“มีครั้งหนึ่ง เชียนลั่วเฉิงจัดงานเลี้ยงในวัง เชิญข้าเข้าวัง ในตอนนั้นมีชายหญิงมากมายไปร่วมงาน พวกเขาอยู่ด้วยกัน หลิ่วเซิ่งจึงบอกข้าว่าพวกเขากำลังฝึกวิชาร่วมกัน”
“หลิ่วเซิ่งบอกว่า การฝึกร่วมคือข้อห้ามเด็ดขาดของผู้ฝึกวรยุทธ์ นอกเสียจากว่าระดับวรยุทธ์ของข้าบรรลุถึงขั้นอาวุโส มิเช่นนั้นการฝึกร่วมจะส่งผลเสียอย่างมากซึ่งไม่มีผลดีกับข้าเลยแม้แต่น้อย สำหรับฝ่ายหญิงก็เช่นกัน!”
“หลังจากที่พี่สังเกตการณ์มาหลายครั้ง ก็พบว่าที่พวกคนวรยุทธ์ขั้นต่ำพวกนั้นรักกันจนฝึกร่วมกันแล้ว วรยุทธ์ของพวกเขาไม่ได้คืบหน้าแต่อย่างใด เห็นทีสิ่งที่หลิ่วเซิ่งพูดมาเป็นความจริง”
ได้ฟังเช่นนั้น อวี้เฟยเยียนก็แอบทอดถอนใจ
เพื่อที่จะให้ซย่าโหวฉิงเทียนกลายเป็นคนแข็งแกร่งตั้งใจมุ่งฝึกวิชา หลิ่วเซิ่งถึงกับแต่งคำโกหกผิดๆ เหล่านี้ขึ้นมา เขานี่ช่างเป็นลูกน้องที่ดีเสียจริงๆ!
เพียงแต่ว่าหลิ่วเซิ่ง ความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์รักของนายท่านเจ้าถูกบิดเบือนจนเป็นเช่นนี้ เจ้าจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ
“แมวน้อย พี่จะรอจนกว่าเจ้าสำเร็จถึงขั้นอาวุโส แล้วจึงค่อยฝึกร่วมกับเจ้า…”
ซย่าโหวฉิงเทียนจ้องมองอวี้เฟยเยียน พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น
“ชู่…”
อวี้เฟยเยียนตบที่อกของตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มออกมาด้วยความเคอะเขิน
“เอ่อ ไม่รีบไม่รีบ! ข้าเพิ่งจะสำเร็จขั้นปรมาจารย์เท่านั้นเอง เรื่องฝึกร่วมจึงไม่รีบร้อน!”
“เจ้าไม่ยินยอมฝึกร่วมกับพี่หรือ”
เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนพยายามหลบเลี่ยง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มรู้สึกสับสน
“มีเพียงแต่ผู้ที่มีความรู้สึกที่ดีให้แก่กันอย่างที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกร่วมกันได้ แมวน้อย เจ้าไม่ยินยอมฝึกร่วมกับพี่หรือ”
การฝึกร่วมที่ซย่าโหวฉิงเทียนเคยเห็นมาก็มีไม่มาก
นอกจากเชียนลั่วเฉิงเคยฝึกร่วมแบบผสมที่งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งนั้น ยังมีสองสามวันก่อนในวังหลวงที่เขาเห็นหลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางฝึกร่วมกัน ดูราวกับว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายร้องว่าเจ็บปวดเป็นอย่างมากเสียด้วยสิ
หรือแมวน้อยกลัวเจ็บ
เพียงเห็นสีหน้าซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนนึกรู้ในทันทีว่าเขาคงถูกหลิ่วเซิ่งสอนอะไรที่ผิดๆ มาอีกแล้ว
ความเข้าใจผิดๆ เหล่านั้นถูกฝังแน่นในสมอง หากต้องการชักนำเขากลับมา หน้าที่นี้ช่างยิ่งใหญ่และหนักหน่วงยิ่งนัก!
“ข้ายังเด็ก!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวขึ้นมาแผ่วเบา เรื่องมาถึงวันนี้ นางจึงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีการซย่าโหวฉิงเทียนมาอธิบายให้เขาฟัง
“หากว่าฝึกร่วมเร็วเกินไป ก็จะมีลูกเร็ว แม่ที่อายุยังน้อยและการคลอดลูกทั้งที่ร่างกายยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ไม่ดีกับกับทั้งแม่และลูก!”
“เด็กเปรต!”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที
“ไม่ต้องการเด็กเปรต! เด็กเปรตอะไรนั่น น่ารำคาญที่สุด!”
