ตอนที่ 926 - ต้นตระกูลของเทพปีศาจ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  มันคาบดวงวิญญาณที่กำลังจะตายไว้ในปากดวงวิญญาณนั้นคือเอ้อหลิงที่เพิ่งจะเข้ามาข้างใน!
  ซือหยูหรี่ตา
  “เจ้าฟื้นตัวขึ้นมามากเลยไม่ใช่รึ?เจ้าคงได้ดูดซับพลังจากหอกปีศาจของเทพไม้มาเยอะสินะ”
  ก่อนหน้านี้ซือหยูพยายามจะดึงหอกออกจากตัวเทพไม้ แต่ร่างกายของเขาได้ถูกพลังปีศาจรุกล้ำเข้ามา ในขณะที่หนี มิติวิญญาณของเขาจึงไม่แน่นหนา เทพปีศาจใช้โอกาสนี้ดูดซับส่วนของพลังปีศาจนั้น
  เทพปีศาจได้ดวงวิญญาณจ้าวเทวะไปฟื้นตัวสามถึงสี่ดวงแล้วแต่หยดโลหิตก็ฟื้นตัวขึ้นมาเพียงสองเท่า แต่เมื่อได้พลังปีศาจจากหอกบนตัวเทพไม้ จากหยดโลหิตก็ได้ฟื้นคืนตัวมาเกินกว่าสิบเท่า!
  “ฮ่าๆๆเจ้าหนู มาทำข้อตกลงกับข้าดีกว่า เราสองคนไปปล้นหอกปีศาจจากนังเทพไม้โสเภณีนั่นไหม? พอดูดซับพลังมาแล้ว ข้าอาจจะฟื้นพลังหนึ่งในสิบคืนกลับมาก็ได้…”
  เทพปีศาจกล่าว
  มันพูดต่อ
  “ถึงตอนนั้นถ้ามีใครทำไม่ดีกับเจ้าก็แค่บอกข้ามา ข้าเคยถูกนับว่าเป็นจักรพรรดิที่ละเลงโลหิตบนนภา สังหารโลกนับล้านใบ …ถ้าเทพเจ้ามา ข้าก็จะฆ่าเทพเจ้า ถ้าอรหันต์มาข้าก็จะฆ่าอรหันต์!”
  “ถ้าใครกล้าแตะต้องเจ้าข้าจะให้พวกมันรู้ว่าทำไมบุพผาถึงมีสีแดง!”
  หมาที่เป็นร่างของเทพปีศาจพูดขณะที่คาบดวงวิญญาณไว้ในปาก
  ซือหยูส่ายหน้า
  “เพราะเจ้าพูดแบบนี้ข้าเลยจะอยู่ให้ห่างจากพลังปีศาจของเทพไม้!”
  เขาคิด…ถ้าเทพปีศาจฟื้นพลังหนึ่งในสิบกลับมาได้แล้วมิติวิญญาณจะยังขังได้อยู่หรือ?
  ถึงตอนนั้นเทพปีศาจก็แค่ระบายความโกรธทั้งหมดออกมา ซือหยูคงเหลือแต่เพียงเถ้าถ่าน!
  “เฮ้เจ้าหนู ฟังให้ดี…ข้าคือเทพปีศาจที่รักของเจ้านะ! เจ้ารู้ว่าข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้าใช่ไหม?”
  เทพปีศาจกลอกตาถามดวงตานั้นดูชั่วร้าย
  “เทพไม้นั่นงดงามนักถ้าเจ้าช่วยให้ข้าฟื้นคืนพลัง ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ควบคุมนังโสเภณีนั่น! ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้นางเป็นภรรยา ว่ายังไงเล่า? นี่มันมีแต่ได้กับได้!”
  ซือหยูส่ายหน้าเทพปีศาจเจ้าเล่ห์เกินไป ซือหยูเกือบจะหลงเชื่อในครั้งที่แล้ว เขาเกือบจะเสียผลึกเทพไปแล้ว!
  “อย่าเสียเวลาอยู่เลย…”
  ซือหยูเหลือบมองเทพปีศาจ
  เขาถาม
  “นี่น่ะรึร่างจริงของเจ้า?ทำไมถึงเป็นหมาเล่า?”
  “เฮ้ย!เจ้าเรียกใครว่าหมา! ข้าเป็นจักรพรรดิเทพที่ละเลงนภาด้วยโลหิต สังหารดาวโลก ข้าจะเป็นสุนัขได้ยังไง?”
  เทพปีศาจอับอายจากคำพูดของซือหยู
  “ร่างจริงของข้าคือสุนัขเทพกลืนสวรรค์…ใครก็ตามที่เห็นข้าจะต้องเรียกว่าท่านจักรพรรดิเท…”
  “สุนัขเทพ….”
  ซือหยูพูดเบาๆ
  “สุนัข…มันก็เหมือนกับหมาไม่ใช่เรอะ?อย่างมากก็…เทพหมารึ?”
