ตอนที่ 102-1 ตายทั้งเป็น

จำนนรักชายาตัวร้าย

“เขาตายแล้ว”

 

 

เชียนเจิ้นหยางตะคอกที่ข้างหูหลิวกุ้ยเฟย

 

 

“ท่านดูสิ!”

 

 

ในขณะที่พูด เชียนเจิ้นหยางก็ยื่นมือมาตบที่ใบหน้าเชียนลั่วเฉิง หลิวกุ้ยเฟยตกใจจนร้องกรี๊ดออกมา

 

 

เพี้ยะ!

 

 

“ไม่ต้องกลัว เขาตายแล้ว!”

 

 

ถึงแม้ว่าในสายตาคนอื่นเชียนลั่วเฉิงจะเป็นเพียงคนที่ตายไปแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วความรู้สึกนึกคิดของเขายังอยู่ครบถ้วน

 

 

ดังนั้น สิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้นั่นก็คือความเจ็บปวดอย่างหนึ่ง

 

 

ซึ่งทรมานเสียยิ่งกว่าความเจ็บปวดทั่วไป มันคือการลบหลู่ดูหมิ่น!

 

 

เชียนลั่วเฉิงแทบจะอยากฟื้นขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น แล้วสั่งการให้คนนำเชียนเจิ้นหยางไปประหารด้วยการแล่เนื้อจนกว่าจะตาย!

 

 

“เจิ้นหยาง…”

 

 

มองดูเชียนเจิ้นหยางที่โหดเ**้ยมอำมหิต หลิวกุ้ยเฟยก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

 

 

เขาเปลี่ยนไปเป็นคนน่ากลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

“เขาตายไปแล้ว เจ้าก็อย่าทำกับเขา…”

 

 

หลิวกุ้ยเฟยกล่าวเตือน

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร ฮ่องเต้ก็ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ไม่มีใครมาขัดขวางเชียนเจิ้นหยางได้อีก ตอนนี้เขาเป็นผู้ที่ครองอำนาจสูงสุดในฉินจื้อแล้ว จะยังมาทรมานคนที่ตายไปแล้วอีกทำไมกัน(แกล้งตาย ไม่ได้ตายจริง)

 

 

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะเสื่อมเสียชื่อเสียงของเชียนเจิ้นหยาง! ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีชื่อเสียงในทางที่ดีเลยก็ตาม

 

 

ได้ยินวาจาหลิวกุ้ยเฟย เชียนเจิ้นหยางก็สบถออกมา

 

 

“เฮอะ!”

 

 

“เขาคือพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้า และที่ผ่านมาก็ดีกับเจ้ามาโดยตลอด!”

 

 

ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและเชียนเจิ้นหยางบอกไม่ได้ว่าคืออะไร ทั้งยังบอกใครไม่ได้

 

 

แต่เมื่อได้เห็นศพเชียนลั่วเฉิง ในใจนางก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

 

 

อย่างน้อยที่สุด นางก็ทำท่าทีไร้หัวใจเช่นเชียนเจิ้นหยางไม่ได้

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร ชายที่นอนอยู่ในโลงก็เป็นคู่ชีวิตที่อยู่กินกับนางมาสิบกว่าปี ให้ทั้งความรักและเกียรติยศ ทำให้นางใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายมานาน

 

 

หากนางไม่ระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนบ้าง เช่นนั้นแล้วนางก็คงจะสู้เดรัจฉานไม่ได้เลย

 

 

อีกทั้งหลายปีมานี้นางก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเชียนลั่วเฉิงไม่น้อย ซึ่งความรู้สึกนั้นลึกซึ้งเสียด้วย!

 

 

“เหตุใดท่านถึงเอาแต่พูดแทนเขาตลอดเวลา หรือในตอนนี้ข้าไม่ใช่คนรักของท่านหรืออย่างไรกัน เหตุใดจนกระทั่งถึงตอนนี้ท่านยังคิดถึงแต่เขา”

 

 

หลิวกุ้ยเฟยพูดจาเช่นนี้ทำให้เชียนเจิ้นหยางไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบที่หลิวกุ้ยเฟยเอาแต่พูดแทนเชียนลั่วเฉิง เมื่อพูดจนทะเลาะกันเข้า จู่ๆ เชียนเจิ้นหยางก็หยิบกาน้ำร้อนที่กำลังเดือดจัดขึ้นแล้วเทราดลงมาใส่เชียนลั่วเฉิง

 

 

อ๊าก…

 

 

ความร้อนราวกับไฟของน้ำเดือด เชียนลั่วเฉิงรับรู้ได้เป็นอย่างดีและเขาก็แน่ใจว่าผิวชั้นนอกของตนถูกลวกจนเสียหายไปแล้วอย่างแน่นอน

 

 

ประสาทสัมผัสทั้งห้ากำลังทำหน้าที่ของมัน นั่นทำให้เชียนลั่วเฉิงรู้สึกถึงการกระตุ้นได้อย่างชัดเจน ซึ่งความเจ็บปวดเพียงนี้เชียนลั่วเฉิงไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน!

