บทที่ 818 ปล่อยให้บินไปก่อน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 818 ปล่อยให้บินไปก่อน

เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของหยางซงจี้ซิงจึงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ที่ฉันจะเป็นตัวแทนคือเรื่องจริง”

“ส่วนค่าคอม ฉันก็จะให้แกจริง ๆ เหมือนกัน”

“แกน่าจะรู้ดีว่าผลประโยชน์และเงินทองในทางโลกนั้น มันไม่ได้สำคัญสำหรับฉันเลย สิ่งที่ฉันปรารถนาที่แท้จริงก็คืออำนาจ”

ขณะที่พูดนั้น จี้ซิงราวกับจะเอ่ยถึงความตั้งใจจริงของตัวเองออกมา พร้อมทั้งถอนหายใจเบาๆ ออกมาว่า “หากฉันไม่พูดออกมาแกก็น่าจะรู้ดีว่า ด้วยฐานะแบบฉัน เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่จะย้ายไปอยู่รอบๆ เมืองหลวงโดยปราศจากอำนาจของตัวฉันเองได้”

“หากฉันมีพลังแล้ว ฉันก็จะสามารถก้าวข้าวเรื่องนี้ไปได้อีกขั้นหนึ่ง!”

ก้าวไปอีกขั้น!

คำๆนี้ เหมือนกับค้อนหนัก ๆ ที่กระแทกเข้าหัวใจของหยางซงอย่างจัง

หยางซงพอจะเดาเรื่องทุกอย่างได้แล้วนั้นอีกทั้งเขายังนับจี้ซิงเป็นถึงเจ้าชายหรือหลานชายของจักรพรรดิในเมืองหลวง หากว่าก้าวไปอีกขั้นแล้ว เช่นนั้นต้องเป็นสถานะอะไรเล่า?

การต่อสู้ระหว่างเหล่าจักรพรรดินั้นย่อมมีความลึกลับซับซ้อนมากมาย !

“ผมยินดีที่จะทำงานให้กับนายน้อยหลงครับ!”

“นายน้อยหลงขอเพียงแค่สั่งการกับผมมา ผมจะยอมเชื่อฟังท่านทุกอย่าง!” เขาพลันนั่งคุกเข่าลงบนพื้นและพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว

ในที่สุด จี้ซิงพลันแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมาเสียที เขาค่อย ๆ เข้าไปช่วยพยุงหางซงด้วยสองมือของตัวเอง พลางกล่าวออกมาด้วยท่าทีสนิทชิดเชื้อว่า “อย่ากลัวไปเลย”

“ตราบใดที่แกเชื่อฟังฉันเป็นอย่างดีฉันก็จะไม่ปฏิบัติต่อแกอย่างเลวร้ายแน่นอน”

“เวลาไม่คอยท่าแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

“ตอนนี้?” หยางซงพลันชะงักไปครู่หนึ่ง พลางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่า จี้ซิงจะกระตือรือร้นขนาดนี้

ในแววตาของจี้ซิง พลันปรากฏเจตนาฆ่าฟันขึ้นมาอีกครั้ง พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยถูกทำให้อับอายเช่นนี้มาก่อน !”

“ตอนนี้ ฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้หมาป่าหอนมาครอบครอง เพื่อฉีกจวี่หยวนและช่ายเสี่ยวซานให้เป็นชิ้น ๆ !”

“ไม่ต้องห่วง แกแค่แนะนำฉันมาก็พอ เมื่อไปถึงจุดนัดพบแล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง”

“ทว่า แต่สำหรับตัวตนและสถานะของฉันแล้ว แกคงรู้นะว่าควรจะต้องทำยังไง”

หยางซงพลันรีบร้อยพูดออกมาว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ!”

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะพูดว่านายน้อยหลงเป็นเพียงทายาทของตระกูลใหญ่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง และต้องการหมาป่าหอน เพื่อมาสร้างอำนาจของตัวเองให้มั่นคง!”

จี้ซิงจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”

พูดจบ เขาพลันเดินก้าวเท้ายาวออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

หากว่ากันตามตรแล้วง ในนามของฉินเทียนนั้น การที่เขาเข้ามาในสถานที่เล็ก ๆ ของเมืองเฮยหลงได้ โดยอยู่ภายใต้หน้ากากของตัวตนที่ไม่มีมูลความจริง เพียงเพื่อที่จะให้ได้รับความไว้วางใจจากหยางซงเท่านั้น

การที่หวงพานและจี้ตูพ่ายแพ้ให้กับจวี่หยวนนั้น แน่นอนว่าเป็นการเสแสร้งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ถึงแม้ว่าจวี่หยวนจะดูน่ากลัวมากก็ตาม ทว่าการจะฆ่าจวี่หยวนนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย

เหตุผลที่พวกเขาตั้งใจแพ้และเพื่อให้เสียเงินร้อนล้านไปเปล่าประโยชน์ นั่นก็เพื่อเป็นการกดดันหยางซง

ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วเพื่อให้หยางซงยอมเปิดปากพูดถึงเรื่องของหมาป่าหอนขึ้นมา ทั้งยังทำให้อีกฝ่ายเกิดความเชื่อมั่นใจตัวของจี้ซิงด้วยเช่นกัน

หากไม่ใช่เหตุผลนี้ จี้ซิงเองก็ไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว

ในที่สุดแล้ว พวกเขาก็จะได้เข้าสู่สนามรบที่แท้จริงเสียที

หยางซงที่ต้องการจะรอดพ้นจากโทษทัณฑ์ของจี้ซิงนั้น เขาพลันรู้สึกมีความกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีแต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังเห็นความหวังที่จะแก้แค้นและมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าของตัวเองเช่นกัน

หยางซงพลันตามจี้ซิง จี้ตูและหวงพานมาบนดาดฟ้าของโรงแรมเพื่อจะมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์

ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะบินออกจากตำแหน่งและจุดสีแดงที่กะพริบไฟอยู่นั้น ก็ได้หายไปอย่างรวดเร็วภายใต้ท้องฟ้าในยามค่ำคืน

ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะออกบินนั้น จี้ซิงได้ทำการส่งข้อความหาฉินเทียนอย่างเงียบ ๆ :ฉันกำลังไป

ในเมืองฮั่นจงทางทิศตะวันตก ภายในค่ายมังกรซ่อนรูปนั้น เมื่อฉินเทียนได้เห็นข้อความนี้ ฉับพลันมุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาในทันที

ฉินเทียนพลันเรียกฉินชวนเข้ามา พลางพูดเสียงเบาว่า “กระสุนพุ่งออกไปแล้ว ปล่อยให้มันบินไปก่อนสักพัก”

“พวกเราสามารถเริ่มแผนสองได้ หลังจากพักผ่อนกันมานาน ถึงเวลาที่จะได้ออกไปขยับร่างกายกันเสียที พร้อมกับได้เวลาล่องูออกจากถ้ำแล้ว”

ฉินชวนพลันกัดฟันพูดออกมาว่า “ถึงเวลาล้างแค้นให้กับพี่น้องมังกรซ่อนรูปแล้ว!”

พร้อมกับ ทั้งสองคนที่คุยถึงแผนการกันอย่างลับ ๆ เมื่อยามรุ่งสาง ก็ได้ติดป้ายประกาศขึ้นมา

ฉินชวนได้ทำการมอบหมายภารกิจต่าง ๆ ภายในมังกรซ่อนรูป มอบให้เฟยเทียนอิงดูแลเป็นการชั่วคราว เขาและฉินเทียนจะเข้าไปในภูเขา เพื่อเตรียมตัวสำหรับแข่งขันเกมล่าสัตว์สามวัน

นี่เป็นการแข่งขันส่วนตัวดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าร่วม

ทุกคนในมังกรซ่อนรูป ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ห้ามออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด

จากนั้น ฉินชวนและฉินเทียนจึงได้เตรียมหอกล่าสัตว์พร้อมกับลูกธนูเต็มกระบอกเข้าไปในภูเขาในทันที

“เจ้าเด็กเปรตแซ่ฉินทั้งสองคน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ ?”

เมืองซินเฉิง ภายในลานบ้านตระกูลหยาง

หยางชังที่ได้รับรายงานทันทีนั้น เขาพลันแสดงรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา ไม่อาจไม่พูดได้เลยว่า เขาเป็นนักล่าที่ช่ำชองคนหนึ่ง

เขาเฝ้าติดตามฉินเทียนมาตลอดเวลา จนกระทั่งตอนนี้เขาสามารถอดกลั้นภายในใจเอาไว้ได้แล้ว

ทว่า จากมุมมองของเขาแล้วนั้น เหยื่อเช่นฉินเทียนไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ล่าสัตว์งั้นเหรอ? เช่นนั้นพวกแกก็ตกเป็นเหยื่อในมือของนายพรานเช่นข้าแล้วกัน

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็สั่งข้ารับใช้รอบข้าง “เรียกเหล่าหลางมาพบฉันเดี๋ยวนี้!”

