บทที่ 2180+2181

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2180 เข้าเมือง

เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง คนที่มีวรยุทธ์สูงส่งล้ำลึกเช่นนี้หายากยิ่งนัก…

ตี้ฝูอีโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง หินผลึกเจ็ดก้อนเรียงแถวในแนวนอนอยู่กลางอากาศ ส่องประกายแวววาว เขาเงยหน้ามองเจ้าพนักงานเมืองที่อยู่บนกำแพงเมือง

“หินผลึกอยู่นี่แล้ว รีบเปิดประตูเมืองซะ!”

เป็นครั้งแรกที่เจ้าพนักงานเมืองผู้นั้นได้เห็นคนหยิบหินผลึกออกมามากมายปานนี้ในคราวเดียว ผงะไปครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววริษยา เพียงแต่เขายังคงยืนยันตามเงื่อนไขนั้นเช่นเดิม

เจ้าเฟิงฉิงที่อยู่ใต้เมืองก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกมาคร่าวๆ

ขณะที่เขาเล่าอยู่ สายตากว่าร้อยคู่ก็รวมอยู่ที่ร่างของกู้ซีจิ่วเช่นกัน เปี่ยมด้วยความคาดหวัง หวังว่าเธอจะมีวิธี

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าแวบหนึ่ง อีกครึ่งชั่วยามพิรุณโลหิตก็จะตกแล้ว!

คนเหล่านี้ต้องได้เข้าเมืองทุกคน!

เธอรับปากผู้เฒ่าเหล่านั้นไว้แล้ว จะพาทุกคนเข้าสู่เมืองลั่วฮวาอย่างปลอดภัย!

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบผลึกสีแดงก้อนโตชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ผลึกนี้ใหญ่กว่าหินผลึกทั่วไปหนึ่งเท่า หากบอกว่าผลึกธรรมดาเหล่านั้นเป็นของระดับสาม ก้อนนี้ก็เป็นระดับสอง…

และพบเห็นได้ยากยิ่งนักเช่นกัน ก้อนนี้มีมูลค่าเท่ากับผลึกธรรมดาสามก้อน!

เธอนำผลึกก้อนนี้ออกมาโบกล้อแสงด้านนอก

“พวกเราเพิ่มหินผลึกระดับสองให้อีกก้อนก็ได้ ปล่อยคนของพวกเราเข้าไปทั้งหมดซะ!”

เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นจ้องมองหินผลึก เขาย่อมรู้ความยิ่งนัก หลังจากตะลึงไปแวบหนึ่ง เขาก็กระแอมคราหนึ่ง

 “ไม่ได้ กฎนี้ข้าผู้เป็นเจ้าพนักงานมิใช่คนตั้ง แต่เป็นท่านเจ้าเมืองที่ตั้งขึ้น ข้าผู้เป็นเจ้าพนักงานไม่กล้ากระทำโดยพลการ…”

“งั้นก็ไปเรียกเจ้าเมืองของพวกเจ้ามา ข้าจะเจรจากับเขา!”

เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นหรี่ตาลง หัวเราะหยันคราหนึ่ง

“แม่นาง ท่านเจ้าเมืองของพวกเราไม่พบคนเกียจคร้านหน้าไหนทั้งนั้น เจ้าอยากพบเขาก็ยากหน่อยนะ เว้นแต่ว่า…”

“เว้นแต่อะไร?”

จู่ๆ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงเยียบเย็นเฉยชา ทว่าทำให้หัวใจของเจ้าพนักงานเมืองคนนั้นหนาวสะท้านขึ้นมาทันที!

แต่เขาอวดดีอยู่ที่นี่จนติดเป็นนิสัยแล้ว ตำแหน่งของเขาไม่ใหญ่ ทว่ากว้างขวาง ชายหญิงที่เข้าออกเมืองทำการใดล้วนต้องมองสีหน้าเขา ต่างประจบประแจงเขา นอกจากเจ้าเมืองและคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตอีกไม่กี่คนแล้ว เขาก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น!

เขายิ้มอย่างกักขฬะแวบหนึ่ง

“ท่านเจ้าเมืองของพวกเราค่อนข้างใจกว้างผ่อนปรนให้สาวงามเสมอมา แม่นางผู้นี้งดงามถึงเพียงนี้ ท่านเจ้าเมืองต้องชอบแน่นอน หากว่าแม่นางล้างเนื้อล้างตัวแล้วอยู่กับท่านเจ้าเมืองของพวกเราสักคืน ไม่แน่ว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเราอาจจะ…”

ถ้อยคำส่วนหลังเขาไม่ได้กล่าวออกมาแล้ว…

เกิดเสียงดัง ‘พรึบ!’ จู่ๆ คนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา ซัดจนเขากลิ้งหลุนๆ ลงบนพื้น หวิดจะร่วงตกจากกำแพงเมืองแล้ว!

