ตอนที่ 536 แคลงใจ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 536

แคลงใจ

“ท่านน้า วันนี้ข้าขอไปกับท่านด้วยได้หรือเปล่า”ในเช้าวันต่อมาหลังจากต้อนรับหลานฮวาอย่างเป็นทางการ ไป๋หลินเฟยก็รีบเสนอตัวเองร่วมเดินทางไปกับท่านน้าของตนทันที เพราะตอนนี้หลานฮวาเป็นผู้ติดตามของตนเอง นางจึงต้องจามไปด้วยอย่างแน่นอน

“เดี๋ยวสิ ไม่ใช่วันนี้เราจะฝึกกันต่อหรอกหรือ”หลานฮวาถามพลางจับแขนของไป๋หลินเฟยเอาไว้

“วันนี้ข้าอยากไปกับท่านน้านี่นา พี่หลานฮวาท่านฝึกมาหลายวันแล้วพักผ่อนบ้างจะเป็นผลดีมากกว่านะขอรับ”ไป๋หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม วันนี้นอกจากมันจะให้หลานฮวาได้เห็นการใช้ชีวิตประจำวันของไป๋จูล่งผู้เป็นน้าของมันแล้ว มันยังอยากจะอยู่กับท่านน้าด้วยเช่นกันเพราะหลายวันมานี้มันเอาแต่หลอกล่อหลานฮวาเอาไว้จนไม่ได้อยู่กับท่านน้าเลย

“แต่….”หลานฮวามีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด ข้อแรกเลยคือนางต้องการจะฝึกฝนต่อ และข้อที่สองคือนางไม่อยากไปกับไป๋จูล่งนั่นเอง

“พี่หลานฮวา ท่านอยากฝึกวิชางั้นหรือ”ไป๋จูล่งถามพลางมองไปทางหลานฮวาที่กำลังกระซิบกระซาบกับไป๋หลินเฟย น่าเสียดายที่เสียงกระซิบของทั้งสองไม่ค่อยจะเบาเท่าไหร่นัก

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า….”หลานฮวากำลังจะหันไปสวนไป๋จูล่งด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่นางกลับโดนมือน้อยๆของไป๋หลินเฟยกระตุกเอาไว้ก่อน พร้อมสายตาที่บอกว่าท่านลืมไปแล้วหรือว่าต้องทำตัวให้สนิทสนมกับไป๋จูล่งเอาไว้เพื่อหาโอกาสล้างแค้น

“ท่านน้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าจะกลับมาฝึกวิชากับพี่หลานฮวาในตอนเย็นเอง”ไป๋หลินเฟยตอบพลางยิ้มกลบเกลื่อนออกมา ท่าทางความแค้นของหลานฮวาจะไม่ดับง่ายๆ ขนาดบอกนางแล้วว่านี่คือการให้นางแฝงตัวเข้าใกล้ชิดท่านน้า นางยังเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่เลย

“งั้นหรือ พี่หลานฮวาท่านอยากให้ข้าช่วยหรือไม่”ไป๋จูล่งเสนอความช่วยเหลือออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ไม่ไหวหรอก น้องจูล่งไปสอนคนอื่นไม่ได้หรอก”หลานฮวากำลังจะปฏิเสธ แต่ก่อนที่นางจะพูดเสียงของต้าเฉียนก็ดังออกมาก่อน

“วิธีการของเจ้ามันผิดแปลกเกินไปสอนใครไม่ได้หรอก แถมจะให้เป็นคู่ซ้อมก็บั่นทอนกำลังใจคนอื่นเปล่าๆ”ต้าหวานส่ายหน้าด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย เหล่าอัจฉริยะแบบจูล่งนั้นมีวิธีการเข้าใจเรื่องต่างๆไม่เหมือนคนปกติทั่วไป หากเป็นวิชาคำนวณ จูล่งจะมองสมการบนหน้ากระดาษแล้วบอกคำตอบออกมาได้ทันที แต่หากถามว่ามีวิธีคิดอย่างไรจูล่งกลับไม่สามารถตอบได้ เพราะนายสายตาจูล่งสมการยาวครึ่งหน้ากลับไม่ต่างจาก 1 + 1 = 2 เท่าไหร่

