส่องแสงออกมา เมื่อมันถูกเปิดออกปรากฏเปลวไฟสีแดงพุ่งออกมาราวกับมังกรคำราม มดทั้งหมดที่บินเข้ามาถูกเผาจนมอดไหม้ทันที แน่นอนว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้คือสิ่งที่นักบวชฮัวอวิ๋นมอบให้เขา เมื่อคราวที่เขาได้สูญเสียชิ้นแรกไปแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ของมันดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าดาบที่เขาใช้ก่อนหน้านี้
หลังจากที่เผามดบินมากมายจนนับไม่ถ้วน เสี่ยวไป่หลงรีบหยิบดาบพร้อมกับหนีไปหลังจากที่ได้ของที่ต้องการ
แต่ทว่าเขาประเมินความสามารถของมดบินต่ำเกินไป เพียงเผาไหม้แค่นับหมื่นไม่อาจเทียบจำนวนนับแสนที่มันมีอยู่ได้เลย เมื่อพี่น้องของพวกมันตายตกไป พวกมันยิ่งโกรธจัดมากขึ้นพร้อมกับรายล้อมเสี่ยวไป่หลงจากทุกทิศทางเพื่อสาบานว่าจะกัดชายผู้ส่งพี่น้องของมันให้ตายตกตามกันไป
แน่นอนว่าเสี่ยวไป่หลงที่ใช้สมบัติวิเศษนั้นไม่ได้อ่อนแอ เขาควบคุมมังกรเพื่อเผาไหม้เส้นทางที่เขาต้องการจะไปได้อย่างรวดเร็ว
แต่เห็นได้ชัดว่ามดบินไม่คิดจะปล่อยเขาไป พวกมันทั้งหมดยังคงไล่ล่าอย่างไม่คิดชีวิต สำหรับเสี่ยวไป่หลงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยกับเขาอีกต่อไป นี่เป็นเพราะเขาออกมาจากขอบเขตของภูเขาแม่เหล็กแล้ว และในตอนนี้เขาสามารถใช้ดาบบินได้อีกครั้ง แม้ว่าจะบินได้ไม่สูงนักเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้าผ่า แต่ความเร็วของดาบก็ยังเร็วกว่ามดบินอยู่มาก
เสี่ยวไป่หลงวางแผนไว้อย่างยอดเยี่ยมและทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เขาหยิบดาบทันทีเมื่อออกจากภูเขาแม่เหล็ก แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ เกิดแสงสีทองแตกกระจายออกมาในอากาศและมันทุบลงไปบนดาบบินของเขา เกิดเสียงดังขึ้นขณะพบว่าอุปกรณ์วิเศษขั้นเก้าของเขาตอนนี้ได้หักออกเป็นสองชิ้น
เสี่ยวไป่หลงผู้โง่เขลาโกรธจัดทันที ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือเขาจะไม่สามารถบินได้อีกถ้าหากไม่มีดาบบิน และถ้าหากเขาไม่สามารถบินได้ เขาจะไม่สามารถจัดการกับมดที่อยู่ด้านหลังได้ แม้ว่าการโจมตีของมังกรไฟที่เขามีจะเป็นเลิศ แต่ปริมาณของปราณจิตวิญญาณที่มันต้องใช้นั้นนับได้ว่าเป็นราคาที่แพงมาก ซึ่งเสี่ยวไป่หลงไม่มีความสามารถที่จะเผามดบินนับล้านตัวนี้ได้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก่อนที่เขาจะสังหารพวกมันได้หมด ปราณจิตวิญญาณของเขาจะต้องหมดลงก่อนอย่างแน่นอน และนั่นจะทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นอาหารมื้อเย็นของมดบินทันที หรือก็คือการที่เขาถูกทำลายดาบบินนั่นคล้ายกับว่าเขาถูกสังหารไปแล้ว!
เสี่ยวไป่หลงโกรธจัดพร้อมกับหันไปหาแสงสีทองทันทีว่ามาจากไหน เขาพบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยพร้อมกับความเกลียดชังเต็มหัวใจ! มันเป็นใบหน้าของเจ้าอ้วนที่กำลังหัวเราะอย่างชาญฉลาด ในมือของเขาแน่นอนว่ามันคือดาบธาตุโลหะ!
