บัญชามังกรเดือด บทที่ 819 เสแสร้งแกล้งทำ
เหล่าหลางพลันพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า ” หากว่านายน้อยเปียวฟังคำพูดของท่านผู้นำจริง ๆ ย่อมดีมากแน่นอนเลย!”
“ท่านผู้นำเป็นถึงท่านลุงของเขา อีกทั้งเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงฉินเทียนอีกด้วย นับว่าเป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ ”
“ท่านรีบโทรหานายน้อยเปียวเร็วเข้า!”
“ขอเพียงแค่นายน้อยเปียวยอมตกลงพวกเราจักได้เริ่มเตรียมการทันทีข้าน้อยรับประกันได้เลยว่า ระยะเวลาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น สิ้นค้าตัวใหม่จักได้ออกสู่ท้องตลาดในทันที ”
หยางชังพลางกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยันว่า “อย่างที่พูดไป ฉันเป็นลุงใหญ่ของแม่มัน การที่พวกมันสามารถยืนหยัดอยู่ภายในตระกูลฉินด้วยความมั่นคงมาหลายปีที่นั่น พวกมันอาศัยพึ่งพาใครงั้นหรือ?”
“ฉันไม่เชื่อว่า มันจะกล้าขัดคำสั่งฉัน!”
หยางชีงพลันถอนหายใจออกมา พร้อมกดหมายเลขโทรศัพท์ของฉินเปียวลงไป
ถึงแม้ว่าเขาจะเอ่ยวาจาออกไปเช่นนั้น ทว่าหยางชังเองก็ยังคงรู้สึกผิดกับฉินเปียวเล็กน้อย เมื่อเขาต้องมาโทรคุยกับ ฉินเปียวจริงๆ
เขารู้ว่าหลานชายคนนี้เป็นม้าป่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกให้เชื่องได้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลฉินในปัจจุบันจะลดลงไปมาหก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาและตระกูลหยางจะไปเทียบชั้นเอาได้
ดังนั้น เมื่อต่อสายโทรหาฉินเปียวแล้วนั้น เขาจึงเลือกใช้น้ำเสียงที่เป็นมิตรและใจดีอย่างผู้อาวุโสในทันที
“เปียวเอ๋อร์ ช่วงนี้หลานเป็นยังไงบ้าง? อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง?”
“ลุงจะบอกหลานว่า อย่าไปใส่ใจขยะเช่นฉินเทียนเลย แกยังมีลุงคนนี้อยู่นะ”
เสียงของฉินเปียวพลันดังออกมาผ่านโทรศัพท์ในทันที
ไม่ต่างจากที่คาดการณ์เอาไว้ เด็กหนุ่มคนนี้ซึ่งมักจะดุร้ายและเอาแต่เกเรอยู่เสมอ ก็มีช่วงเวลาที่เชื่องและมีมารยาทที่ดีอย่างน่าใจหายอยู่เหมือนกัน
“ลุงใหญ่เป็นหลานที่ไม่รู้ความ!”
“ตอนนี้ หลานรู้แล้วว่าความสามารถของหลานมีจำกัดมากแค่ไหน หลังจากที่หลานพยายามมาตั้งนาน แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับขยะที่ไร้ประโยชน์คนนั้น”
“หลานผิดเองที่ปล่อยให้ลุงกับแม่เป็นห่วงอยู่เสมอ”
“ลุงใหญ่ผมจะไม่สร้างเรื่องอีกแล้ว ต่อไปนี้หลานจะฟังความฟังคำพูดของแม่กับลุงใหญ่ทุกอย่าง!”
หยางชังพลันชะงักไปชั่วครู่ “เปียวเอ๋อร์ ที่หลานพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?”
“แน่นอน!”
“ตอนนี้หลานไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะตั้งใจเรียนดนตรีหมากล้อมกฎหมายต่าง ๆ กับน้องจื่อฮวาเองตอนนี้ฉันอยู่กับจื่อฮวาเหมือนกัน หากลุงใหญ่ไม่เชื่อ ผมจะเรียกเธอมาให้ ”
“จื่อฮวา พ่อของเธอ!”
“พ่อ—” เสียงแผ่วเบาดังมาจากข้าง ๆ กัน“พ่อโทรมาตามหนูให้กลับบ้านเหรอ?”
“ฉันไม่ได้บอกเหรอ ว่าฉันอยู่ที่นี่สบายดี คุณป้ากับพี่ชายเอง… ก็ดีกับฉันมาก”
“ขอฉันอยู่ที่นี่แป๊บนึงนะ!”
หยางชังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ลูกรัก พ่อจะเร่งลูกทำไมกัน ตราบใดที่ลูกต้องการอยู่ที่บ้านของป้า ไม่ว่าลูกจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ ”
“ ลูกรัก พ่อมีอะไรจะพูดกับพี่ชายของลูกอีก ส่งโทรศัพท์ให้เขาหน่อย”
หลังจากพูดคุยฉินเปียวทางโทรศัพท์อีกครั้งนั้นหยางชังพลันรู้สึกได้รับความมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะเขารับรู้ได้ว่า ฉินเปียวกำลังหวาดกลัวต่อฉินเทียนอยู่จริง ๆ
ตอนนี้ ฉินเปียวถึงได้มาพึ่งเขาให้ทำการแก้แค้นให้
“เปียวเอ๋อร์ ลุงได้ยินมาว่าเหล่านักทดลองที่ฐานทัพกำลังลาพักร้อน นั่นหมายความว่าอย่างไรงั้นเหรอ?”
“พวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“นอกจากนี้ ยังเป็นการไปพักผ่อนแบบกลุ่มด้วย คงไม่ใช่เพราะหลานไม่พอใจลุงใช่ไหม ถึงได้จงใจกันพวกเขาออกไปแบบนั้น?”
น้ำเสียงของหยางชังพลันเจือไปด้วยความน่าเกรงขามอยู่หลายส่วน
ฉินเปียวพลางกล่าวออกมาว่า “ลุงใหญ่ ลุงเข้าใจผิดไปแล้ว!”
“เหล่านักทดลองพวกนั้น ลางานชั่วคราวเพราะเรื่องภายในครอบครัวของตัวเองเฉย ๆ ”
“ลุงใหญ่ไม่ต้องห่วงเลยพวกเขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้แหละ”
“และตอนนี้หลานก็มีความคิดขึ้นมาว่า”
“หวานคิดว่า ฐานทัพของฉันในตอนนี้มีลุงใหญ่คอยทำการส่งสินค้าให้อยู่ หากให้หลานเป็นตัวกลางดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
“อีกทั้ง หลานยังรู้สึกว่าความสามารถของตัวเองยังมีไม่มากพอ ”
“ฉะนั้นแล้ว หลังจากที่พวกเขากลับไปเมื่อไหร่หลานจะมอบอำนาจทั้งหมดให้กับลุงใหญ่เลย”
“ทั้งไลน์การผลิตและการขายด้วยผมรู้ว่าลุงของผมต้องการจะขยายการผลิตมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เป็นผมเองที่ไม่เห็นด้วยเพราะกลัวว่า หากของล็อตใหญ่ขึ้นมันจะไม่ปลอดภัย”
“แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นผมที่ใจแคบมากเกินไปเองจากนี้ไป ผมจะฝากทุกอย่างไว้กับลุงใหญ่ และจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก!”
“จริงเหรอ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางชังพลันเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
เดิมทีนี่เป็นเงื่อนไขที่เขาเตรียมพร้อมที่จะเจรจากับฉินเปียวอยู่แล้วหากเขาสามารถช่วยฉินเปียวสังหารฉินเทียนได้นั้น ฉินเปียวจะต้องสละสิทธิ์จากเรื่องนี้ออกไปทั้งหมด
เดิมที เขาคิดว่าการเจรจาอาจจะไม่ราบรื่นเป็นแน่หยางชังจึงเตรียมพร้อมที่จะโทรหาน้องสาวของเขาหยางหลิวอีกครั้งมารดาผู้ให้กำเนิดฉินเปียว เพื่อกดดันให้ฉินเปียวยอมรับการเจรจาของเขา
ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นฉินเปียวที่เริ่มพูดเรื่องนี้ออกมาเสียก่อน
มันคงมิได้มีกับดักอยู่ในนั้นใช่หรือไม่?
หยางชังอดไม่ได้ที่จะหวาดระแวงขั้นมาเนื่องจากในความคิดของเขานั้นฉินเปียวหาใช่คนเจรจาทุกอย่างได้ง่ายดายไม่
“หลานจะยอมทิ้งทุกอย่างจริงๆ เหรอ?”
“ทั้งหลานและลุงต่างก็รู้ดี ว่ายาพวกนี้ เป็นดั่งขุมสมบัติ ที่สามารถฟักความมั่งคั่งออกมาได้นับไม่ถ้วน”
“เปียวเอ๋อร์ หลานไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลุงมีความสุขเก้อใช่ไหม?” หยางชังแสร้งทำเป็นหัวเราะออกมา เพื่อให้ฟังแล้วรู้สึกถึงความอับอาย
ฉิยเปียวพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “สูตรตัวยานั้น ผมได้จ้างคนมาพัฒนาสูตรนี้แล้ว อีกทั้งยาตัวนี้มันก็รวมความทุ่มเทของผมอยู่ด้านในเหมือนกัน แน่นอนว่าผมไม่ยอมปล่อยมือไปจากมันง่าย ๆ แน่ ”
“ผมมีเงื่อนไขสองข้อ”
หยางชังพลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง: “พูดเลย!”