 

 

เชียนลั่วเฉิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เชียนเจิ้นหยางจะกระทำเช่นนี้กับตนได้!

 

 

ใครก็ได้!

 

 

ลากเจ้าเดรัจฉานนี้ไปประหารเสีย!

 

 

ในใจเชียนลั่วเฉิงทั้งคำรามทั้งตะโกนออกมาด้วยความแค้นเคือง ทว่ากลับไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงที่ร่ำร้องอยู่ในใจของเขา

 

 

“อ๊าก…”

 

 

เห็นเชียนเจิ้นหยางเป็นเช่นนี้ หลิวกุ้ยเฟยถึงกับเข่าอ่อนจนเกือบจะล้มลงบนพื้น

 

 

ทว่า ไม่ทันที่นางจะล้มลงไป เชียนเจิ้นหยางก็ลากนางขึ้นมา

 

 

“เจิ้นหยาง เจ้าเป็นเช่นนี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!”

 

 

ความโกรธแค้นที่แสดงออกบนใบหน้าเขา ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว

 

 

ทว่าท่าทีเชียนลั่วเฉิงที่ปฏิบัติต่อเขานั่น ทุกคนต่างก็เห็นด้วยตาของตนเอง!

 

 

ทุกคนต่างอิจฉาเยี่ยอ๋อง เพราะเขาคือองค์ชายที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุด ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เชียนลั่วเฉิงกล่าวกับหลิวกุ้ยเฟยว่า ต่อไปจะยกราชบัลลังก์ให้กับเชียนเจิ้นหยาง!

 

 

“ข้าก็แค่อยากให้เขาได้ลิ้มรสความรู้สึกของข้าบ้าง!”

 

 

ในตอนนี้เชียนเจิ้นหยางกำลังระบายความหวาดกลัวและโกรธแค้นที่เขาสั่งสมในใจมานานหลายปีออกมา

 

 

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยลืมเลือนได้เลย ในคืนมืดมิดที่ฝนตกหนัก เขาวิ่งเท้าเปล่าฝ่าสายฝนไปหาหลิวกุ้ยเฟยที่ตำหนัก เพื่อถามหาความอบอุ่นจากนาง แล้วผลลัพธ์เล่า

 

 

เชียนลั่วเฉิงไม่เพียงไม่ปลอบโยนเขาในวัยเยาว์เลยสักครั้ง ทั้งยังสั่งให้คนอุ้มเขากลับตำหนัก ตัวเขาเองก็เอาแต่หาความสุขกับหลิวกุ้ยเฟย

 

 

ในคืนนั้นฝนตกหนักฟ้าร้อง สายฟ้าสีทองผ่าฟาดลงมา ครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าต่อตาเชียนเจิ้นหยางในวัยเยาว์ ทำให้เขาหวาดกลัวจนทั่วร่างสั่นเทา ทว่าในตอนนั้น พวกเขากลับกำลังระเริงรักกันอยู่ในตำหนัก มิเคยมาสงสารเด็กน้อยเช่นเขาเลยด้วยซ้ำ!

 

 

นับตั้งแต่นั้นทำให้เชียนเจิ้นหยางหวาดกลัวฝนตกฟ้าคะนองมาโดยตลอด

 

 

ดูภายนอกผู้คนต่างมองว่าเขาคือเยี่ยอ๋องผู้สูงส่ง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในวันที่ฝนตกฟ้าคะนอง เขาต้องหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวทุกครั้ง

 

 

ถึงแม้ว่าเชียนลั่วเฉิงจะมอบสิ่งของนอกกายที่ดีที่สุด สวยงามที่สุดให้กับเขา แต่มันก็ไม่สามารถชดเชยความรู้สึกที่ขาดหายไปในใจของเขาได้

 

 

ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ มันก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บแค้นเชียนลั่วเฉิง

 

 

“ข้าเพียงแต่ส่งคืนสิ่งที่เขาทำกับข้าในช่วงเวลาเหล่านั้นให้กับเขาเท่านั้นเอง!”

 

 

เชียนเจิ้นหยางเงยหน้าขึ้น วูบหนึ่งที่แววตาของเขาฉาบไว้ด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้น

 

 

ส่วนเชียนลั่วเฉิงที่อยู่ในโลงก็รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทุกอย่าง เพียงแต่ เขานึกไม่ถึงว่าเชียนเจิ้นหยางจะมีความคิดเช่นนี้

 

 

หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาปิดบังซ่อนเร้นตัวเองเอาไว้อย่างดี!

 

 

เขาเองที่ตาบอด!

