บทที่ 336
ยาพิษไม่ถึงตาย
“เสี่ยวฉิง มากินด้วยกันสิ” มู่หรงเสวี่ยกวักมือเรียก บอกเป็นนัยว่าเสี่ยวฉิงก็ควรที่จะมากินด้วยกันได้
“ไม่ ไม่ ไม่นะเจ้าคะ ข้าไม่หิวเจ้าคะนายหญิง” เสี่ยวฉิงหมอบลงไปด้วยความกลัว เธอไม่กล้าที่จะตีตัวขึ้นมาเสมอเจ้านายหรอก ถึงแม้เธอจะรู้ว่านายหญิงเป็นคนที่มีเมตตาและปฏิบัติกับพวกนางอย่างดีมากก็ตาม แต่เธอก็ยังรู้สึกตกใจกับคำพูดของนายหญิงอยู่ดี
โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีองค์ชายจอมเย็นชานั่งอยู่ด้วย เธอไม่กล้าที่จะไปนั่งกินร่วมกับนายหรอก ไม่งั้นเธอไม่รอดแน่ๆ
หวังฉิงชอบความคิดของเสี่ยวฉิงจริงๆ เขามองไปที่ เสี่ยวฉิงด้วยสายตาเย็นชา
“เสี่ยวฉิงเป็นแค่สาวใช้ เจ้าใจดีกับนางมากเกินไป” หวังฉิงพูดออกมาเสียงเรียบอย่างไม่เห็นด้วย
สาวใช้ก็คือสาวใช้และเจ้านายก็คือเจ้านาย นี่เป็นสัญลักษณ์ของสถานะ มันคงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากถ้าเจ้านายจะนั่งร่วมโต๊ะกับสาวใช้
สาวใช้คนนี้กล้าที่จะมาเทียบเท่าองค์ชายงั้นเหรอ?!
ทันใดนั้น สายตาของหวังฉิงก็ยิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเดิมอีก เขามองไปที่เสี่ยวฉิงที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
มู่หรงรีบดึงเสี่ยวฉิงให้ลุกขึ้น “เจ้าจะคุกเข่าทำไม? ถ้าไม่กินงั้นก็ยืนเฉยๆ” เธอเองก็พูดออกไปโดยลืมไปชั่วขณะว่ายุคโบราณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเรื่องลำดับชั้นอย่างมาก
ตอนที่เสี่ยวฉิงคุกเข่าลงไป เธอรู้สึกเสียใจมากจึงไม่ได้บังคับอะไรอีก ความคิดที่ฝังรากลึกขนาดนี้ไม่ใช่อะไรที่เธอจะเปลี่ยนได้ตามต้องการ
“มากินกันเถอะ เจ้าจ้องสาวใช้ของข้าทำไม?” มู่หรงมองไปที่หวังฉิงอย่างสงสัย
หวังฉิงแทบจะไม่ได้โกรธอะไรเลยเพราะดวงตาที่เปล่งประกายสดใสอย่างมีนัยของเธอ
เขาจะมองสาวใช้สวยๆไม่ได้เลยหรือไง?!มู่หรงเผยรอยยิ้มเจ้าล้อเลียน “มาเถอะ ลองกินนี่หน่อย ช่วงนี้เจ้าผอมไปเยอะเลย” เธอตักหมูชิ้นใหญ่และใส่ไว้ในถ้วยของเขา ไม่ว่าจะผอมหรืออ้วน แต่ภาพที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม มันเป็นเรื่องจริงเสมอ
แน่นอนว่าเธอได้เห็นรอยยิ้มของหวังฉิงในทันที หวังฉิงเองก็ตักเกี๊ยวหยกใส่ในถ้วยของมู่เทียนเช่นกัน “เจ้าเองก็กินเยอะๆนะ”
“รีบกินเร็วเข้า ไม่ต้องคุยอะไรแล้ว อาหารเย็นหมดแล้วเนี่ย” มู่หรงเสวี่ยพูดในระหว่างที่กำลังกิน
ถึงแม้เธอจะไม่ได้กินหรือพูดอย่างอ่อนหวาน แต่เขาก็เห็นว่าเธอน่ารักมากแม้แต่เนื้อที่อยู่ในถ้วยก็ยังดูเหมือนจะอร่อยกว่าเดิมมากกว่าที่เขาเคยกินมาก่อนหน้านี้อีก
หลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็เดินไปที่สวน
หวังฉิงวางเรื่องงานแทบจะทั้งหมดและพุ่งความสนใจมาอยู่ที่ผู้หญิงที่เขารัก ต้องพูดเลยว่าหวังฉิงเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ
โดยเฉพาะท่าทางที่อ่อนโยนขึ้นมานี้จนทำให้มู่หรงเองก็แทบจะต้านทานไม่ไหวเหมือนกัน บ่อยครั้งที่มู่หรงเดินออกห่างเว้นระยะออกจากเขาไปสองก้าวแต่ไม่นานหวังฉิงก็จะต้องรีบทำให้พวกเธอเข้ามาอยู่ใกล้กันทันที บ่อยครั้งเข้าจนมู่หรงเริ่มที่จะหงุดหงิดเล็กน้อย เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่จริงๆ ไม่ว่าหวังฉิงจะดีกับเธอมากแค่ไหน นี่ก็ไม่ใช่โลกของเธอ
