บทที่****133: ความงดงามที่อันตราย
ในขณะที่เสี่ยวไป่หลงได้ยินว่าเจ้าอ้วนพูดอะไร เขาโกรธจัดจนแทบจะตายตกไป พร้อมคิดในใจ ‘ชีวิตของข้ากำลังอยู่บนเส้นด้าย แต่ไขมันบัดซบอย่างเจ้ากลับกล่าววาจาไร้สาระอยู่งั้นหรือ?! ถ้าหากนายน้อยของเจ้ารอดพ้นไปได้ แน่นอนว่าข้าจะต้องให้เจ้าชดใช้อย่างสาสม!’ เมื่อเกิดภัยคุกคามเช่นนี้ เขารีบพูดทุกอย่างออกไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขากล่าวขึ้นมาอย่างอ้อนวอน “ศิษย์น้อง ศิษย์น้องซ่ง ความผิดที่ไม่ดีของข้าก่อนหน้านี้ ได้โปรดเห็นแก่ที่เราเป็นพี่น้องร่วมสำนักเถิด ได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย!”
“ไอ้ย่ะ แน่นอน เราคือเพื่อนร่วมสำนักกัน!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับส่ายหัว “แต่เนื่องจากข้าเดินมาทั้งวันแล้ว ในตอนนี้ข้าหิวมาก ข้าไม่มีพลังเหลือที่จะช่วยเหลือศิษย์พี่ได้เลย!”
เสี่ยวไป่หลงกรอกตาไปมา พร้อมคิดในใจ ‘เมื่อครู่เจ้ามีพลังมากพอที่จะทำลายดาบบินของข้า แต่ในตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าไม่มีพลังเหลือที่จะช่วยข้า เพราะว่าเจ้าหิวงั้นหรือ?’
แต่อย่างที่พูดไป การที่ชีวิตอยู่ภายในมือของผู้อื่น ทางเลือกเดียวที่มีอยู่คือก้มหัว ในตอนนี้ปราณจิตวิญญาณมากกว่าครึ่งของเสี่ยวไป่หลงได้หมดลงไปแล้ว ถ้าหากในเร็ว ๆ นี้เขายังไม่ได้รับการช่วยเหลือ แน่นอนว่าเขาจะต้องกลายเป็นอาหารเย็นของมดบินเหล่านี้ ดังนั้นแม้ว่าเจ้าอ้วนกำลังสร้างความยากลำบากให้กับเขาอยู่ แต่ในเวลาเช่นนี้เขาทำได้เพียงเก็บงำความโกรธไว้และอ้อนวอนต่อไปเท่านั้น “ศิษย์น้อง ได้โปรดมีเมตตาและช่วยข้าก่อนเถิด เมื่อไหร่ที่เราออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ข้าจะมอบอาหารทุกสิ่งอย่างที่เจ้าต้องการให้อย่างแน่นอน!”
“งั้นหรือ?” เจ้าอ้วนเผยยิ้มพร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แม้ว่าข้าจะบอกว่าข้าต้องการกินผลไม้วิญญาณงั้นหรือ?”
“เรื่องนั้น….” เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวไป่หลงไม่ใช่คนงี่เง่า ในขณะที่ฟังเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น เขารู้เจตนาของมันทันที ไขมันบัดซบผู้นี้ต้องการแย่งชิงผลไม้วิญญาณที่เขาเพิ่งไปหยิบมา
แม้ว่าผลไม้วิญญาณจะสำคัญกับเขามาก แต่ในนาทีนี้ชีวิตย่อมสำคัญกว่า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ศิษย์น้องต้องล้อเล่นอย่างแน่นอน เจ้าไม่ได้ต้องการเพียงผลไม้วิญญาณใช่หรือไม่? ตราบใดที่เจ้าช่วยเหลือพี่ชายผู้นี้ แน่นอนว่าข้าจะมอบมันให้เจ้าอย่างไม่ชักช้า!”
