ตอนที่ 927 - เหตุที่ตระกูลชางก่วน

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “นี่มันอะไร?”
  กงซุนหวูซื่อเปิดจดหมายอ่านจากนั้นนางก็อุทาน
  “นี่ลายมือเจ้านั่นนี่!ถ้าอย่างนั้น…เขาก็ยังไม่ตาย!”
  ปงหวูชิงพยักหน้า
  “ใช่แล้วเขายังไม่ตาย แล้วก็…เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
  “เป็นไปไม่ได้น่า!เขาใช้เครื่องรางนั่นเหมือนพวกเรา! แล้วจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง?”
  กงซุนหวูซื่อสับสน
  ปิงหวูชิงตอบ
  “ไม่ผิดแน่ก่อนที่ข้าจะหลับใหล ข้าได้ยินเสียงของเขา แล้วก็ไม่มีใครที่จะช่วยเราได้ทันเวลาในตอนนั้น! ต้องเป็นฝีมือเขา!”
  กงซุนหวูซื่อไม่อยากจะเชื่อนางอุทาน
  “แล้วเขาพาเราออกมาได้ยังไง?มั่วหยางกับเอ้อหลิงก็อยู่ที่นั่น!”
  “เขาก็ต้องฆ่าไปด้วยน่ะสิ!”
  ปิงหวูชิงส่งแหวนมิติให้กงซุนหวูซื่อ
  นางมองด้านในแหวนและหายใจเข้าลึก
  “มั่วหยาง!เขาฆ่ามั่วหยางด้วยตัวเองรึ? ใช่! ต้องเป็นแบบนั้นแน่! ถ้ามีหุ่นเชิดแบบนั้น การฆ่ามั่วหยางก็เป็นเรื่องง่าย!”
  ปิงหวูชิงส่ายหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
  “ไม่เจ้าดูให้ดี มีพลังแสงจันทร์เหลืออยู่ที่ตัวมั่วหยาง มั่วหยางตายเพราะพลังมหาศาลของวิชาบ่มเพาะนี้!”
  นางพูดต่อ
  “แสดงว่าซือหยูเซี่ยนยังซ่อนพลังที่แข็งแกร่งกว่าอย่างพลังที่สังหารจ้าวเทวะระดับสามงั้นรึ!พวกเราประเมินเขาต่ำไป!”
  ปิงหวูชิงขยับริมฝีปากเล็กๆเป็นรอยโค้งมันแสดงถึงความภูมิใจและเป็นรอยยิ้มที่ดูงดงาม เมื่อกงซุนหวูซื่อเห็น นางก็สงสัย
  นางถามตรงๆ
  “พี่หวูชิง…ไม่ได้ตกหลุมรักไอ้โจรโรคจิตนั่นใช่ไหม?ฮื่ม! ข้าว่าก็ไม่แปลกหรอก! ถ้าใครให้สามล้านคะแนนกับข้า ข้าก็อาจจะใจอ่อนก็ได้!”
  นางพูดเพื่อให้ปิงหวูชิงอารมณ์เสีย
  “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!”
  ปิงหวูชิงหันไปจ้อง
  “ข้าแค่สงสัยเท่านั้น!”
  นางไม่รู้ว่าทำไมซือหยูถึงทิ้งคะแนนจำนวนมหาศาลให้กับนางโดยเฉพาะเมื่อเขาเย็นชาใส่นางในเขาอสูร หัวใจอันสงบนิ่งของนางเริ่มมีภาพของซือหยูประทับเอาไว้
  นางได้แต่ถามตัวเอง…เขารักข้าจริงๆน่ะรึ?
  “แล้วเขาไปไหนแล้วล่ะ?”
  กงซุนหวูซื่อถามโดยไม่ได้รู้เลยว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นในใจปิงหวูชิง
  ปิงหวูชิงส่ายหน้า
  “เขาไม่ได้เขียนในจดหมายแต่กลับตำหนักไปถามก็ยังไม่สาย”
  นางอยากจะรู้ว่าซือหยูคิดอย่างไรถึงให้สามล้านคะแนนไว้กับนางนางคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่เขาไม่ได้คิดเก็บคะแนนไว้กับตัวตั้งแต่แรก และที่เขาทำไปก็เพื่อแอบช่วยนางเท่านั้น…
  กริ๊ก!กริ๊ก!