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องหลานฮวาหรอก วิชาที่นางกำลังฝึกเป็นวิชาธาตุน้ำแข็ง เอาไว้ข้าจะช่วยนางเอง”ไป๋หลินพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี หากเป็นไป๋หลินย่อมสอนวิชาธาตุน้ำแข็งได้ดีกว่าจูล่งเป็นแน่ แถมนางยังรู้เรื่องของหลานฮวาดีแล้ว อย่างน้อยการมีนางอยู่ด้วยย่อมสามารถสังเกตการณ์หลานฮวาได้ดีกว่า

“ขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ มันทำเรื่องแบบนั้นกับสำนักของหลานฮวา ความจริงรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ทำให้จูล่งแอบกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของหลานฮวามากเป็นพิเศษ

“ท่านน้า วันนี้ท่านจะไปไหนงั้นหรือ ข้าเห็นน้าชางซีเตรียมตัวตั้งแต่เช้าแล้ว”ไป๋หลินเฟยถามเพื่อจะเปลี่ยนเรื่องทันที ขืนมาห่วงเรื่องการฝึกของหลานฮวามีหวังไม่ได้ทำตามแผนที่ท่านแม่วางเอาไว้เสียที

“วันนี้มีงานฉลองที่อาณาจักรอู๋ พี่ชางซีก็เลยถูกเชิญไปเป็นนักร้องนำข้าก็เลยจะไปร่วมงานด้วย”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี สมัยก่อนมันอยู่ในป่าเขา ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย ยามนี้ตัวมันกลับมีเป้าหมายในแต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย วันนึงก็ฝึกอยู่กับพวกท่านพี่ต้าเฉียนต้าหวานร่วมกับพวกอสูร วันหนึ่งก็ออกไปช่วยรักษาคนกับหลี่เย่ วันหนึ่งก็ไปร่วมงานที่มีชางซีเป็นตัวนำ เรียกได้ว่าชีวิตมันตอนนี้มีสีสันกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว

“ยอดเลย ข้าอยากฟังน้าชางซีร้องเพลงอีกเหมือนกัน”ไป๋หลินเฟยพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น เสียงของชางซีนั้นแม้แต่ไป๋จูเหวินผู้เป็นตาของมันยังยอมรับว่าไพเราะที่สุดเท่าที่เคยฟังมา เรียกได้ว่าคะแนนในตารางของไป๋หลินเฟยนั้นชางซีได้คะแนนไปเพราะเสียงอันไพเราะของนางหลายคะแนนเลยทีเดียว

“พี่ชางซีร้องเพลงเพราะหรือเจ้าคะ”ผิงกั่วถามพลางมองไปทางไป๋จูล่ง นางมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน ชางซีเอาแต่หัวปั่นกับการเรียนหนังสือเลยไม่ได้ยินนางร้องเพลงเลย

“ใช่ เพราะมากเลย”ไป๋จูล่งยิ้มออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข แม้แต่มันเองก็ตะลึงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของชางซี แม้จะเป็นการร้องเล่นๆให้ได้ยินก็ยังไพเราะ ยิ่งวันนี้เป็นงานฉลอง พี่ชางซีของมันจะร้องเพลงพร้อมนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากอาณาจักรอู๋ยิ่งอยากฟังเข้าไปใหญ่ จะว่าไปหลินเฟยยังไม่เคยฟังเสียงของชางซีตอนร้องเพลงท่ามกลางนักดนตรีเลยนี่นา

“พี่หลานฮวา เรารีบไปกันเถอะข้าอยากร่วมงานเร็วๆแล้ว”ไป๋หลินเฟยว่าพลางดึงมือของหลานฮวาให้ตามตนเองออกจากห้องไปเร็วๆ