“อย่างแรก ทางฝั่งของผมต้องการตัวยาจำนวนมาก ลุงใหญ่ต้องจัดหายาให้ผมฟรีๆ ก่อน แล้วตัวยาทั้งหมดนั้นต้องเป็นยาที่ดีที่สุดด้วย”
หยางชังจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ได้แน่นอน!”
“ความพยายามหลาน ลุงจะไม่ยอมให้มันสูญไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่ —— อะไรอีกล่ะ?”
หยางชังรู้สึกว่า เงื่อนไขแรกนั้นยังไม่ใช่ประเด็นหลัก เกรงว่าเงื่อนไขที่สองคงจะเป็นกุญแจสำคัญแน่นอน
“ข้อสอง ลุงต้องจ่ายให้ผมปีละหนึ่งพันล้านโดยไม่มีเงื่อนไขถือว่าเป็นค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิบัตรเท่านั้น”
หนึ่งพันล้านไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย
อย่างไรก็ตาม สำหรับตระกูลหยางแล้วนั้น ความมั่งคั่งมหาศาลที่หมาป่าหอนนำมาให้นั้นย่อมสำคัญกว่าทุกสิ่งอยู่แล้ว
หยางชังได้แต่หัวเราะออกมาดัง ๆ ออกมา
“เปียวเอ๋อร์ สมกับเป็นหลานจริงๆ!”
“ตอนนี้หลานก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ทั้งยังได้รับเงินหนึ่งพันล้านหยวนต่อปีไปฟรี ๆ อีกด้วย อีกทั้งยังได้ยาไปฟรี ๆ อีก”
“ต้องบอกว่าฉลาดมาก”
ฉินเปียวพลันขมวดคิ้วลง
หยางชังจึงจงใจกล่าวออกมา ทำทีเป็นว่าเขาไม่ใคร่พอใจในข้อเสนอมากนัก แต่แท้จริงแล้ว เขาจะไม่ตกลงงั้นหรือ? เขาเต็มใจอย่างยิ่ง!
“ในเมื่อหลานพูดออกมาแบบนี้แล้วใครให้ฉันเป็นลุงของแกเล่า?”
“ฉันแค่พยายามตกลงอย่างไม่เต็มใจต่างหาก!”
“หลานอย่ากังวลไปเลย ฉินเทียนจะตายภายในสามวันนี้แหละ!”
“เมื่อถึงเวลา ฉันจะตัดหัวมันแล้วเอามาให้หลาน นอกนั้นหลานจะเอามันไปทำยังไงก็ได้!”
น้ำเสียงของฉินเปียวพลันเจือไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “ขอบคุณครับคุณลุง!”
“สิ่งที่ผมต้องการ ก็คือหัวขอฉินเทียนเท่านั้น!”
“เพื่อความปลอดภัยลุงต้องฆ่ามันทันที อย่าคิดจับเขาทั้งเป็น!”
“ลุงใหญ่ ต่อไปนี้หลานจะฟังความแต่ลุงคนเดียวเท่านั้น!”
หยางชังตื่นเต้นเสียจนไม่อาจสงบสติใจเอาไว้ได้พร้อมทั้งพูดต่ออีกสองสามคำถึงค่อยวางสายโทรศัพท์ลง
“เหล่าหลาง เจ้าได้ยินไหม?”
“ฉินเปียวยอมตอบตกลง! ฮ่าฮ่า ไอ้เด็กเปรตนั่นสัญญาว่าจะส่งมอบสูตรให้เราและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการผลิตและการขายอีกต่อไปแล้ว!”
“รวยแล้ว!”
“พวกเราจะรวยแล้ว!”
“ไปเริ่มเตรียมการทันที ไปขยายฐานผลิตเลย!”
“ยินดีด้วยขอรับ ท่านผู้นำ!” เหล่าหลางเองก็ดีใจเช่นกัน ทว่าเขายังคงเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านผู้นำขอรับ ท่านช่วยสังหารฉินเทียนจริงๆ ได้จริง ๆ หรือ?”
“ด้วยความเคารพ. หากนี่คือเงื่อนไขของนายน้อยเปียว หากว่าฉินเทียนไม่ตายละก็ ข้าน้อยเกรงว่า นายน้อยฉินเปียวจะไม่ยอมมอบสิทธิ์ให้กับพวกเราโดยง่าย”
หยางชังเอ่ยขึ้นมาอย่างเย้ยหยันว่า ” เจ้าไม่ต้องมากังวลกับเรื่องนี้หรอก”
“ไปเรียกเหล่าขุนพลนรกทั้งสามสิบองค์ของฉันมารวมตัวกันได้แล้ว”
“ฉันจะเก็บไว้สักสิบคนเพื่อป้องกันความปลอดภัยของฐานทัพ ส่วนอีกยี่สิบคนที่เหลือจะถูกส่งไปสังหาร!”
“แม้ว่าฉินเทียนจะมีสามหัวและหกแขน แต่เขาจะต้องตายในมือฉันอย่างแน่นอน!”