เด็กเปรต…
อวี้เฟยเยียนได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหมดคำพูด ไม่เคยมีพ่อคนไหนใช้คำบรรยายเช่นนี้เรียกลูกตัวเองมาก่อน
หรือนี่ ก็เป็นสิ่งที่หลิ่วเซิ่งสอนเขามาอีก
“เรียกว่าลูก!”
อวี้เฟยเยียนจ้องตาซย่าโหวฉิงเทียน
“จะอะไรก็แล้วแต่ก็ความหมายเดียวกัน พี่ไม่ชอบเด็กเปรต!”
ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ลิ้นเตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของอวี้เฟยเยียนแล้วกล่าวอีกว่า
“พี่ต้องการเพียงเจ้า!”
ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็รู้เสียทีว่าการที่จะพูดจาหว่านล้อมคนรักหนุ่มที่ทั้งมั่นใจในตัวเองสูง เผด็จการดื้อดึงดุดันราวกับวัวป่าก็ไม่ปาน มันยากเย็นแค่ไหน
ไม่ว่านางพูดจนปากเปียกปากแฉะเท่าไหร่ จนแล้วจนเล่าซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังคงยืนยันว่าเด็กเปรตคือสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุดในโลกอยู่ดี
สุดท้ายอวี้เฟยเยียนก็พูดจนคอแหบแห้ง เสียงหมดอ่อนล้าจนล่าถอยไปเอง
“ข้าจะต้องตามหาคนที่สอนท่านผิดๆ ให้เจอ แล้วสับมันเป็นหมื่นชิ้น”
ก่อนนอนอวี้เฟยเยียนยังคงบ่นพึมพำ
มองดูอวี้เฟยเยียนเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยอาการสงบ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยื่นมือไปลูบไล้ที่แก้มป่องๆ สีชมพูระเรื่อของนางแผ่วเบา
แล้วคิดถึงประโยคสุดท้ายที่อวี้เฟยเยียนกล่าวเมื่อครู่
“เมื่อก่อนท่านก็เป็นเด็กเปรตเช่นกัน ท่านก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นมานะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบอวี้เฟยเยียนที่กำลังหลับสบายด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า
“ก็เพราะพี่เคยเป็นเด็กเปรตมาก่อน พี่เคยถูกเขารังเกียจถูกตามฆ่า ดังนั้นพี่จึงไม่อยากที่จะมีเด็กเปรต พี่กลัวว่าสักวันหนึ่ง เขาจะต้องกลายเป็นคนประเภทที่ผู้คนเกลียดชังมากที่สุด แล้วถูกผู้อื่นปฏิบัติต่อเขาด้วยวิธีการที่โหดเ**้ยมเช่นเดียวกันกับที่พี่โดน หากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะน่าสงสารยิ่งนัก…”
“แมวน้อย พี่ต้องการแค่เจ้า เพียงพอแล้ว!”
แต่ทว่าเสียงซย่าโหวฉิงเทียนแผ่วเบา ราวขนนกที่สัมผัสนางเพียงเบาบางมิได้รบกวนนางแต่อย่างใด
หลังจากที่รู้ว่าเชียนเจิ้นหยางต้องการสังหารเสนาบดีหวังแล้ว วันรุ่งขึ้นอวี้เฟยเยียนก็มิได้ไปโวยวายในวังหลวงแต่อย่างใด และแล้วเรื่องทั้งหมดก็เป็นดั่งที่อวี้เฟยเยียนคาดการณ์เอาไว้ ในวันนั้นตอนเที่ยงตรง เชียนเจิ้นหยางก็มีคำสั่งให้จับกุมตระกูลเสนาบดีหวังเอาไว้
เหตุผลก็ไม่มีอื่นใด นอกเสียจากเสนาบดีหวังสังหารฮ่องเต้
และเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทุกคนก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก
เสนาบดีหวังคนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนดีอะไร แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นคนชั่วช้าสามานย์ เขาสังหารฮ่องเต้ เพราะมีแผนการอะไรกันแน่
ไม่นาน เชียนเจิ้นหยางก็ตอบคำถามที่ค้างคาใจของทุกคน
หลานสาวเสนาบดีหวังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเด็กผู้ชายเสียด้วย
เพราะเหตุนี้ทำให้เสนาหวังคิดสังหารฮ่องเต้
ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนหน้านี้ ก็เป็นฝีมือของเสนาบดีหวังที่ให้คนไปปล่อยข่าว จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อโค่นล้มเชียนเจิ้นหยาง เสนาบดีหวังต้องการที่จะยกหลานทวดในท้องหลานสาวเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต
ถึงแม้ในด้านการบริหารบ้านเมืองเชียนเจิ้นหยางจะไม่เก่งกาจ แต่คราวนี้เขาร่วมมือกับแม่ทัพใหญ่หูจื้อเหนิงได้เตรียมการทุกอย่างมาเป็นอย่างดี
อีกทั้งเชียนลั่วเฉิงก็กระอักเลือดจนตายหลังจากกินหูฉลามที่เสนาบดีหวังป้อนให้ ซึ่งในตอนนั้นก็มีขุนนางอยู่ข้างๆ อีกสองสามคน พวกเขาสามารถเป็นพยานให้ได้!