“เอาไว้กลับมาฝึกตอนเย็นเถอะ ข้าเองก็อยากฟังเหมือนกันเจ้าค่ะ”ผิงกั่วที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้ามาดึงตัวหลานฮวาด้วยอีกคน พอเป็นไป๋หลินเฟยกับผิงกั่วออกปากชวนอย่างจริงจังเช่นนี้หลานฮวาจะทำอะไรได้ แม้จะไม่อยากอยู่กับไป๋จูล่ง แต่ในเมื่อทั้งสองคั้นเช่นนี้ก็ได้แต่ยอมตามไป

“งั้นข้าจะไปส่งเองก็แล้วกัน”ไป๋ไป่พูดพลางเดินนำพวกจูล่งออกข้างนอกเป็นคนแรก วันนี้ไป๋หลินไม่ได้เดินทางไปไหนนางเลยว่างทั้งวัน นานๆทีพาหลานไปเที่ยวก็ไม่เลวเหมือนกัน

“ขอบคุณขอรับพี่ไป๋ไป่”จูล่งว่าพลางเดินตามไป๋ไป่ไปข้างนอกทันที ทำให้หลานฮวาที่โดนลากแขนทั้งสองข้างอยู่ได้แต่ยอมแพ้แล้วตามพวกมันไปอีกคน

วูบ….หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีขาวเช่นเดียวกับไป๋จูล่งเปลี่ยนร่างเป็นมังกรสีขาวขนาดใหญ่ในทันที ปีกทั้งหกของไป๋ไป่กางออกจนบดบังแสงแดดรอบๆจนมิดแทบจะทันที

“……”แม้จะทราบดีอยู่แล้วว่าที่นี่คือเขตอสูร แต่เมื่อได้เห็นอสูรระดับสูงแปลงกายให้เห็นต่อหน้าเช่นนี้หลานฮวาก็ยังไม่ชินเสียที ทั้งตอนที่พยัคฆ์อัสนีแปลงกายเองทั้งตอนที่เห็นราชสีห์เพลิงเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็น่าหวาดกลัวอยู่ดี ยิ่งบอกให้นางขึ้นไปขี่หลังด้วยยิ่งแล้วใหญ่

“พี่หลานฮวา ขึ้นมาสิขิรับ”จูล่งที่ขึ้นไปบนหลังของไป๋ไป่แล้วพูดพลางยื่นมือมาให้หลานฮวา พอเห็นเช่นนั้นเข้าหลานฮวาก็เชิดใส่มือที่จูล่งยื่นมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังของไป๋ไป่ด้วยตนเองทันที

.

.

“…………”ประสบการณ์ขี่มังกรครั้งแรกของหลานฮวานั้นรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ไป๋ไป่เป็นมังกรที่มีหกปีก ทำให้การบินค่อนข้างนิ่งเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเดินทางได้นิ่มกว่าตอนนั่งรถไฟเสียอีก แถมการเดินทางบนฟ้าเช่นนี้ยังเร็วกว่าและเส้นทางก็มุ่งตรงไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรอู๋เลย ส่งผลให้เมืองหลวงของอาณาจักรอู๋ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไป๋ไป่ภายในเวลาไม่นาน

“ถอย”ทันทีที่เห็นว่ามังกรขาวไป๋ไป่บินเข้ามาใกล้วังหลวง เหล่าทหารก็พากันสั่งให้ลูกน้องหลีกทางเพื่อให้ไป๋ไป่ลงจอดได้อย่างสะดวกทันที ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแสดงตำแหน่งหรือใบผ่านทางอะไรทั้งนั้น แค่ร่างมังกรของไป๋ไป่ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนที่มากับนางผ่านเข้าเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย

“ท่านจูล่ง ท่านหลินเฟยเชิญทางนี้ขอรับ”ทันทีที่ลงมาถึง เหล่าทหารก็เข้ามาต้อนรับไป๋จูล่งและไป๋หลินเฟยเป็นอย่างแรก ไม่ว่าใครจะติดตามมาด้วยก็ตามแต่ทั้งสองที่เป็นคนมาจากตระกูลไป๋นั้นต้องต้อนรับเป็นอย่างดีเสมอ