คนผู้นั้นลงมือหนักหน่วงยิ่ง สมองของเจ้าพนักงานเมืองคนนั้นถูกซัดจนมึนงงแล้ว ตาลายจนเห็นดาวทองนับไม่ถ้วน สมองเกิดเสียงดังหึ่งๆ มุมปากมีโลหิตไหลลงมาเป็นสาย…

ข้างกายเจ้าพนักงานเมืองคนนี้มีผู้คุ้มกันยืนอยู่ด้วยไม่น้อยเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนมากมายถึงเพียงนี้จะมองไม่เห็นว่าที่แท้คนผู้นี้ขึ้นมาได้อย่างไร

ยามที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขากลับคืนมา ใบหน้าของหัวหน้าของพวกเขาก็ถูกหมัดนั้นซัดจนบวมเป็นหัวหมูแล้ว…

พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีคนที่กล้าลงมือกับหัวหน้าของพวกตน ทั้งตกใจทั้งโมโห หมายจะเข้าปิดล้อมรุมโจมตี

คนผู้นั้นพลันยกมือขึ้น กระบี่ยาวเล่มหนึ่งทาบอยู่ที่ลำคอของเจ้าพนักงานเมืองคนนั้น

“เจ้าพูดอะไรนะ? พูดอีกทีสิ?”

น้ำเสียงเขาสุภาพอ่อนโยน เสมือนคุยเล่นกับเจ้าพนักงานเมือง แต่เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นสัมผัสถึงไอเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากในกระดูกได้ เดิมทีเขากำลังจะอาละวาดออกมา ยามนี้เมื่อเห็นคมกระบี่ล้ำค่าแนบจ่อที่คอเขา ทำให้เขาไม่กล้าอาละวาดแล้ว เขาฝืนเพ่งสายตา จนยามนี้ถึงได้เห็นผู้มาอย่างชัดเจน

คุณชายผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีม่วง ยามที่คุณชายชุดม่วงผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นได้สวมหน้ากากเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาดำขลับที่ราวกับบึงน้ำลึก ยามนี้ดวงตาคู่นั้นหยีโค้ง คล้ายว่ากำลังยิ้ม

————————————————————————————-

บทที่ 2181 เห็นชีวิตผู้อื่นเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไร?!

แต่เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นกลับเห็นว่าเขามุ่นคิ้วถมึงทึง เนื่องจากคุณชายชุดม่วงผู้นี้ยิ้มปานบุปผาผลิบานยามฤดูใบไม้ผลิ ทว่ากระบี่ล้ำค่าในมือกลับไม่เหลาะแหละเลยสักนิด เชือดเข้าไปในเนื้อเขาทีละนิดๆ…

ผิวหนังถูกกรีดเปิด โลหิตบางๆ เริ่มซึมออกมา ความเจ็บปวดชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ…

การเถือเนื้อช้าๆ เช่นนี้ ทั้งเจ็บปวดและน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง!

เจ้าพนักงานเมืองตกใจจนฉี่แทบราดแล้ว!

หัวหน้าตกอยู่ในมือของผู้อื่น ผู้คุ้มกันเหล่านั้นย่อมไม่กล้าเข้าไป พากันร้องตะโกน

“เจ้าอย่าแส่หาเรื่อง!”

“หัวหน้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านเจ้าเมือง ทำร้ายเขาท่านเจ้าเมืองไม่ละเว้นพวกเจ้าแน่!”

“ปล่อยเขานะ ปล่อยเขา!”

เจ้าพนักงานเมืองตกใจจนขาสั่นแล้ว ทว่ายังคงเอ่ยอย่างฉุนเฉียว

“เจ้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าพนักงานอย่างข้าหรอก! เจ้าพนักงานอย่างข้า…”

วาจาท่อนหลังเขาไม่ได้กล่าวออกไปอีกแล้ว

เนื่องจากคมกระบี่ของอีกฝ่ายกดลงไปในเนื้ออีกหนึ่งชุ่น ขอเพียงกรีดลึกลงไปอีกสักนิด เส้นชีพจรบนลำคอเขาก็จะถูกตัด เมื่อถึงยามนั้นเทพเซียนก็ช่วยเหลือไม่ได้แล้ว…

“เจ้า…เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ในที่สุดเจ้าพนักงานเมืองก็ตระหนกแล้ว

“เปิดประตูเมืองให้ทุกคนเข้ามา”

น้ำเสียงตี้ฝูอียังคงเรียบเรื่อยเฉื่อยชาเช่นเดิม

เจ้าพนักงานเมืองหน้าซีดเผือด ยังคิดจะพยายามเป็นครั้งสุดท้าย

“ท…ทำไม่ได้ เจ้าเห็น…เห็นพลธนูพวกนั้นไหม ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยข้าอีก พวกเขาก็จะยิงธนูสังหารทุกคนที่อยู่ข้างล่างเสีย!”