คราวนี้ ตระกูลหวังจึงไม่มีทางดิ้นหลุดได้อีก
และเชียนเจิ้นหยางก็ทำศึกที่ทำให้ตัวเขาพ้นผิดได้อย่างสวยงาม!
“ให้หมอนั่นผยองไปอีกสักสองวัน!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวยิ้มๆ ในขณะที่ช่วยเชียนเยี่ยเสวี่ยแต่งตัว
“ร่างกายเจ้าฟื้นตัวได้เร็ว เจ้ารักษาดวงตาได้แล้ว! รอให้ดวงตาเจ้ากลับมามองเห็นอีกครั้ง ก็สามารถปรากฏตัวได้แล้ว!”
“ช่าช่า ข้าอยากดีขึ้นเร็วๆ!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยมือคลำทางสะเปะสะปะจนคว้ามือของอวี้เฟยเยียนเอาไว้ได้
“ข้าอยากจะเห็นจุดจบเชียนลั่วเฉิงด้วยตาข้าเอง! ข้ารอแทบไม่ไหวแล้ว…”
“เสวี่ย ข้าเคยทำให้เจ้าผิดหวังเมื่อไหร่กัน”
อวี้เฟยเยียนกล่าวอะไรบางอย่างกับเชียนเยี่ยเสวี่ย
“แกล้งตาย”
“ฮ่าๆ เจ้าบอกว่าเขายังไม่ตาย ดีจริงๆ เลย! หัวสุนัขของเชียนลั่วเฉิงควรจะเป็นข้าที่ตัดมันลงมาด้วยตัวเอง ให้เขาตายง่ายดายเช่นนี้ สบายเกินไป!”
มองดูดวงตาขุ่นมัวมืดบอดของเชียนเยี่ยเสวี่ย อวี้เฟยเยียนก็ทอดถอนใจออกมา
ทั้งที่เป็นพ่อลูกกันแท้ๆ แต่กลับต้องกลายเป็นศัตรูที่มีความแค้นจนปฏิบัติต่อกันถึงเพียงนี้
เหตุใดบนโลกใบนี้ถึงได้มีโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าเพียงนี้นะ
เพียงแค่เชียนลั่วเฉิงดีกับฉู่ฮองเฮาสักนิด ถึงแม้จะให้เพียงเกียรติยศและความเคารพก็ตาม เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คงไม่ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้
เชียนลั่วเฉิง ทั้งหมดนี่ท่านทำตัวเองทั้งสิ้น!
ส่วนเชียนลั่วเฉิงในตอนนี้ ก็นับว่าน่าอนาถยิ่งนัก
หลังจากที่กินยาเม็ดนั้นของคนชุดดำเข้าไป ร่างกายนี้ก็ราวกับไม่ใช่ร่างกายเขาอีกต่อไป จนกระทั่งสองวันให้หลัง เสนาบดีหวังมาเยี่ยมเยือนเขา ทั้งยังป้อนหูฉลามให้กับเขาด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเชียนลั่วเฉิงจึงหลับตาลงอย่างสมบูรณ์
เดิมที่เชียนลั่วเฉิงคิดว่าตนเองนั้นตายไปแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ที่พิเศษกว่านั้นนั่นก็คือหูเขาใช้การได้ดียิ่งกว่าปกติ
หลังจากกระอักเลือกแล้วเปลือกตาปิดลง เชียนลั่วเฉิงก็ได้ยินเสียงเชียนเจิ้นหยางกล่าวโทษเสนาบดีหวัง หลังจากนั้นหูจื้อเหนิงก็เข้ามาประหารเสนาบดีหวัง ณ ตรงนั้น ส่วนเชียนเจิ้นหยางมีคำสั่งให้จับกุมตระกูลหวังทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเชียนลั่วเฉิงในตอนนี้จะไม่ต่างอะไรกับคนตาย มองไม่เห็นฉากเหล่านั้นทั้งยังพูดไม่ได้ แต่สมองเขายังคงทำงานอยู่
ได้ยินหมอหลวงหลี่บอกว่า เสนาบดีหวังยืนยันจะให้เชิญอวี้หลัวช่ามารักษาอาการป่วยให้กับเขาให้ได้
สิ่งที่เชียนเจิ้นหยางทำกับเสนาบดีหวังนี้ นับเป็นการอาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัวโดยแท้!