เหล่าหลางคือพ่อบ้านของเขาโดยปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ค่อยได้อยู่ในเมืองซินเฉิงมากนัก พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจินซาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองซินเฉิงแทน

ไม่นานนัก ชายชราผิวดำที่ผอมกะหร่องพลันเดินก้มหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ชายชราผู้นี้อายุเพียงห้าสิบต้น ๆ เท่านั้น แต่กลับมีดวงตาที่สดใสและดูมีความสามารถมากมายนัก

“ท่านผู้นำขอรับ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับตี้เม่ยสามพี่น้องมาบ้าง”

“มีความคืบหน้าอะไรหรือ เหล่าหลางพลันเอ่ยถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

หยางชางพลันกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยันว่า “เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือ ฉันย่อมลงมือด้วยตัวเองอยู่แล้ว ”

“ก็แค่ การสังหารฉินเทียนไม่ใช่หรือ ไม่เพียงพอต่อความอยากอาหารของฉันเสียด้วยซ้ำ แกคิดจริงๆหรือว่า การที่ฉันวางแผนที่จะฆ่าฉินเทียนนั้น ทำเพื่อล้างแค่ให้กับเหล่าตี้เม่ยคนอื่นๆเหรอ”

เหล่าหลางพลันตัวแข็งถื่อไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยว่า “นายท่านได้โปรดชี้แจง!”

หยางชังพลันถอนหายใจออกมา “ฉันทำเพื่อหลานชายที่น่ารักของฉันต่างหากเล่า!”

“ฉินเปียว ผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำของตระกูลฉินคนต่อไปในอนาคตข้างหน้าหากฉินเทียนไม่ตาย สำหรับฉินเปี่ยวแล้ว ฉินเทียนเป็นหนาวยอกใจเขาไม่น้อยเลยทีเดียว ”

“หากฉันสามารถฆ่าฉินเทียนได้แล้วจริง ๆก็นับว่าเป็นการปูทางกำจัดสิ่งกีดขวางไว้ให้ฉินเปียว”

เหล่าหลางพลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ความพยายามของท่านผู้นำ ย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมชาติหากนายน้อยเปียวขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลฉินเมื่อใด ถึงเวลานั้น ตระกูลฉินมิใช่ตกมาอยู่ในมือของท่านหรือ”

หยางชังพลันเอ่ยเย้ยหยันออกมาว่า “นั่นเป็นประโยชน์ในระยะยาว”

“สำหรับตอนนี้พวกเราในตอนนี้ไม่สามารถล้มเหลวได้ เร็ว ๆ นี้ฐานทัพของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง?”

“มีการจัดส่งเพิ่มขึ้นหรือไม่?”

เหล่าหลางพลันขมวดคิ้วกล่าวออกมาว่า “ยังเหมือนเดิมขอรับ”

“คนพวกนั้นได้ทำการทดลองสูตรตัวยารุ่นสองเสร็จแล้ว ทว่านายน้อยเปียวไม่ยอมให้มีการผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก”

ขณะที่เขาพูด เหล่าหลางพลันได้แต่ถอนหายใจออกมาและพูดว่า “ข้าน้อยไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าเหตุใดนายน้อยเปียวถึงได้ดื้อรั้นนัก เขามักจะควบคุมการผลิตและการขายของเราอย่างเข้มงวดเสมอ”

“ของดีเช่นนี้ ตราบใดที่ปล่อยขายออกไปมันย่อมสามารถทำเงินได้มากมายมหาศาลทุกวัน!”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน คนพวกนั้นได้ออกไปในนามของการพักร้อน จนตอนนี้ยังไม่มีใครกลับมาเลยสักคน ”

“ดังนั้น แม้แต่การผลิตในรอบปัจจุบัน ก็ยังต้องหยุดระงับลง”

“ท่านผู้นำขอรับหากพวกเราทำการเลื่อนออกไปอีกหนึ่งวัน ไม่รู้ว่า พวกเราจะต้องสูญเสียเม็ดเงินไปมากเท่าไหร่ นะขอรับไม่สู้นายท่านโทรหานายน้อยเปียวละขอให้เขาสั่งให้คนพวกนั้นกลับไปทำงานโดยเร็วแทน”

“สูตรตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว พวกเรารีบร้อนไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมา”

หยางชังพลันกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ในทันที

พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ที่ฉันเรียกนายมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะมาปรึกษาเรื่องนี้แหละ”

“หากฉันจะทำการสังหารฉินเทียนแทนฉินเปียวและให้ฉินเปียวส่งสูตรยามาให้เพื่อเป็นของตอบแทน”

“นอกจากนี้ ต่อไปทั้งการผลิตและการขายในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราแล้ว!”

“เราต้องการเพิ่มสายการผลิต เพื่อเปิดสู่โลกกว้างและขยายเส้นทางการขายออกไปด้วย”

“มีหนทางทำเงินเช่นนี้กลับไม่คิดทำ เป็นบ้ากันไปแล้วหรือ!”