“ศิษย์พี่ ไม่ใช่ว่าน้องชายผู้นี้ไม่เชื่อท่าน มันเป็นเพียงหน้าที่ของศิษย์น้องที่ต้องปกป้องท่าน ข้า… อ่อนแอเนื่องจากหิวโหย ข้าไม่อาจเดินได้มากกว่านี้แล้ว เหตุใดท่านจึงไม่โยนผลไม้วิญญาณให้ข้าและข้าจะช่วยเหลือท่านหลังจากข้ากินมันเสร็จล่ะ?” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างสุขุม
ในขณะที่เสี่ยวไป่หลงได้ยินเช่นนั้น เขากระวนกระวายใจทันทีพร้อมกับตะโกนออกไป “แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเจ้าทิ้งข้าหลังจากกินมันล่ะ?”
“ศิษย์พี่ไม่ไว้ใจข้างั้นหรือ!” เจ้าอ้วนแสร้งพูดออกไปราวกับว่าเขาเสียใจและกล่าวต่ออย่างขุ่นเคือง “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป ข้าขอตัวก่อน!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เจ้าอ้วนจึงหันกายกลับไปทันที
เสี่ยวไป่หลงหวาดกลัวฉับพลันเมื่อได้เห็นเช่นนั้น ขณะที่เจ้าอ้วนกำลังจะจากไป เขาก็ต้องตายตกเช่นกันไม่ใช่หรือ? เขารีบตะโกนออกมาทันที “อย่าเพิ่งไป ได้โปรด ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบเอากล่องหยกที่เพิ่งได้รับมา พร้อมกับลูบไล้มันอยู่ชั่วครู่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ จากนั้นเขาโยนมันให้กับเจ้าอ้วน ในขณะนั้นเสี่ยวไป่หลงสาปแช่งเจ้าอ้วนอยู่ในใจ ‘ไขมันบัดซบ ขอฝากสิ่งนี้ไว้กับเจ้าก่อน เมื่อไหร่ที่นายน้อยของเจ้าปลอดภัย ข้าจะส่งเจ้าไปสู่ความตายเอง!’
ในขณะที่เสี่ยวไป่หลงกำลังโกรธจัดอยู่ภายในใจ เจ้าอ้วนที่ได้รับกล่องหยกอยู่ในสภาวะที่มีความสุขอย่างถึงที่สุด จากนั้นเขาก็ตรวจสอบว่าตราประทับทุกสิ่งยังคงอยู่เช่นเดิมหรือไม่ จากนั้นเขาจึงเก็บมันเข้ามิติด้วยความพอใจ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมตะโกนออกมา “โอ้ ไม่นะ ศิษย์พี่! ข้ารู้สึกท้องเสีย! ได้โปรดรอข้าสักครู่! ข้าจะกลับมาช่วยเจ้าเมื่อข้านำของเสียออกจากร่างกายจนหมด!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาเรียกพยัคฆ์ปีกแหลมออกมาพร้อมวิ่งออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้เสี่ยวไป่หลงกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น จากนั้นเขาก็หายตัวไปในป่าที่หนาทึบ
เมื่อเสี่ยวไป่หลงเห็นเช่นนั้น เขาเดือดดาลจนอวัยวะภายในแทบจะระเบิดออกมาและเกือบจะตายตกไปทันที จากนั้นจึงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ไขมันบัดซบ เจ้ากล้ามากที่หลอกลวงข้า! เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่!” แต่เจ้าอ้วนได้หลบหนีไปไกลเสียแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้ยินอะไรเลย แม้ว่าเขาจะก่นด่าสาปแช่งยังไงก็ไม่อาจช่วยให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้นสักนิด ดังนั้นหลังจากตะโกนเสร็จสิ้นเขารวบรวมพลังไว้ที่เท้าของตนเองจากนั้นวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
เพราะป่าหนาทึบมาก ความเร็วของเขาจึงถูกจำกัด อีกทั้งปราณจิตวิญญาณของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว แต่ในทางกลับกันพืชพรรณต่าง ๆ กลับไม่ทำให้มดบินช้าลงแม้แต่น้อย พวกมันยังคงไล่ล่าเสี่ยวไป่หลงอย่างแข็งขันจนถึงที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นภายในป่า ในขณะนั้นมีลูกไฟยักษ์ปรากฏขึ้น แต่สถานที่แห่งนี้ชื้นเกินไปและไฟไม่อาจใช้งานได้มันจึงดับไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้า เจ้าอ้วนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพยัคฆ์ปีกแหลม จากนั้นเขาเริ่มทำการค้นหาและพบโครงกระดูกสีขาว และเศษซากเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ ซึ่งมันคือโครงกระดูกของเสี่ยวไป่หลง และเจ้าอ้วนรู้สึกสมเพชให้กับเขาเท่านั้น!