เชียนลั่วเฉิงเองในตอนนี้ขยับมิได้ ช่วยเหลืออะไรเสนาบดีหวังไม่ได้เลย ในตอนนี้เชียนลั่วเฉิงจึงเคียดแค้นเชียนเจิ้นหยางอย่างที่สุด!
หลังจากนั้น เชียนลั่วเฉิงก็ถูกแบกเข้าไปไว้ในโลงไม้ที่ถูกเตรียมเอาไว้
วินาทีนั้นเชียนลั่วเฉิงหวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว กลัวว่าจะมีใครมาปิดฝาโลงแล้วฝังเขาลงในดิน นั่นจึงเรียกได้ว่าเรียกฟ้า ฟ้าไม่ขานเรียกดิน ดินไม่ตอบอย่างแท้จริง!
ในขณะที่เชียนลั่วเฉิงกำลังหวาดกลัวอย่างที่สุดนั่นเอง เขาก็ได้รู้เรื่องชู้รักสองคนซึ่งมันทำให้เขาแค้นเคืองจนแทบกระอักเลือด
คืนนั้น เชียนลั่วเฉิงได้ยินเสียงอันคุ้นเคย นั่นก็คือเสียงหลิวกุ้ยเฟยกำลังพูดอะไรบางอย่าง!
เมียรัก ข้าอยู่ในนี้ เจ้ารีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้หลิวกุ้ยเฟยพร้อมกับเสียงปลอบประโลมของนางกำนัล ความโกรธแค้นที่เขามีต่อนางก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปมาก
ปลงพระชนม์เสด็จพ่อเรื่องเช่นนี้เชียนเจิ้นหยางยังทำออกมาได้ ต้องเป็นมันแน่ที่กักขังหลิวกุ้ยเฟย!
ลูกทรพีเช่นมัน จะต้องไม่ตายดี!
เมื่อนึกถึงความรักที่ตนเองมีให้กับหลิวกุ้ยเฟยตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา ทำให้นางยอมเสี่ยงชีวิตออกมาเยี่ยมตนเอง เชียนลั่วเฉิงก็เจ็บปวดใจยิ่งนัก
หลายปีที่ผ่านมานี้หลิวกุ้ยเฟยมิเคยต้องพบกับความยากลำบากเช่นนี้มาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายในไส้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมา นางจะต้องตกใจมากเป็นแน่!
เมียรัก!
เมียรัก!
เชียนลั่วเฉิงอยากที่จะตะโกนเรียกหลิวกุ้ยเฟย อยากจะตะโกนเรียกคนให้มาช่วยเหลือตน ทว่าตัวเขาราวกับผักก็ไม่ปาน ร่างกายไม่สามารถทำตามคำสั่งได้เลย
เมื่อทุรนทุรายอยู่นาน ในที่สุดเชียนลั่วเฉิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเสียแล้ว
เยี่ยอ๋องปลงพระชนม์เสด็จพ่อ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจปลงพระชนม์เสด็จแม่ก็เป็นได้
เขาต้องลุกขึ้นมาปกป้องหลิวกุ้ยเฟย!
ในตอนนั้นเอง เชียนลั่วเฉิงก็ได้ยินเสียงของเชียนเจิ้นหยางเข้า
“เสด็จแม่ ท่านมาที่นี่ทำไมกัน”
เชียนเจิ้นหยางเดินเข้ามา สั่งให้คนทั้งหมดออกไปแล้วปิดประตู
“นี่พระองค์คงจะมิใช่กำลังอาลัยอาวรณ์ไอ้แก่นี่หรอกนะ!”
ได้ยินคำว่า ‘ไอ้แก่’ คำนี้ เชียนลั่วเฉิงก็แค้นตัวเองยิ่งนัก
แค้นที่ตัวเองมีตาหามีแววไม่ ถึงได้เลี้ยงดูคนเนรคุณผิดมนุษย์มนานี่มา!
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบิดาเจ้า!”
หลิวกุ้ยเฟยดวงตาแดงก่ำ ยิ่งเมื่อคิดถึงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเชียนลั่วเฉิงดีกับนางมาโดยตลอด ตอนนี้เขาตายไปแล้ว หลิวกุ้ยเฟยก็อดเสียใจไม่ได้
“เสด็จแม่ ดูท่าพระองค์ทรงลืมเรื่องหนึ่งไปนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เชียนเจิ้นหยางกดหัวหลิวกุ้ยเฟยลงไปในโลง บังคับให้นางจ้องมองเชียนลั่วเฉิง