“ท่านน้า ไปกันเถอะข้าอยากฟังน้าชางซีเร็วๆแล้ว”หลินเฟยว่าพลางเดินเข้าไปหาไป๋จูล่งแล้วเดินไปด้วยกันทันที ส่วนตัวชางซีนั้นมารอที่เมืองหลวงตั้งแต่เช้าแล้วเพราะนางต้องแต่งตัวและเตรียมนับคิวแสดงกับคนอื่นๆก่อน

“…………”ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่หลานฮวายืนอึ้งโดยไม่ทราบจะทำอย่างไรดี นี่มันวังหลวงของอาณาจักรอู๋ไม่ใช่หรือ มันขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่คุ้มกันแน่นหนามากอันดับต้นๆเลยนะ ทำไมพวกทหารที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่นี่คือปล่อยพวกตนเข้าไปได้ง่ายๆ หรือว่าไป๋จูล่งจะมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรอู๋กัน….

“พี่หลานฮวา มาเถอะขอรับ”หลินเฟยว่าพลางโบกมือให้หลานฮวาตามตนเองไปทำให้หลานฮวาตั้งสติและเดินตามไปด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ตกลงแล้วตอนนี้นางกำลังเจอกับอะไรกันแน่ ไป๋จูล่งผู้นี้เป็นใคร ตระกูลของมันมีบ้านอยู่ในเขตอสูรอันแสนกว้างใหญ่ ดื่มกินของหายากที่คนธรรมดาหามาไม่ได้ราวกับอาหารปกติ สามารถเดินทางเข้าออกวังหลวงของอาณาจักรต่างๆได้ตามใจชอบ….

สิ่งเหล่านี้สำหรับหลานฮวาแล้วเป็นเรื่องประหลาดมากและน่าตกใจ เพียงแต่พอได้ทราบฐานะของไป๋จูล่งแล้ว หลานฮวากลับเริ่มรู้สึกประหลาดใจ ไป๋จูล่งผู้นี้ร่วมมือกับสำนักผลาญสุริยันโจมตีสำนักร้อยบุปผาของนางจริงๆงั้นหรือ ชีวิตของมันดูสุขสบายและมีทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่คนในวังยังก้มหัวให้มันและมันยังสามารถเข้าไปคุยกับจักรพรรดิอู๋ได้ราวกับครอบครัวเดียวกันอีก คนเช่นมันมีเหตุผลอะไรที่จะต้องโจมตีสำนักของนางกัน…..

“พี่หลานฮวา เป็นอะไรไปงั้นหรือขอรับ”ไป๋จูล่งที่เห็นท่าทีของหลานฮวาแปลกๆตั้งแต่จักรพรรดิอู๋ อู๋เทียนหมิงพาพวกตนมานั่งยังที่นั่งพิเศษที่ถูกจัดเอาไว้ให้อย่างดีนางก็เงียบมาตลอด

“ปะ เปล่า…..”เมื่อความลังเลเกิดขึ้นภายในใจของตนเอง หลานฮวาก็มองท่าทีของจูล่งต่างออกไปเล็กน้อยใบหน้าเห็นใจของมันนั้นเป็นของปลอมหรือของจริงกันแน่ ตกลงแล้วไป๋จูล่งผู้นี้เป็นใครกัน มันเป็นชายหนุ่มผู้แสนดีอย่างที่เห็น หรือจริงๆแล้วมันเป็นวายร้ายที่ซ่อนความชั่วเอาไว้ใต้รอยยิ้มอย่างที่นางคิดกัน

ตูม!! เสียงพลุไฟที่จุดอยู่บนเวทีเรียกความสนใจของหลานฮวาไปครู่หนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงมีแต่ความว้าวุ่นในหัว สิ่งใดคือความจริงกันแน่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางฉุกใจสงสัยในคำสั่งเสียของอาจารย์เลยก็ว่าได้