“หวังฉิง” มู่หรงเสวี่ยเรียกอย่างอ่อนโยน
“ว่าไงเหรอ?” หวังฉิงมองตรงไปที่ดวงตาของมู่เทียนและไม่หลบสายตา
“เจ้าสัญญาว่าจะพาออกไปข้างนอกพรุ่งนี้ใช่ไหม?! ข้าอยากที่จะไปซื้อของหน่อย” มู่หรงพูดเสียงเรียบ
สีหน้าของหวังฉิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันทีแล้วเขาก็นึกถึงความทรงจำร้ายที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว
ในตอนนี้มู่หรงไม่ได้มองมาที่เขา เธอรู้ดีว่าหวังฉิงกำลังมองอะไร อีกอย่างครั้งนี้เธอก็ไม่ได้อยากที่จะหนีด้วย เธอเพียงแค่อยากให้เขาผ่อนคลายการคุ้มกันเพื่อเตรียมการหนีในอนาคต
ยังไงซะหวังฉิงก็ไม่อยากที่จะปฏิเสธเธออยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อเธอเพิ่งจะถูกวางยาในตำหนักตัวเองและสีหน้าของเธอก็ยังซีดเผือดอยู่เล็กน้อยแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรถ้าจะเพิ่มทหารเข้าไปอีก
“ข้าไม่ได้ลืม งั้นออกไปข้างนอกพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงดีไหม?! ตอนเช้าข้าต้องจัดการบางอย่างก่อน”
“คือข้าก็แค่อยากจะซื้ออะไรนิดหน่อย ถ้าเจ้าไม่มีเวลางั้นไปกันตอนบ่ายก็ได้” มู่หรงไม่ได้สนใจ
เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังฉิงก็รู้สึกโล่งใจ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่แต่ในเมื่อเธอพูดออกมา เขาก็ยินดีที่จะหลอกตัวเองและเลือกที่จะเชื่อเธอ
“ไม่ว่าข้าจะยุ่งมากแค่ไหน ข้าก็จะแบ่งเวลาให้เจ้าได้เสมอ เจ้าสบายใจได้” หวังฉิงม้วนผมเธอขึ้นและมองตรงมาที่เธออย่างอ่อนโยน
มู่หรงเงียบไป เอียงหัวอย่างงงๆและมองไปที่หวังฉิง
สำหรับคนที่เขารัก ไม่ว่าจะเวลาไหน เขาก็รู้สึกว่าเธอสวยและน่าดึงดูดที่สุด
ชั่วขณะหวังฉิงอดไม่ได้ที่จะก้มหัวต่ำและสัมผัสแผ่วเบาไปที่ริมฝีปากของเธอ
ที่ห่างออกไปฟางเสี่ยวโหรวที่บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์นี้ ทำช่อดอกไม้ที่ถือมาร่วงลงกับพื้นกระจายไปทั่ว ความริษยาในดวงตาเก็บซ่อนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
นังจิ้งจอก ไร้ยางอาย ถึงขนาดให้องค์ชายทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมกลางวันแสกๆแบบนี้ได้
โชคดีที่หวังฉิงสัมผัสเพียงแผ่วเบาและไม่ได้ถลำตัวลึกลงไป ไม่งั้นแม้แต่มู่หรงเสวี่ยก็คงจะทนไม่ได้เหมือนกัน
มีน้ำเอ่อล้นในตาของเธอและท่าทางของเธอก็ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร หวังฉิงที่เสพติดความอ่อนหวานของเธอ รู้สึกหัวใจสั่นไหว
“มีอะไรเหรอ? ข้าทำเจ้าเจ็บหรือเปล่า?” หวังฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย
มู่หรงส่ายหัวและกัดริมฝีปาก สีหน้าของเธอไม่พอใจมากขึ้นไปอีก “หวังฉิง นี่เจ้ากำลังหลอกข้าอยู่ใช่ไหม?” น้ำเสียงเจ็บปวดดังออกมา
หวังฉิงทนไม่ได้ เขารู้สึกสงสารอย่างมากจึงดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน “นี่มันยังไม่สายที่ข้าจะเชิดชูเจ้า ข้าจะหลอกเจ้าได้ยังไง? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนยังไงงั้นเหรอ?” ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจกับความเข้าใจผิดของเธอด้วย
“แต่เจ้าก็ยังมีลูกสาวของรัฐมนตรี เจ้าไม่ได้แต่งงานกับข้า งั้นข้า, งั้นข้า…” คำที่เหลือมู่หรงเสวี่ยไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้