  “เฮ้ยข้าไม่ใช่หมา! โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
  เทพปีศาจเห่าไม่หยุด
  ซือหยูพูดไม่ออกเขาย่อตัวและจับวิญญาณเอ้อหลิงในปากเทพปีศาจ
  “ไอ้หมาเวร!อ้าปากซะ! ข้ามีเรื่องจะถามมัะน”
  “โฮ่งโฮ่ง! อาหารข้า…ไม่…”
  เทพปีศาจคาบวิญญาณแน่นแน่นลากไปข้างหลัง
  ซือหยูเริ่มหมดความอดทนเขาเตะมันไปหนึ่งครั้ง
  “ไอ้หมาโง่!”
  เทพปีศาจร้องโหยหวน
  “ฆาตกร!ฆาตกรสุนัข! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!”
  ซือหยูกลอกตาจากนั้นจึงลากคอวิญญาณเอ้อหลิงเข้ามา
  “ใครคือนายของเจ้ากับมั่วหยาง?”
  ในตอนนี้เอ้อหลิงแทบจะเจ็บปวดจนตายเพราะเทพปีศาจ เมื่อได้เห็นซือหยูก็ราวกับได้เจอผู้ช่วยชีวิต ดังนั้นเขาจึงรีบบอกทุกอย่างที่รู้
  “เขาคือภูติผีที่เรียกตัวเองว่ากระดูกโลหิตทัพภูติผี!”
  เป็นเจ้านั่นจริงๆด้วย!ซือหยูขนลุก!
  เขาถาม
  “แล้วเจ้าสองคนเป็นข้ารับใช้มันได้ยังไง?”
  เอ้อหลิงตอบ
  “เขากำลังถูกตามล่าข้าได้ยินว่าเขาหนีมาจากเขาวิญญาณจรัส มั่วหยางกับข้ากำลังตามหาจ้าวเทวะเพื่อลงมือในตอนนั้น แต่ก็ได้เจอกับเขาที่กำลังจะตาย”
  เอ้อหลิงพูดต่อ
  “แต่ถึงกำลังจะตายเขาก็เป็นจ้าวเทวะระดับเก้า พวกข้ากลายเป็นเบี้ยล่าง เขาสั่งให้พวกข้าส่งดวงวิญญาณจ้าวเทวะให้รายเดือนเพื่อฟื้นฟูจากบาดแผล”
  ถูกเผง!ซือหยูเบิกตากว้าง มันคือภูติผีอสูรเนรมิตรที่ยึดร่างเจ้าตำหนักจางไว้จริงๆ!
  ซือหยูรู้สึกไม่ดีเขาคิด…แล้วทำไมจู่ๆมันถึงตื่นขึ้นจากเขาวิญญาณจรัส? นี่มันเรื่องบังเอิญ…หรือวางแผนไว้หมดแล้ว?
  สงครามระหว่างมนุษย์กับภูติผีนั้นเกิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อนแต่ก็ไม่มีใครเคยลืมยุคสมัยอันดำมืดครั้งนั้น มันคือยุคสมัยที่มนุษย์เกือบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์!.ไอลีนโนเวล.
  ร้อยปีผ่านไปแล้วตอนนี้เหล่าภูติผีปรากฏตัวอีกครั้ง ซือหยูคิดว่าน่าจะมีอะไรกำลังเกิดขึ้น
  “นอกจากเจ้าและมั่วหยางมีคนอื่นที่เป็นข้ารับใช่มันอีกไหม?”
  เอ้อหลิงดวงวิญญาณโปร่งใสขึ้นเขาอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เขาพยักหน้าช้าๆ
  “มี”
  “กี่คน?”
  ซือหยูใจเต้นแรงขณะที่ถาม
  กระดูกโลหิตทัพภูติผีมีพลังในการเปลี่ยนมนุษย์เป็นภูติผีเรื่องในเขาวิญญาณจรัสผ่านมาแล้วราวห้าเดือน มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีมนุษย์กลายเป็นภูติผีไปแล้วกี่คน!
  เอ้อหลิงอ่อนแอลงเรื่อยๆขณะที่พูด
  “หลายคน…มั่วหยางกับข้าเป็นแค่สองคนแรกจากนั้น เขาก็…มี…คนมีอำนาจ…เป็นข้ารับใช้ทั้งหมด…”
  แม้แต่ผู้มีอำนาจก็ถูกควบคุมอยู่รึ?ซือหยูใจหาย
  “กลุ่มอำนาจใดกัน?”
  เอ้อหลิงขยับริมฝีปากราวกับพยายามจะพูดอย่างอื่นแต่ก็ไม่มีคำพูดออกมา เขาหลับตา วิญญาณสลายหายไป
  “อ๊าาาาาาาาาอาหารข้า!”