 

 

เขามันเป็นไอ้เลว!

 

 

ท้ายที่สุดคนที่เชียนลั่วเฉิงจะด่าได้ ก็มีเพียงแต่ตัวเขาเอง

 

 

หากว่าเขารู้ว่าเชียนเจิ้นหยางเป็นคนอย่างไร เขาควรจะฆ่าเขาให้ตายเสียตั้งแต่แรก ตนก็คงไม่เป็นดั่งเช่นวันนี้ ต้องถูกลบหลู่ดูหมิ่นโดยไม่มีทางที่จะแก้แค้นได้เลย!

 

 

โลงไม้ ถูกกระแทกจนสนั่นหวั่นไหว จนถึงขนาดเกิดเป็นเสียง ‘เอี๊ยด’ ขึ้นมาเลยทีเดียว

 

 

เสียงนั้นดังก้องเข้ามาในหูเชียนลั่วเฉิงอย่างชัดเจน ทำให้เขาหลีกหนีความทรมานนี้ไปไม่พ้น

 

 

ความเจ็บปวดจากการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามนี้ เกินกว่าความเจ็บปวดเพียงผิวเผินที่บนร่างกายมากนัก มันทำให้เชียนลั่วเฉิงชอกช้ำใจอย่างหนัก ความคั่งแค้นโกรธเคืองนี้ มันเข้าเกาะกุมในจิตใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

“ท่านดูเขาสิทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด ไม่มีหัวใจ แม้กระทั่งกับลูกและเมียที่แต่งงานกันมานานก็ยังไม่เว้น คนเช่นนี้มีอะไรดี ท่านจะต้องไปอาลัยอาวรณ์ทำไมกัน!”

 

 

“ฉู่ฮองเฮาและตระกูลฉู่ ยังมีเชียนเยี่ยเสวี่ยอีก จุดจบของพวกเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน ว่าเชียนลั่วเฉิงเป็นคนไร้น้ำใจไร้คุณธรรม ไม่สมควรได้รับการอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น!”

 

 

“ต่อไปในภายหน้า คนที่ท่านสามารถพึ่งพาได้มีเพียงข้าเท่านั้น!”

 

 

โลงไม้เริ่มสั่นไหวอย่างหนัก เชียนลั่วเฉิงที่นอนอยู่ด้านในรู้สึกราวกับตนเองกำลังอยู่บนเรือที่ลอยล่องท่ามกลางมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลิวกุ้ยเฟยก็ชี้ไปที่เชียนลั่วเฉิงพร้อมทั้งกรีดร้องออกมา

 

 

“ละเลือด เลือด…”

 

 

มือทั้งสองข้างของหลิวกุ้ยเฟยสั่นเทา นิ้วของนางชี้ไปที่โลงไม้ของเชียนลั่วเฉิง

 

 

“เลือด…”

 

 

“เสด็จแม่ เป็นอะไรไป”

 

 

เชียนเจิ้นหยางมองไปตามทิศทางที่หลิวกุ้ยเฟยชี้นิ้วไป ก็พบว่าที่หางตาของเชียนลั่วเฉิงมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

 

 

ภาพนั้น ยิ่งทำให้จิตใจหลิวกุ้ยเฟยที่ใจฝ่ออยู่แล้วตกใจจนแทบทนไม่ไหว

 

 

แต่ท่าทีเชียนเจิ้นหยางกลับตรงกันข้ามกับหลิวกุ้ยเฟยอย่างสิ้นเชิง เพราะเชียนเจิ้นหยางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

“หรือคนตายก็ยังมีความรู้สึกอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ เชียนลั่วเฉิง คนอย่างท่านก็มีวันนี้!”

 

 

นี่แหละสิ่งที่เขาต้องการ นั่นก็คือทำให้เชียนลั่วเฉิงแม้ตายก็ตายตาไม่หลับ!

 

 

“ตอนมีชีวิตอยู่ ท่านยังขัดขวางข้าและเสด็จแม่ไม่ได้เลย ตายไปแล้วท่านก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ฮ่าๆ!”

 

 

กระทั่งในเวลานี้ เชียนลั่วเฉิงถึงได้รู้ว่าหลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางเป็นชู้กันมาตั้งนานแล้ว

 

 

เมื่อครู่ที่หลิวกุ้ยเฟยเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ ทำให้เชียนลั่วเฉิงหลงคิดไปว่านางถูกบังคับขู่เข็ญ นางเองมิได้ยินยอมพร้อมใจ

 

 

มาตอนนี้เขาพึ่งจะรู้ว่า ตนต่างหากที่เลอะเลือนที่สุด!

 

 

ถูกพวกเขาปั่นหัวมาได้ตั้งนาน!

 

 

ชายชั่วกับหญิงแพศยา!

 

 

พวกเจ้าต้องไม่ตายดี!