จากร่องรอยบนพื้นที่ถูกเผาไหม้ เจ้าอ้วนรับรู้เหตุการณ์เบื้องต้นได้อย่างดี แน่นอนว่าเสี่ยวไป่หลงพยายามวิ่งโดยใช้ปราณจิตวิญญาณและบังคับให้สมบัติวิเศษของเขาทำงานเพื่อทำลายเหล่ามดบินที่กำลังไล่ล่าเขา แต่ช่างน่าสังเวช เพราะการที่เขาระเบิดสมบัติวิเศษของตนเองมันทำไม่ต่างเป็นการทำลายชีวิตของตนเองลงไปด้วย แม้ว่าจะมีมดบินหลายตัวที่ตายตกไป แต่เหล่ามดที่เหลือก็ยังสามารถสังหารเขาได้ดังเดิม
สำหรับความตายของเสี่ยวไป่หลง เห็นได้ชัดว่าเจ้าอ้วนไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียดายนั่นคือสมบัติวิเศษที่ถูกทำลายลงไป เจ้าอ้วนพยายามตรวจสอบว่าเขาสามารถดึงสิ่งใดกลับมาได้หรือไม่แต่ก็น่าเสียดายที่มันไร้ประโยชน์เสียแล้ว เขาทำได้เพียงเก็บกระเป๋ามิติเล็ก ๆ ของเสี่ยวไป่หลงไว้ มันมีของมีค่าบางอย่างเพราะว่าเขาเป็นถึงศิษย์ชั้นยอดของสำนัก อีกทั้งครอบครัวของเขาก็ร่ำรวยอย่างมาก ซึ่งในกระเป๋าเต็มไปด้วยหินจิตวิญญาณนับล้านก้อน นับได้ว่าเป็นโชคลาภเล็กน้อยสำหรับเจ้าอ้วน
เมื่อมองไปที่โครงกระดูกบนพื้นดิน เจ้าอ้วนแสร้งทำท่าเสียใจพร้อมกับกล่าวว่า “ศิษย์พี่ เหตุใดเจ้าจึงไม่อดทนไว้สักหน่อย ข้าเพียงไปเอาของเสียออกจากตัวครู่เดียวเท่านั้น เจ้าก็จากไปเสียแล้ว เจ้าจะอยู่ในหัวใจของศิษย์น้องผู้นี้ตลอดไป! แต่เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ศิษย์น้องจะขอทำสิ่งสุดท้ายให้เจ้ามีความสุข ข้าขอกล่าวอะไรสักอย่าง ข้าคิดว่าชีวิตต่อไปของท่านไม่ควรเกิดมาเป็นมนุษย์อีกแล้ว แต่ควรเกิดเป็นสุกรแทน!” ขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น เขากระโดดขึ้นหลังของพยัคฆ์ปีกแหลมพร้อมกับวิ่งออกไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งทิศทางนั้นมีผลไม้วิญญาณอยู่ห่างออกไปราวร้อยลี้
ไม่กี่วันถัดมา เจ้าอ้วนเดินทางมาถึงจุดที่มีผลไม้วิญญาณซ่อนอยู่ แต่ในขณะนั้นเขาจึงพบว่ามาช้าไป มีคนมาถึงก่อนหน้าเขาแล้ว
ในขณะที่เขาพบกับคนผู้นั้น เจ้าอ้วนเก็บพยัคฆ์ปีกแหลมเข้ามิติ จากนั้นเขาร่ายเวทมนตร์ปกปิดตัวตนทันที
เวทมนตร์ม่านหมอกปกปิดเป็นเวทย์ระดับต่ำที่สุดของประเภทวารี มันจะสร้างชั้นหมอกขึ้นมา ถ้าหากเป็นสถานที่แห่งอื่นมันไร้ประโยชน์ แต่สถานที่ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาเช่นนี้ แน่นอนว่ามันมีประโยชน์ มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งทำให้เจ้าอ้วนหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้อย่างง่ายดายเพื่อสอดแนมอีกฝ่าย
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด เขาพบผู้ฝึกตนหญิงสาวสวมชุดขาวและดูเป็นคนดี เขารู้สึกพอใจทันทีพร้อมกับคิดในใจ ‘ช่างเป็นศัตรูที่ข้าอยากจะพบเจอยิ่งนัก! เป็นเพราะหญิงสาวผู้นี้จริง ๆ วันนี้ข้าจะเล่นกับเจ้าอย่างยุติธรรม!’
หญิงสาวผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนจากหอเฉวียนจี้ ซึ่งเป็นผู้ที่ยั่วยุเจ้าอ้วนเมื่อไม่กี่วันก่อน คำพูดที่เลวร้ายของนางสร้างปัญหาให้กับเขามากมาย และนำพาให้หานปิงเอ๋อมาต่อสู้กับเขา ในตอนจบสร้างบาดแผลและความพ่ายแพ้ให้กับเจ้าอ้วนอีกทั้งยังเกือบทำให้เขาพิการอีกด้วย
แม้ว่าเจ้าอ้วนจะลั่นวาจาไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลับมา แต่ทว่าความแค้นในหัวใจของเขายังไม่เลือนหายใจ ในวันนี้เขามีเจตนาที่จะแก้แค้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่านางจะไม่ได้สังหารเจ้าอ้วนก็ตาม แต่เขาต้องการที่จะสั่งสอนบุคคลที่แสดงความโง่เขลาเช่นนางให้ได้ในวันนี้
ทิวทัศน์บริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นไม้และมีน้ำตาสูงราวหนึ่งร้อยฟุต บนยอดเขาของน้ำตกมีต้นไม้ขนาดใหญ่ กิ่งก้านของมันใหญ่มาก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยรังผึ้งขนาดใหญ่มากมาย เหนือรังของมันมีกล่องหยกเหมือนที่เจ้าอ้วนได้รับมาก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนได้แต่สาปแช่งในใจอย่างช่วยไม่ได้ ‘ผู้ฝึกตนประเภทใดกันที่วางกล่องผลไม้วิญญาณไว้ในสถานที่เช่นนี้ เหตุใดเขาจึงวางมันไว้ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย? ในครั้งล่าสุดข้าพบเจอกับภูเขาแม่เหล็กอีกทั้งมดบินได้ ถ้าปราศจากอุปกรณ์วิเศษที่ใช้สำหรับป้องกัน ทางเลือกเดียวคือตาย! และในตอนนี้ดูเหมือนกับว่ามันถูกวางไว้บนยอดของรังผึ้ง แต่เนื่องจากรังผึ้งมีขนาดที่แตกต่างกัน และปีกของมันเป็นเหล็ก อีกทั้งยังมีพิษที่ร้ายแรง ซึ่งมันจัดการยากยิ่งกว่ามดบินได้’
เมื่อคิดเช่นนั้น เจ้าอ้วนระมัดระวังตัวมากขึ้น จากนั้นเขามองไปรอบ ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ช้าเขามองเห็นต้นชาโบราณเกิดอยู่กลางน้ำตก แม้ว่ามันจะเติบโตอยู่กลางหน้าผา แต่ลำต้นของมันดูแข็งแรง จากรูปลักษณ์ของมันไม่อาจเดาได้ว่ามันมีอายุเท่าไหร่ อาจจะอยู่ที่ราวหนึ่งพันปี ใบของมันเขียวสดและสวยงาม อีกทั้งยังมีส่วนที่ลึกลับของมันคล้ายกับเส้นเลือดดำเกิดขึ้นเป็นวงกลมอยู่กลางลำต้น ราวกับมันเป็นเครื่องหมายอะไรสักอย่าง
แต่นี่เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ถ้าหากว่าตรวจสอบอย่างรอบคอบ ถ้าหากมองดูแบบคร่าว ๆ ต้นชานี้ดูคล้ายกับพืชพรรณชนิดหนึ่งที่มีปราณจิตวิญญาณแอบแฝงเท่านั้น มีเพียงเจ้าอ้วนเท่านั้นที่มองเห็นมันเพราะเขาทำการตรวจสอบสิ่งรอบข้างอย่างละเอียด