“ไขมันบัดซบ เจ้ากล้ามากที่กระทำเช่นนี้กับข้า! บิดาของเจ้าผู้นี้จะไม่มีวันลืมเรื่องนี้เด็ดขาด!” เขาคำรามไปหาเจ้าอ้วนด้วยความเกรี้ยวกราด เสี่ยวไป่หลงแทบจะตายตกไปเพราะโกรธจัด และในตอนนี้เขาไม่อาจควบคุมความโกรธนี้ได้อีกต่อไป จึงพยายามระบายมันออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อมองเสี่ยวไป่หลงที่ใบหน้าบูดเบี้ยว เจ้าอ้วนก็ไม่ได้ใส่ใจสิ่งใด เขาลูบใบหน้าของเขาไปมาอย่างเบื่อหน่าย พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างเกียจคร้าน “ศิษย์พี่ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าภัยที่เจ้ากำลังพบเจอตอนนี้หนักหนาสาหัส? ถ้าหากข้าเป็นเจ้า แน่นอนว่าข้าจะไม่มีทางข่มขู่บุคคลเพียงผู้เดียวที่สามารถช่วยชีวิตให้พ้นจากความตายได้!”
เมื่อเสี่ยวไป่หลงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เจ้าคิดว่าข้าจะตายตกอยู่ในที่แห่งนี้งั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! เจ้าคิดว่าฐานะของข้าแร้นแค้นเช่นเจ้างั้นหรือ? ข้าไม่ได้มีดาบบินเพียงเล่มเดียว!” ขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบดาบบินขั้นแปดออกมาอีกด้าม
ในคราวนี้เขาระมัดระวังการโจมตีของเจ้าอ้วนมากขึ้น เขาใช้มังกรอัคคีเพื่อปิดเส้นทางการโจมตีของเจ้าอ้วน แต่เขาประเมินความสามารถของเจ้าอ้วนน้อยเกินไป ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว ดาบแห่งธาตุทั้งห้าได้พุ่งออกไปหาเสี่ยวไป่หลง เมื่อมองจากวิถีการโจมตีของมัน ในคราวนี้ไม่ใช่การทำลายดาบอีกแล้ว แต่เป็นการโจมตีเสี่ยวไป่หลงโดยตรง!
เสี่ยวไป่หลงผู้โง่เขลาหวาดกลัวอย่างหนักและพยายามจะป้องกัน เขาเรียกอุปกรณ์วิเศษทั้งหมดที่เขามีออกมา พร้อมกับสมบัติวิญญาณเพื่อใช้ป้องกันอีกด้วย ในตอนสุดท้ายเกิดเสียงกระทบกันของโลหะ ในคราวนี้เขาไม่เพียงแต่เสียดาบบินไป สองอุปกรณ์ที่ถูกเรียกออกมาป้องกันถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวไป่หลงกำลังจะตายเพราะความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในอก เขาคิดว่าเขามีอุปกรณ์มากมายเหลือเฟือจึงเตรียมดาบบินมาเพียงสองเล่มเท่านั้น! เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะพบเจอกับเจ้าอ้วนที่ทำลายอุปกรณ์ของเขาอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ซึ่งในเวลานี้เขากำลังหมดหวังอย่างรุนแรง
เมื่อคิดเช่นนั้น เสี่ยวไป่หลงโกรธจัดพร้อมคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ไขมันบัดซบ เจ้าพยายามจะสังหารเพื่อนร่วมสำนักของตนเองงั้นหรือ?”
เจ้าอ้วนหยิบดาบบินของเสี่ยวไป่หลงขึ้นมาพร้อมสลักคำว่า ‘เสี่ยวไป่หลงเผามดบิน’ จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างสุขุม “ศิษย์พี่ ไม่ใช่ท่านงั้นหรือที่ข่มขู่ข้าก่อน?”
เสี่ยวไป่หลงตกตะลึงไปชั่วครู่พร้อมกับคิดได้ จากนั้นเขารีบกลับสู่สภาวะปกติทันที เขารู้ทันทีว่านี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรง ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะต้องพึ่งพาการช่วยเหลือของเจ้าอ้วนเท่านั้น ถ้าหากไม่ทำเช่นนั้น เขาจะถูกสังหารตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งในตอนนี้เขาไม่มีทั้งดาบบินและไม่สามารถวิ่งหนีมดบินได้
เมื่อคิดเช่นนั้น เสี่ยวไป่หลงผู้โง่เขลาที่กำลังหวาดกลัวจนถึงขีดสุดคุกเข่าลงและอ้อนวอนเจ้าอ้วน “ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ข้าไม่เคยคิดเลย ศิษย์น้อยได้โปรดให้อภัยในคำพูดของข้า ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
“ศิษย์น้องงั้นหรือ? เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์น้อง?” เจ้าอ้วนกล่าวต่ออย่างสงบ “ข้าคิดว่าข้าถูกเรียกว่าไขมันบัดซบเสียอีก!”