  เทพปีศาจกระโจนร่างหมากัดกินวิญญาณ
  มันเลียริมฝีปากและกระดิกหางก่อนจะพูด
  “เจ้าหนูหยุดสนใจเรื่องไร้สาระนั่นได้แล้ว! ไปหานังเทพไม้นั่นอีกเถอะ ข้าฟื้นคืนพลังกลับ แล้วเจ้าก็จะได้นอนกับนาง…เฮ้ย! อย่าเพิ่งไป!”
  หลังจากกลับมาที่ร่างสีหน้าของซือหยูเศร้าหมองลง เขากำลังคิดว่ามีกลุ่มอำนาจใดที่ถูกควบคุมอยู่บ้าง? แล้วคนเหล่านั้นมีอำนาจมากเพียงใด?
  ถ้าหากเขาไม่ได้ระวังเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้ามันจะต้องเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่แน่ แล้วซือหยูก็เป็นศิษย์ตำหนักโลหิต เขาต้องเตือนตำหนักว่ากำลังมีอันตรายเกิดขึ้น
  หลังจากไตร่ตรองดูซือหยูเขียนเรื่องราวทั้งหมดในจดหมาย เขาหวังว่าตำหนักโลหิตจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จากนั้นเขาจึงเรียกปิงหวูชิงและกงซุนหวูซื่อออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยก
  พิษน้ำแข็งในร่างกายพวกนางลดน้อยถอยลงในเวลาที่พ้นผ่านโดยเฉพาะปิงหวูชิงที่มีความอบอุ่นไหลเวียนออกมา พิษน้ำแข็งส่วนมากในร่างนางถูกกำจัดไปแล้ว
  ซือหยูใช้ฝ่ามือก่อแสงดาวอัดพลังใส่ที่แผ่นหลังพวกนางมันค่อยๆสกัดพิษน้ำแข็งออกไป หนึ่งชั่วยามต่อมา พิษน้ำแข็งเกือบทั้งหมดก็ถูกขับออก
  ซือหยูเหลือพิษน้ำแข็งไว้ในตัวพวกนางเล็กน้อยเพื่อให้พวกนางหลับต่อไปด้วยสภาพนี้ พวกนางจะตื่นขึ้นในอีกไม่นาน
  ซือหยูวางจดหมายไว้ที่มือปิงหวูชิงและเรียกแหวนมิติที่มีหัวมั่วหยางยัดใส่มืออีกข้างของนาง
  จากนั้นจึงมองนางทั้งสองและถอนหายใจเบาๆ
  “พวกเรามาจากสำนักเดียวกันแต่นี่คือทั้งหมดที่ข้าทำให้พวกเจ้าได้ ดูแลตัวเองด้วย…ลาก่อน”
  เมื่อพูดจบเขาทะยานบินจากไป ไม่นานทั้งสองก็ตื่นขึ้นมา กงซุนหวูซื่อสะบัดร่างกายเย็นๆและลืมตาที่สับสน สติของนางค่อยๆชัดเจนขึ้น
  ใช้เวลาไม่นานก่อนที่นางจะจำเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้
  “เจ้ากล้าดียังไงมาวางอุบายใส่ข้า?ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
  แต่เมื่อนางลุกขึ้นยืนขึ้นมาก็เห็นที่หางตาว่าปิงหวูชิงตื่นมาก่อนแล้วนางถือจดหมายที่มือหนึ่งข้างขณะที่อีกข้างถือแหวนมิติ
  นางดูหวั่นไหวกงซุนหวูซื่อไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้จากใบหน้านางมาก่อน
  พร้อมกันนั้นกงซุนหวูซื่อยังรู้ตัวว่ามีคนหายไป
  “เอ๋?ไอ้โจรเฒ่าโรคจิตนั่นไปไหนแล้วล่ะ?”
  กงซุนหวูซื่อถาม
  นางเหลือบตามองรอบๆ
  “หรือว่าไอ้ทรราชย์เอ้อหลิงจะฆ่าเขาตายไปแล้ว?”
  กงซุนหวูซื่อเงียบกริบเมื่อถึงเช่นนี้แม้ว่านางจะชิงชังซือหยูเซี่ยน แต่เมื่อคิดว่าเขาถูกคนอื่นทำร้าย ความเจ็บปวดก็เอ่อเต็มหัวใจ
  “พี่หวูชิงเราจะบอกตำหนักยังไง? ผู้ช่วยอย่างเราปลอดภัย แต่เขากลับตายไปแล้ว!”
  กงซุนหวูซื่อพูดเบาๆ
  นางพูดต่อ
  “แล้วเราจะบอกจ้าวหอเสวี่ยเหลียนยังไง?นางดีกับซือหยูเซี่ยนนัก! แล้วเจ้าตำหนักนอกยังหวังไว้สูงอีก…”
  ปิงหวูชิงมองไปยังแดนห่างไกลราวกับเหม่อลอยนางยื่นจดหมายให้กงซุนหวูซื่อโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว