DND.
ที่นี่อยู่ภายใต้การปกครองของตำหนักชิงวิญญาณตระกูลชางก่วนตั้งอยู่ใกล้ที่นี่พอดี ไม่ว่าจะด้วยความหวังดีหรือหลักการ ซือหยูก็ไม่มีเหตุผลให้ทอดทิ้งตระกูลชางก่วน
สามวันต่อมาซือหยูเดินทางข้ามแม่น้ำสายยาว เขาจดจำแม่น้ำนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะมันคือแม่น้ำเยือกแข็งที่เขาเคยเดินทางผ่าน
คราวที่แล้วเขาได้ทะลวงสู่ขอบเขตภูติที่นี่และถูกองครักษ์แสงกระจ่างตามล่า เขากำลังจะตายที่ริมแม่น้ำ แต่นั่นคือเวลาที่เขาได้พบจื่อเสวียน นางช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากอันตรายพอดิบพอดี
ซือหยูเหลือบมองแม่น้ำด้วยความรู้สึกในอดีตความทรงจำก่อนเก่าหวนคืนมา
ตอนที่เขาออกจากตำหนักโลหิตเขามิได้พบกับจื่อเสวียน เช่นนั้นจึงมิได้กล่าวลา ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสที่เขากับนางจะได้เจอกันอีกก็มีน้อยมาก
ซือหยูยังไม่ลืมว่ามีกลุ่มอำนาจที่ใกล้แม่น้ำนี้อีกซึ่งเป็นกลุ่มที่เขาไม่คุ้นเคยด้วย นั่นก็คือตระกูลซือถูที่เป็นตระกูลลำดับสามรองจากตระกูลชางก่วน
ในอดีตซือหยูได้มีโอกาสเข้าตำหนักโลหิตก็เพราะตระกูลซือถู เมื่อเวลานี้มุ่งหน้าไปตระกูลชางก่วน เขาก็ย่อมเห็นพวกตระกูลซือถูอยู่บ้าง
สามวันต่อมาซือหยูเห็นเกาะอยู่ห่างๆ มันมีน้ำตกขนาดยักษ์ที่ทำให้เห็นราวกับว่ามีแม่น้ำสีเงินรินลงมาจากฟ้า มันเป็นภาพอันตระการตา
ตระกูลซือถูเป็นที่รู้จักกันในด้านพื้นที่ธรรมชาติอันงดงามที่ครอบครองและซือหยูก็ไม่คิดจะมุ่งหน้าไปที่ตระกูลซือหยู
นั่นก็เพราะมันผ่านมาครึ่งปีแล้วนายหญิงตระกูลซือถูไม่จำเป็นต้องจำคนอย่างเขาได้ และด้วยเวลาอันกระชั้นชิด ซือหยูมิอาจรอช้า
หลังจากทำใจซือหยูเพียงแค่บินผ่านป้อมปราการไป เมื่อเขากำลังจะบินพ้นก็ได้พบกับคนคนหนึ่งบินมาทางเขา
“เอ๋ศิษย์น้องซือ ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
ผู้พูดมีผิวซีดและดูอ่อนแอราวกับว่ากำลังป่วยใกล้ตาย
ซือหยูตกใจ
“ศิษย์พี่ชานเหลียง?”
คนที่ถามเขาก็คือไป่ชานเหลียงที่กงซุนหวูซื่อและคนอื่นๆอีกหลายคนจากตำหนักนอกติดตามมาแต่ไป่ชานเหลียงนั้นมิใช่ผู้นำในครั้งนี้ คนที่นำมาในครั้งนี้คือเจ้าตำหนักคงฉาน!
“เจ้าตำหนักคงฉาน!”
ซือหยูใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่ในเบื้องหน้านั้นไม่ได้แสดงออกสิ่งใด
เจ้าตำหนักคงฉานแปลกใจเล็กน้อยที่เจอเขา
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่ตระกูลซือถูได้?เจ้าได้ข้อความจากเจ้าตำหนักฮั่วให้มาที่นี่รึ?”
เขาคิด…มิใช่ว่าตระกูลชางก่วนคือตระกูลที่กำลังต้องการความช่วยเหลือรึ?ทำไมเจ้าตำหนักคงฉานถึงมาคนมาที่ตระกูลซือถูเล่า?