เมื่อมองเห็นต้นชาที่มีลักษณะแปลก ๆ เช่นนี้ หัวใจของเจ้าอ้วนเต้นแรงขึ้นมาทันที เขาคิดถึงมิติลึกลับของตนเองทันที ต้นชานี้ดูไม่เลวร้ายสำหรับมิติของเขาสักเท่าไหร่ จากที่ไตร่ตรองอยู่สักครู่ เขาคิดว่าความคิดนี้ไม่เลวร้ายนักที่จะเก็บต้นชานี้ไว้ภายในมิติ ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังคิดเกี่ยวกับต้นชา หญิงสาวผู้ที่อยู่ด้านหน้าของเขายังคงพยายามที่จะเก็บผลไม้วิญญาณ นางหยิบเอาหยกเขียวออกมา และจากนั้นนางก็หายตัวไปในอากาศ
เจ้าอ้วนที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เวทมนตร์ม่านหมอกตกใจทันที จากนั้นเขาก็คิดในใจ ‘ศิษย์ที่มาจากหอเฉวียนจี้นั้นประหลาดอย่างยิ่ง! เหตุใดทุกคนจึงครอบครองสมบัติวิเศษ? อุปกรณ์ที่นางใช้ดูคล้ายกับกระจก ซึ่งดูแปลกประหลาดเมื่อมันเป็นสมบัติวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี ป้องกัน ปกปิด หรือตรวจสอบ ทุกสิ่งล้วนมีหน้าที่ที่แตกต่างกันและเป็นสิ่งที่ตรงตามความสามารถของผู้ใช้ ข้าไม่อาจคาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีสมบัติวิเศษเช่นกัน! แต่มองดูจากปราณจิตวิญญาณที่เล็ดลอดออกมา พวกเขาเหล่านี้เป็นบุคคลที่ไม่ควรยั่วยุ มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากจะแย่งชิงผลไม้วิญญาณกับนาง!’
เพียงแค่เจ้าอ้วนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกิดเสียงร้องดังขึ้นจากรังผึ้ง เมื่อมองตามเสียงนั้นจึงมองเห็นว่าหญิงสาวผู้น่าสงสารกำลังพยุงตนเองจากการโจมตีและทำให้เวทมนตร์ของนางไม่อาจใช้งานได้อีกต่อไป
แม้วิธีการของนางจะดูฉลาด แต่ก็ไม่อาจปกปิดผู้รักษาสมบัติได้ ในขณะที่นางเข้าไปถึงพื้นที่ชั้นใน นางถูกค้นพบโดยผึ้งราชาทันที มันเป็นผึ้งที่แข็งแกร่งที่สุดในรัง แต่ความแข็งแกร่งเป็นรองเมื่อเทียบกับผึ้งนางพญา ในรังเต็มไปด้วยผึ้งหลายร้อยหลายพันชนิด มีผึ้งราชาไม่กี่ตัวเท่านั้น น่าเสียดายที่หญิงสาวผู้โชคร้ายคนนี้ได้พบกับมัน
ในขณะที่พวกมันค้นพบว่ามีผู้บุกรุกเข้ารังของมันโดยใช้เวทมนตร์ปกปิด พวกมันเข้าจู่โจมทันที แม้ว่าสมบัติวิเศษของนางจะมีพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่ง แต่มันจะเป็นประโยชน์ถ้าหากนางเปิดใช้งานมัน แต่ในขณะที่นางอยู่ในเวทมนตร์ปกปิด นางไม่สามารถที่จะใช้งานการป้องกันตนเองได้
ผลงานของหญิงสาวผู้โง่เขลาล้มเหลวอย่างช่วยไม่ได้ นางถูกต่อยอย่างดุเดือดโดยผึ้งราชาเข้าที่ไหล่ ขอบคุณสวรรค์ที่เสื้อผ้าของนางนั้นสร้างจากไหมสวรรค์และมันถูกปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน เช่นนี้จึงทำให้มันดูดซับแรงกระแทกไว้ได้มาก ถ้าไม่เช่นนั้นแขนของนางคงจะขาดไปแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ การต่อยของมันก็ยังคงทิ้งพิษไว้บนร่างกายของนาง อีกทั้งพิษของมันทำให้ผิวของนางไหม้เกรียม สาวน้อยรู้ทันทีว่าพิษของมันกำลังเล่นงานตนเองราวกับโดนเข็มหลายพันเล่มทิ่มแทงพร้อมกัน เมื่อไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดนี้ได้ นางร้องไห้ออกมาและไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป จึงทำให้นางล่วงหล่นกลางอากาศ
ด้วยความเจ็บปวดดังกล่าวทำให้นางพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ใบหน้าของนางเปื้อนคราบน้ำตา แต่ผึ้งเหล่านั้นยังไม่ยอมหยุดมือ พวกมันไล่ล่าตามนางอย่างดุเดือดและต้องการที่จะโจมตีอีกครั้ง เพียงอึดใจเดียวเกิดเสียง ‘หึ่ง’ เต็มไปทั่วท้องฟ้า ปรากฏแสงสีทองพุ่งไปมาอย่างรวดเร็วในอากาศ ขอบคุณสวรรค์! หญิงสาวได้ปรับแต่งอุปกรณ์วิเศษของตนเองมานานหลายปีและทำการเชื่อมโยงจิตวิญญาณกับมันเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่อุปกรณ์นี้เห็นว่าเจ้าของกำลังตกอยู่ในอันตราย หยกสีเขียวเปิดการใช้งานการป้องกันทันที มันล้อมรอบตัวของนางไว้ เมื่อเหล่าผึ้งพุ่งเข้ามาโจมตี มันถูกปิดกั้นการโจมตีทั้งหมดโดยหยกเขียวและทำให้นางรอดชีวิต
แม้ว่าพวกมันจะถูกปิดกั้นการโจมตี แต่ทว่าร่างกายของนางก็ไม่อาจกลับสู่สภาพเดิมได้ ในท้ายที่สุดร่างกายของนางพุ่งลงน้ำ หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายเปียกชุ่มทันที ซึ่งมันเผยให้เห็นความโค้งเว้าบนร่างกายของนางทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นการคืนกำไรให้กับเจ้าอ้วนอย่างแท้จริง
น้ำได้ชำระล้างความร้อนในร่างกายของนางทันที นางตระหนักว่าตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายเกินไปและพยายามตะกายไปที่ริมฝั่ง นางอยากจะใช้ดาบบินเพื่อหลบหนี แต่แล้วนางก็พบว่าตนเองถูกล้อมรอบไปด้วยผึ้งจำนวนนับพัน!
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นโลหะเหล่านี้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนัก พวกมันทั้งหมดมีน้ำหนักประมานหนึ่งร้อยจินเท่านั้น เมื่อพวกมันบินด้วยความเร็วสูงสุด ลมที่เกิดจากปีกของมันสามารถพัดให้โขดหินแตกสลายได้ พวกมันคิดสะสางกับนางจากทุกทิศทางและไม่มีเวลาให้นางได้หยุดพัก ในขณะนั้นมีแสงสีเขียวซึ่งกำลังพยายามปกป้องนางอยู่เช่นกัน แรงกดดันมหาศาลเหล่านี้มันทำให้นางก้าวขาไม่ออก แม้แต่ดาบบินก็ยังไม่สามารถใช้งานได้