  ตอนนั้นเองสร้อยหยกสื่อสารในแขนพวกนางส่งเสียง เมื่อพวกนางได้ฟังก็ชักสีหน้า
  ข้อความพูดอย่างชัดเจน
  “คำสั่งเร่งด่วนจากตำหนักโลหิต: ศิษย์ทุกคนที่กำลังทำภารกิจใกล้อาณาเขตตระกูลชางก่วนต้องมุ่งหน้าไปเรือนตระกูลชางก่วนเดี๋ยวนี้! มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายกำลังโจมตีและทำลายตระกูลชางก่วนอยู่”
  เสียงยังพูดต่อ
  “สามวันก่อนตระกูลลั่วถูกล้างบาง ตอนนี้ตระกูลชางก่วนกำลังวุ่นวาย ศิษย์ใดที่ได้รับข้อความนี้จงไปช่วยเดี๋ยวนี้! ยอดฝีมือจากตำหนักนอกกำลังเดินทางไปเช่นกัน”
  กงซุนหวูซื่อพูดขึ้นมา
  “ฝีมือใครกัน?ครึ่งปีก่อน ตระกูลลำดับสี่ก็ถูกทำลายล้างในข้ามคืน ตอนนี้ตระกูลลำดับห้าก็กำลังเจอชะตาเดียวกัน! แล้วตอนนี้พวกมันก็เล็งตระกูลชางก่วนอีก!”
  ปิงหวูชิงแววตาเยือกเย็น
  “ใครสนเล่าว่าพวกมันเป็นใคร?แค่ทำลายพวกมันก็พอ! กับสงครามของคนภายนอกเช่นนี้ ถ้าพวกเราฆ่าหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้ พวกเราจะได้รางวัลอย่างงาม!”
  “ฮื่ม!ใช่เลย! พวกเราโดยวางอุบายจากภารกิจนี้ ตอนนี้แหละ ข้าจะมีที่ระบายความแค้นแล้ว!”
  กงซุนหวูซื่อยิ้มอย่างชั่วร้ายนางมีความโกรธอยู่เต็มหัวใจในตอนนี้
  …
  ไม่รู้ว่าซือหยูอยู่ที่ใดเขามาถึงริมน้ำแห่งหนึ่งเพื่อตรวจดูสิ่งที่ได้จากการเดินทางครั้งนี้ เขาเรียกกระดูกของกระดูกโลหิตทัพภูติผีออกมา
  กรงเล็บกระดูกนี้แข็งแกร่งมากมันมีพลังอันเข้มข้นของอสูรเนรมิตรอยู่ แม้ว่าจะคลุมด้วยพลังชีวิตเอาไว้ ซือหยูก็ยังสัมผัสถึงอันตรายจากมันได้.novel-lucky.
  ถ้าอยากจะรู้ว่ากรงเล็บนี้แข็งแกร่งเท่าใดเขาก็ต้องลองฟาดมันกับอะไรสักอย่าง
  ฝ่ามือของอสูรเนรมิตรมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่เขารู้ว่าพลังที่ปล่อยออกมาได้จะต้องมหาศาล นี่นะต้องเป็นอาวุธสังหารของเขาอย่างแน่นอน!
  ซือหยูเรียกกล่องหยกมาปิดผนึกกรงเล็บนี้เอาไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยก
  “นายท่านสิ่งนี้ด้วย”
  หูหวังกุยส่งกระเป๋าสีดำให้กับซือหยู
  ซือหยูตกใจ
  “นี่มันอะไรกัน?”
  “ตอนพวกเราฆ่ามั่วหยางข้าได้มันมาจากเอวของเขา”
  หูหวังกุยกล่าว
  หูหวังกุยทะลวงมั่วหยางด้วยฝ่ามือและมีโอกาสได้หยิบกระเป๋าสีดำนี้ออกมา
  “กระเป๋าเก็บของของมั่วหยางสินะ?”
  เขาประเมินดูภายในด้วยพลังดวงวิญญาณเขาพบว่ามีของดีมากมายอยู่ข้างใน แก้วนับล้านดวงอัดแน่นอยู่ในนั้น ซือหยูเก็บมันมาโดยไม่ลังเล
  มันยังมีสิ่งที่ผนึกเป็นวารีเอาไว้มีคำว่า ‘หลักธรรมอสูรศักดิ์สิทธิ์’ เขียนอยู่ ซือหยูเรียกมันมาเปิดดู
  หลังจากอ่านซือหยูขมวดคิ้วแน่น เขาสงสัยเรื่องวิชาลอกคราบของมั่วหยางอย่างมาก แต่หลังจากได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขาก็เข้าใจว่าวิชานี้มันชั่วร้ายแค่ไหน!
  ตามที่วิชาบอกในแต่ละชั้นผิวหนัง จะทะลวงพลังไปได้หนึ่งระดับ พอทะลวงผ่านเก้าชั้นก็จะได้เป็นอสูรเนรมิตร แต่ทุกครั้ง การลอกคราบจะต้องใช้เลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตเป็นจำนวนมาก!