ซือหยูตอบ
“ข้ากำลังมุ่งหน้าไปตระกูลชางก่วนตระกูลซือถูเป็นทางผ่านข้า”
เจ้าตำหนักคงฉานพยักหน้า
“โอ้ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปตระกูลชางก่วนแล้ว อยู่ช่วยพวกข้าป้องกันตระกูลซือถูก็พอ”
เจ้าตำหนักคงฉานนำคนร่อนลงไปที่ป้อมปราการโดยไม่รอให้ซือหยูตอบคลื่นสายลมของกำลังคนทำให้ทั้งเกาะสั่นสะเทือน
คนจากเกาะบินขึ้นมาทุกคนตกใจ นายหญิงซือถูดูดีใจและแสดงความเคารพอย่างสุภาพ
“ท่านเจ้าตำหนักคงฉาน”
“ไปคุยกันข้างในเถอะ…”
เจ้าตำหนักคงฉานโบกมือกลุ่มคนบินไปที่เกาะราวกับฝูงผึ้งท่ามกลางความหวาดกลัวและนับถือจากคนตระกูลซือถู
“ศิษย์น้องซือข้าไม่ได้เจอเจ้ามาหลายเดือน เรื่องยิ่งใหญ่ที่เจ้าทำทำให้ข้านับถือเจ้าจริงๆ!”
ไป่ชานเหลียงก้าวมาข้างหน้าและกล่าวชมเชยซือหยู
ซือหยูเลิกคิ้ว
“ศิษย์พี่ชานเหลียงล้อข้าเล่นหรือ?ข้าก็แค่โชคดีที่เมืองเทียนหยาและมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งมาช่วยเหลือข้า มันจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะไรกัน?”
ไป่ชานเหลียงส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“ไม่ใช่เรื่องนั้นข้าพูดถึงเรื่องที่เจ้าให้สามล้านคะแนนกับปิงหวูชิงต่างหาก! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนลึกซึ้งเช่นนี้! ข้ารู้แล้วว่าความรักของเจ้ากับปิงหวูชิงนั้นลึกล้ำแค่ไหน!”
เขาพูดเรื่องนี้เองรึ!ทีแรก ซือหยูคิดว่าเขาจะหนีไปไกลจากตำหนักจึงให้มอบคะแนนให้ปิงหวูชิง และจากนั้นเขาก็จะไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับตำหนักโลหิตอีกต่อไป เขาจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
“อะแฮ่มศิษย์พี่ชานเหลียงคิดมากไปแล้ว ศิษย์พี่หวูชิงยังขาดอยู่หนึ่งล้านคะแนน ข้าก็ไม่มีปัญหาในเรื่องนั้น ดังนั้น…”
ซือหยูเริ่มอธิบาย
“โอ้!นั่นก็ยิ่งมากเข้าไปใหญ่! เพื่อที่จะเอาชนะใจหญิงงาม น้องซือถึงกับทิ้งหนึ่งล้านคะแนน! เจ้าคือตัวอย่างของบุรุษแห่งตำหนักโลหิตไม่มีผิด!1”
ไป่ชานเหลียงพูดเสียงดังขึ้นแววตาของเขาสื่อถึงความนับถือ
เหล่าศิษย์คนอื่นๆล้วนมองซือหยูด้วยความนับถือไม่ว่าจะจักรพรรดิ ราชา แม่ทัพ และผู้นำที่แข็งแกร่ง ทุกคนมักจะวางหญิงงามไว้เหนือกว่าเงินทอง เช่นเดียวกับที่ซือหยูทำ
ซือหยูรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออกเขาให้คะแนนกับปิงหวูชิงก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว และปิงหวูชิงเองก็กำลังขาดหนึ่งล้านคะแนน เขาเพียงแค่ช่วยเหลือนางเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความเข้าใจผิดนั้นเกินไปกว่าที่เขาจะเข้าใจได้แล้ว
“ศิษย์พี่เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนางกับข้าไม่ได้….”
ซือหยูพยายามรีบอธิบาย
แต่ไป่ชานเหลียงก็ไม่รอให้เขาพูดจบก่อนจะยิ้มราวกับรู้อะไรและตบไหล่ซือหยูเขาหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆน้องเอ๋ย เจ้าจะรีบร้อนไปทำไมเล่า? นอกจากเจ้ากำลังจะทิ้งสำนักจนไม่สนใจเรื่องคะแนน จะมีสิ่งใดอธิบายอีกได้!”