หวังฉิงรับรู้ได้และเขย่ามือเธอ “ข้าขอโทษ เจ้าเป็นคนดีมากจริงๆ ข้าห้ามใจไม่ได้จริงๆ”
“ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะพาเจ้าไปพบท่านพ่อโดยเร็วที่สุด ข้าจะยกตำแหน่งชายาให้เจ้า” หวังฉิงปล่อยมือเธอและพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ข้าไม่มีตัวตน เข้าใจใช่ไหม” มู่หรงกัดริมฝีปากพร้อมพูดออกมาอย่างอับอาย
บ้าจริง เธอไม่ได้อยากจะแต่งงาน เพียงแค่ว่าเธอไม่อยากที่จะสัมผัสทางร่างกายกันมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หวังฉิงได้ยินเป็นอีกความหมาย เขาคิดว่ามู่เทียนเป็นห่วงเขา “ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะปกป้องผู้หญิงของตัวเอง เจ้าสบายใจได้” หวังฉิงพูดออกมาอย่างมั่นใจ
มู่หรงเสวี่ยพูดไม่ออก
ฟางเสี่ยวโหรวรีบวิ่งเข้ามาใกล้ๆอย่างเงียบๆเพื่อที่จะได้ยินทุกอย่าง นังผู้หญิงชั้นต่ำ กล้าดียังไงถึงมาคิดเรื่องจะเป็นพระชายาขององค์ชาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอเจ็บปวดที่สุดคือคำสัญญาที่แสนเจ็บปวดที่ชายอันเป็นที่รักให้ไว้กับผู้หญิงคนอื่น
สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวบิดเบี้ยวและไม่พอใจ แม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆเธอดึงแขนเสื้อเธอไว้อย่างเบามือ บอกเป็นนัยๆว่าไม่ควรที่จะระเบิดออกมาตอนนี้
หลังจากนั้นสักพักที่ห้องขององค์หญิงโหรว
“เพล้ง” เครื่องลายครามมากมายแตกกระจาย
แม่นมรีบไล่สาวใช้ออกไปจากห้องและล็อกประตู
“แม่นม มันเกิดอะไรขึ้น?”
เสี่ยวโหรวปัดเครื่องลายครามที่อยู่บนโต๊ะลงมาที่พื้น “มันเกิดอะไรขึ้น?! ท่านบอกว่ามันจบแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมนังนั้นยังมีชีวิตอยู่อีก?” เธอคิดว่าตัวเองกำจัดนังผู้หญิงชั้นต่ำไปได้แล้ว เธออารมณ์ดีจึงออกไปเดินเล่นในสวนแต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เธออยากที่จะอ้วก
“ท่านหญิง เบาเสียงลงหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ระวังด้วยหน้าต่างมีหูประตูมีช่องนะเจ้าคะ” แม่นมพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง
ฟางเสี่ยวโหรวที่อยากจะด่าออกมาถึงกลับกลืนคำพวกนั้นลงไป แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าถ้าองค์ชายรู้เรื่อง เธอมั่นใจเลยว่าตัวเองจะต้องทนไม่ได้แน่ๆ
“เรื่องนี้ ข้าเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน หมอหลวงรักษาคนได้จริงๆด้วยงั้นเหรอ?” หมอหลวงของวังนี้เก่งขนาดนั้นเลยตั้งแต่เมื่อไรกัน?!
ฟางเสี่ยวโหรวเก็บกดความโกรธไว้ในหัวใจ ประกายร้ายกาจแวบขึ้นมาในตาเธอ เธอพูดเสียงเรียบ “เก็บกวาดซะแล้วตามหวู่ไท่ยี่มาที”
แม่นมพยักหน้าแล้วรีบเรียกสาวใช้เข้ามาทำความสะอาด
ไม่นานหมอหลวงหวู่ก็รีบเดินมาพร้อมกับท่านแม่นม
“ข้ามาแล้วนายหญิงโหรว” หวู่ไท่ยี่พูดเสียงเรียบ
“ยินดีต้อนรับ เชิญนั่งก่อนสิ”
“ไม่ทราบว่าท่านหญิงเสี่ยวโหรวไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ฟางเสี่ยวโหรวยกน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วจึงถามออกไป “ข้าเป็นห่วงเรื่องอาการของน้องเล็ก ข้าจึงเรียกหมอหลวงหวู่ให้เข้ามาเพื่อถามอะไรนิดหน่อย วันนี้หมอหวู่ตรวจสอบแล้ว ร่างกายของนางพร้อมที่จะดื่มยาชูกำลังหรือเปล่า?”