  มั่วหยางลอกคราบมาสามครั้งสังหารจ้าวเทวะมาอย่างน้อยสามสิบคนก่อนจะมีพลังระดับนี้ได้ วิชาอสูรที่ต้องกลืนกินเลือดเนื้อมนุษย์นั้นทำให้ซือหยูหวาดกลัวจริงๆ
  ซือหยูรีบใช้ปลายดัชนีจุดไฟและสายฟ้าเขาเผาวิชานี้จนไหม้เกรียม สิ่งที่เป็นอันตรายและน่ากลัวเช่นนี้ถูกทำลายไปเสียยังดีกว่า!
  ซือหยูมองในกระเป๋าต่อไปและพบกล่องหยกที่เก็บไว้อย่างดีมีสูตรโอสถเก็บเอาไว้ภายในพร้อมกับน้ำเต้าหยก
  ด้านในน้ำเต้าหยกคือโอสถที่มีหกลวดลายโอสถนี้มีสีดำสนิท ลวดลายทั้งหกก็รายล้อมโอสถเอาไว้
  ในกล่องหยกนี้ซือหยูได้เห็นชื่อของโอสถมันคือโอสถหกอสูร!
  “นี่มันโอสถโบราณที่อาจารย์พรายพูดถึง!”
  ซือหยูใจเต้นแรงเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร
  นี่คือสิ่งที่มั่วหยางขโมยมาในตอนที่หนีออกจากตำหนัก!มันคือโอสถที่อาจารย์พรายใช้เวลาหลายสิบปีในการปรุง!
  โอสถนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโอสถอสูรอันดับหนึ่งมันมีฤทธิ์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้กลายเป็นอสูรเนรมิตร!
  สำนักอสูรอันดับหนึ่งของจิวโจวหรือก็คือสำนักอสูรสวรรค์นั้นอยากได้โอสถนี้ตลอดมา แต่แรกมันถูกเชื่อว่ามั่วหยางใช้หรือขายไปแล้ว แต่ซือหยูแปลกใจมากที่โอสถนี้ยังคงอยู่!
  ซือหยูคิดว่ามันถูกเก็บไว้ใช้หลังจากที่ลอกคราบถึงระดับสูงสุดและนั่นจะทำให้มั่วหยางได้เป็นอสูรเนรมิตร! น่าเสียดายที่ซือหยูเป็นคนได้ประโยชน์ในท้ายสุด!
  ซือหยูค้นกระเป๋าให้ทั่วอีกครั้งไม่นานเขาก็พบวัตถุดิบมากมายที่ถูกเก็บซ่อนไว้ก้นกระเป๋า ทั้งหมดเป็นวัตถุดิบล้ำค่ายากจะได้เจอในจิวโจว
  แต่ละอย่างนั้นมีค่ามากกว่าแก้วแสนดวง!ทั้งหมดคือวัตถุดิบที่ใช้ปรุงโอสถหกอสูร นั่นแสดงว่ามั่วหยางได้ขโมยวัตถุดิบในตอนนั้นมาด้วย!
  ซือหยูดีใจมากเขาเก็บและปลูกวัตถุดิบเหล่านั้นในสวนที่มุกวิญญาณเก้าหยก แม้ว่าจะมีแค่ชุดเดียวที่เหลืออยู่ มันก็จะผลิตใหม่ได้อย่างไร้ขีดจำกัดถ้าหากนำมมาปลูกได้ใหม่ และด้วยสูตรโอสถที่แปลความมาแล้ว ซือหยูจะไม่ต้องลงแรงอะไรเลยในการปรุงโอสถนี้ด้วยตัวเองในอนาคต!
  “ฮ่าๆๆการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าเกินกว่าที่ข้าคิดมากนัก”
  ซือหยูจ้องมองโอสถหกอสูร
  ตอนนี้โอสถยังไร้ค่าสำหรับเขา แต่มันมีพลังอสูรที่น่าตกใจอยู่ ซือหยูมีหวังจะได้ฝึกฝนวิชาเก้ามังกรอสูรอีกครั้งแล้ว
  ในตอนที่ซือหยูกำลังตื่นเต้นและเตรียมจะหาทางดูดซับพลังอสูรในโอสถอยู่นั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงสร้อยสื่อสาร หลังจากหยิบสร้อยหยกออกมาฟัง เขาก็ได้ยินข้อความเร่งด่วนจากตำหนัก
  “ตระกูลชางก่วนถูกโจมตีรึ?”
  ซือหยูลุกขึ้นทันควันเขาชักสีหน้าเล็กน้อย
  หลังจากครุ่นคิดซือหยูเก็บของทั้งหมดลงในกระเป๋าและบินไปยังตระกูลชางก่วน เพราะเขาได้รับประโยชน์มามากจากชางก่วนหยุนซื่อและสัญญาไว้ว่าจะปกป้องตระกูลชางก่วน ตอนนี้ตระกูลชางก่วนมีภัย เขารู้ว่าจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไว้
  ซึ่งก็บังเอิญพอดีกับการที่เขาได้ทำตามคำสัญญาก่อนจะหนีออกจากตำหนัก…