เมื่อครู่เขาลอบส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนแล้ว

ลูกน้องคนนั้นรู้ความ ไปจัดการแล้ว

ตอนนี้พลธนูทั้งหมดขึ้นสายธนูไว้แล้ว ขอเพียงหัวหน้าเอ่ยสั่งการ ก็จะยิงธนูใส่ทุกคนด้านล่างให้กลายเป็นเม่น

พลธนูเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมืออีกที ลูกศรที่ยิงออกไปไม่มีพลาด หากพวกเขายิงโจมตี ชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างเหล่านั้นที่ไร้ที่กำบังย่อมกลายเป็นเป้าที่มีชีวิต!

ตี้ฝูอีกวาดตามองพลธนูเหล่านั้นแวบหนึ่ง ดวงตาพลันหยีโค้งในทันใด

“ดูพลธนูของเจ้าสิ คนไหนล่ะที่สามารถยิงธนูได้?”

เจ้าพนักงานเมืองรวมถึงลูกน้องของเขาต่างผงะไปครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีผู้น้ำใจงามหมุนตัวเจ้าพนักงานเมืองที่หันหลังให้กำแพงเมืองรอบหนึ่ง ให้เขามองพลธนูของตน…

หลังจากเจ้าพนักงานเมืองกวาดตามองแวบหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวในทันใด

เงาร่างคนผู้หนึ่งพุ่งทะยานปานกระแสไฟฟ้า โฉบผ่านร่างของพลธนูเหล่านั้น เสียงอุทานด้วยความตกใจแว่วไปทั่ว…

ในเวลาแทบจะชั่วพริบตาเดียว ธนูที่อยู่ในมือของพลธนูเหล่านั้นก็ถูกชิงไปแล้ว!

ท่าร่างของผู้ที่ช่วงชิงคันธนูของพวกเขาว่องไวเกินไป พวกเขาถึงขั้นที่เห็นเงาร่างของอีกฝ่ายไม่ชัดเลยด้วยซ้ำ…

ผู้ที่ชิงธนูของพวกเขาไปย่อมเป็นกู้ซีจิ่ว บัดนี้เธอยืนอยู่บนขอบกำแพงเมือง บนแขนคล้องคันธนูเหล็กแถวหนึ่งเอาไว้ มองไปที่เจ้าพนักงานเมืองผู้นั้นอย่างสุขุมเยือกเย็น

“ปล่อยคนเข้าไป!”

ใบหน้าเจ้าพนักงานเมืองซีดเผือด

“ข้า….ข้าจะส่งคนไปขอความเห็นจากท่านเจ้าเมือง ขอเพียงเจ้าเมืองอนุมัติ เจ้าพนักงานอย่างข้าจะปล่อยคนเข้ามาทันที…”

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองท้องฟ้า อีกหนึ่งเค่อพิรุณโลหิตจะตกลงมาแล้ว!

ถ้าไปขอความเห็นยามนี้อีก ไปกลับแล้วไม่ทันกาลแน่นอน!

เห็นได้ชัดว่าเจ้าพนักงานเมืองผู้นี้กำลังถ่วงเวลา!

เจ้าขุนนางสุนัขผู้นี้ เห็นชีวิตผู้อื่นเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไร?!

ตี้ฝูอีกลับยิ้มแล้ว กดกระบี่ลำค่าในมือทันที น้ำเสียงเรียบเฉย

“จะเปิดประตูให้คนเข้ามา หรือจะให้ข้าสังหารเจ้าแล้วค่อยปล่อยคนเข้ามา เจ้าเลือกข้อไหนล่ะ? คุณชายอย่างข้าไม่มีอารมณ์มายืดเยื้ออยู่กับเจ้าหรอกนะ ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้านับจบแล้วเจ้ายังไม่ตัดสินใจอีก คุณชายอย่างข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง! หนึ่ง สอง…”

“ปล่อยแล้ว! ปล่อยแล้ว! ปล่อยสะพานแขวนซะ!”

สุดท้ายเจ้าพนักงานเมืองก็เหี้ยมหาญสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ตะโกนออกมาติดๆ กัน

สะพานแขวนถูกปล่อยลงไปอีกครั้ง ประตูข้างของประตูเมืองเปิดออกแล้ว ชาวบ้านกว่าร้อยชีวิตโห่ร้องยินดีวิ่งไปสู่หนทางรอดชีวิต เรียงแถวกันไป…

เนื่องจากพิรุณโลหิตนี้ตกต้องตามเวลายิ่งนักทุกครั้ง

———————————————