“ท่านหญิงโหรวทรงมีเมตตาจริงๆ นางไม่เป็นอะไรมากแล้ว พักอีกสองวันก็น่าจะหายดี ส่วนเรื่องอาหารและยาชูกำลัง นางก็กินได้ไม่มีปัญหาขอรับ” หวู่ไท่ยี่ตอบทั้งสองคำถามด้วยท่าทางสบายๆ
ดวงตาของฟางเสี่ยวโหรวแวบประกายแล้วจึงพูดออกมาเสียงเบา “ข้าไม่นึกเลยว่าฝีมือการรักษาของท่านจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ ในที่สุดต่อไปวังนี้ก็โล่งใจไปได้เรื่องแล้ว”
“ท่านหญิงก็ชมข้าเกินไป ข้ายังไม่ได้ลงมือรักษาอะไรนางเลยด้วยซ้ำ” หมอหลวงหวู่ไม่กล้าที่จะเอาผลงานไว้เอง ถ้าเรื่องนี้ดังไปถึงหูองค์ชาย เขาต้องตายแน่ๆ
“โอ้?! ฝีมือหมอหลวงหลินงั้นเหรอ?” ฟางเสี่ยวโหรวยังถามต่อ
“เปล่า เปล่าคขอรับ อันที่จริงเป็นเพราะร่างกายของนางที่รักษาตัวเอง จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้เลย” หวู่ไท่ยี่ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเจอเรื่องอะไรที่แปลกแบบนี้มาก่อนเลย
“หมอหลวงหวู่ล้อเล่นหรือเปล่า คงจะเป็นองค์ชายที่เชิญหมอเก่งๆมาหรือเปล่า?” ฟางเสี่ยวโหรวพูดอย่างเหนียมๆ
อย่างไรก็ตามหวู่ไท่ยี่ดูจะจริงจัง “ข้าไม่เคยพูดโกหก นางแปลกมากจริงๆ เห็นอยู่ชัดๆว่านางถูกยาพิษแต่นางกลับรักษาตัวเองได้”
สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวขรึมขึ้น นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันเนี่ย?! แต่เมื่อเห็นว่าหวู่ไท่ยี่เองก็มีท่าทีสงสัยด้วยเหมือนกัน ฟางเสี่ยวโหรวจึงเข้าใจได้ทันทีว่าหวู่ไท่ยี่เองก็คงไม่เข้าใจด้วยเหมือนกัน
“หมอหลวงหวู่คงจะเหนื่อยแย่เลย”
“ไม่หรอกขอรับ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”
“ท่านแม่นม ส่งหมอหลวงหวู่ด้วย”
หลังจากที่ได้คุยกับหวู่ไท่ยี่ ฟางเสี่ยวโหรวก็เดินไปรอบห้อง นังมู่เทียนนั่นไม่น่าจะเป็นผีที่ฟื้นกลับมาจนยาพิษก็ทำอะไรมันไม่ได้หรอก เดี๋ยวนะ ผีงั้นเหรอ?!
จู่ๆฟางเสี่ยวโหรวก็ดูมีความสุขขึ้นมา เธอมีวิธีแล้ว ครั้งนี้เธอจะไม่มีวันพลาดแน่นอน
ในตอนนี้มู่หรงกลับไปที่ห้องเรียบร้อยแล้วและหวังฉิงก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเหลืออยู่อีก
มู่หรงมองไปที่หวังฉิงที่กำลังยุ่งและพูดออกไปเสียงเบา “เสี่ยวฉิงมานี่หน่อย ข้าอยากที่จะถามอะไรเจ้าหน่อย”
เสี่ยวฉิงนิ่งไปแต่ก็ยังเดินมายืนข้างๆมู่หรง
“พวกเจ้าทุกคนออกไปได้แล้ว” มู่หรงพูดกับสาวใช้ที่เหลือที่อยู่ในห้อง
สาวใช้ที่เหลือต่างก็มองหน้ากันแต่ก้ไม่ได้ขยับไปไหน
สายตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชา “ทำไม อยากให้ข้าบอกองค์ชายให้มาสั่งให้พวกเจ้ากลับไปงั้นเหรอ?”
“พวกข้าไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ พวกเราจะออกไปแล้ว” อันที่จริงองค์ชายสั่งให้พวกนางคอยตามนายหญิง