เขาพูดต่อ
“แล้วก็…ถึงจะเป็นเจ้าสำนักซ้ายขวาก็ให้คะแนนมหาศาลเช่นนั้นเปล่าๆกับใครไม่ได้หรอก”
ซือหยูใจเต้นหนักหน่วงเขารู้สึกผิดอยู่บ้าง เพราะนอกจากเสวี่ยเหลียน ไม่มีใครเลยที่รู้ว่าเขากำลังจะหนีออกจากสำนัก ถ้าหากเรื่องนี้มีใครอื่นรู้ ซือหยูจะถูกบังคับให้กลับสำนัก จากนั้นเขาก็จะถูกจับตามอง ความลับหลายอย่างของเขาจะถูกเปิดโปง
ซือหยูอ้าปากพยายามจะพูดต่อแต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“ฮ่าๆๆๆน้องเอ๋ย ตอนกลับสำนัก ข้าแนะนำว่าเจ้าควรจะสู่ขอปิงหวูชิงกับตระกูลและหมั้นหมายเสียให้เรียบร้อย มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เจ้าจะทำให้ความปรานาจอมปลอมของพวกศิษย์ในหายไปได้…”
ไป่ชานเหลียงกล่าว
ซือหยูหัวเราะแห้งๆและไม่โต้แย้งแต่เขาก็ไม่ยอมรับเช่นกัน
“ฮื่มเจ้านั่นรอไม่ไหวหรอก!”
กงซุนหวูซื่อปรากฏตัวจากกลุ่มคนจากที่นางเห็น สิ่งที่ซือหยูทำไปนั้นก็เพื่อเอาใจปิงหวูชิง
ซือหยูเหลือบมองนางเขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมกงซุนหวูซื่อถึงมองเขาในแง่ร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ส่ายหน้าเบาๆซือหยูถาม
“ศิษย์พี่ชานเหลียงสำนักไม่ได้สั่งให้คนใกล้ๆไปที่ตระกูลชางก่วนหรือ? ทำไมเจ้าตำหนักคงฉานถึงนำคนมาที่ตระกูลซือถูล่ะ?”
ไป่ชานเหลียงลูบคาง
“ก็ตอนที่พวกข้าไปถึงที่นั่นก็มีคนบอกว่าตระกูลชางก่วนถอยออกมาแล้ว!”
เขาว่าต่อ
“พวกเรามีกำลังคนจำกัดบางคนก็ต้องอยู่ประจำการที่ตระกูลชางก่วน แล้วเราก็ดึงกำลังคนที่สืบเรื่องกลุ่มที่มาจู่โจมไม่ได้ด้วย”
“ดังนั้นเจ้าตำหนักคงฉานจึงมายืมกำลังคนจากตระกูลซือถู”
เมื่อได้ฟังว่าวิกฤติที่ตระกูลชางก่วนทรงตัวซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตระกูลซือหยูนั้นย่อมยินดีอยู่แล้วที่จะแบ่งกำลังทหารให้เจ้าตำหนักคงฉาน
เพราะไม่มีตระกูลใดเลยที่จะไม่หวังได้ช่วยเหลือรองเจ้าตำหนักนอก!ในอนาคต ถ้าหากตระกูลซือถูต้องการความช่วยเหลือ เจ้าตำหนักคงฉานก็ต้องช่วยกลับมา ครึ่งชั่วยามต่อมาจึงมีภูติชั้นสูงสิบแปดคนและภูติชั้นกลางอีกร้อยคนของตระกูลซือถูออกมา นี่คือกำลังครึ่งหนึ่งของตระกูลพวกเขา
“ไป่ชานเหลียงกงซุนหวูซื่อ ซือหยูเซี่ยน เจ้าสามคนอยู่ที่ตระกูลซือถู! ที่เหลือตามข้ามา!”
เจ้าตำหนังคงฉานสั่ง
นางให้ทั้งสามอยู่ก็เพื่อคุ้มครองตระกูลซือถูทุกตระกูลย่อมรู้สึกไม้่ปลอดภัยหากกำลังกว่าครึ่งถูกยืมไป ไป่ชานเหลียงกับอีกสองคนนั้นเป็นศิษย์ชั้นเยี่ยมแห่งตำหนักนอก การมีอยู่ของทั้งสามย่อมทำให้ตระกูลซือถูสบายใจขึ้น
เหล่าศิษย์ที่ดีที่สุดจากตำหนักนอกกำลังอยู่ร่วมกับตระกูลซือถูพวกเขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล คนตระกูลซือถูดูโล่งใจขึ้นมาก พวกเขาต้อนรับทั้งวสามด้วยความอบอุ่น
“ฮ่าๆๆๆเจ้าสองคนจะต้องเป็นปีศาจบูรพากับพิษประจิมแห่งเขาอสูร ข้านับถือพวกเจ้าจากชื่อเสียงมาสักระยะแล้ว”.novel-lucky.
หลังจากส่งเจ้าตำหนักคงฉานนายหญิงซือถูก็มารับทั้งสามด้วยตัวเอง
นางมองผ่านทั้งสามคนและจำกงซุนหวูซื่อกับไป่ชานเหลียงได้ในทันทีทั้งสองเป็นศิษย์ชื่อดังและมีเกียรติในตำหนักนอก ชื่อเสียงของทั้งคู่นั้นเป็นที่รู้จักกันดี
“แต่ข้าจำเจ้าไม่ค่อยได้….”
นายหญิงซือถูมองซือหยูเขาค่อนข้างดูคุ้นตา ราวกับว่านางเคยเจอมาก่อน
แต่ก็อย่างที่คิดนางลืมซือหยูไปแล้ว ประการแรกก็เพราะมันผ่านมาแล้วครึ่งปี ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่คนที่ไร้ชื่อเสียง แต่นางถือนายหญิงแห่งซือถู! ไม่แปลกที่นางจะจำเขาไม่ได้
ประการที่สองซือหยูได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนั้นเขาเป็นเพียงคนที่เพิ่งจะเป็นภูติระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาเป็นภูติระดับหกแล้ว!
“ข้าคือซือหยูเซี่ยนสวัสดีนายหญิงซือถู”
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
“ซือหยูเซี่ยน…”
นายหญิงซือถูพูดชื่อซ้ำร่างหนึ่งแล่นเข้ามาในใจ
นางถามด้วยความตกใจ
“นี่เจ้าเองรึ?ซือหยูเซี่ยนคนเดียวกับที่มาสอบเข้าตำหนักนอกเมื่อหลายเดือนก่อน?”
นางไม่ได้พูดอย่างเปิดเผยว่าซือถูหยางได้เข้าตำหนักนอกก็เพราะได้รับการช่วยเหลือจากซือหยูนี่คือความลับระหว่างนางกับเขา
“เรื่องมันนานแล้วนะนายหญิงซือถู”
ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
นายหญิงซือถูมองซือหยูอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา
“อะไรกัน!แค่ครึ่งปี เจ้าก็เป็นภูติระดับหกแล้ว!”
นางเริ่มเสียใจสิ่งที่ซือหยูทำในการสอบเข้านั้นโดดเด่น และตอนนี้เขามิเพียงแต่โดดเด่น แต่เขาเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก! ก่อนหน้านั้น ถ้าหากนางลงมือทำให้เขาอยู่กับตระกูลซือถู พวกนางก็คงจะได้ผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมาแล้ว!
“นายหญิงกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว…”
ซือหยูพูดเขาก็ไม่ได้สนใจคำชมของนางเลย
นางหญิงซือถูจ้องมองซือหยูและถอนหายใจ
“ทุกคนเข้ามาเราจะเริ่มใช้ค่ายกลป้องกันแล้ว”
กำลังกว่าครึ่งของตระกูลซือถูถูกส่งออกไปพวกเขาอ่อนแอกว่าเดิมไปมาก ดังนั้นการใช้ค่ายกลป้องกันจึงเป็นกลยุทธ์ที่ดี
ปั้ง…ปั้ง…ปั้ง…
พลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือนพลังจากระยะหมื่นลี้ไหลเข้ามาจากทุกทิศทางราวกับแม่น้ำสายใหญ่ มันมุ่งหน้าตรงมาที่ตระกูลซือถูและกลายเป็นม่านพลังป้องกันทรงกลม
ด้วยแรงปะทะจากค่ายกลพลังที่หลั่งไหลเข้ามาได้ลุกไหม้เป็นลูกไฟ มันปกป้องตระกูลซือถูด้วยความร้อนสูง แม้แต่จ้าวเทวะชั้นต้นก็มิอาจบุกเข้ามาได้
ซือหยูมองพลังวิญญาณที่ลุกไหม้และถามด้วยความสงสัย
“นายหญิงซือถูแก้วที่ต้องใช้ในค่ายกลนี้คงจะมีค่ามากใช่หรือไม่?”
นายหญิงซือถูนั้นมีความคาดหวังในซือหยูที่แตกต่างจากไป่ชานเหลียงและกงซุนหวูซื่อนางจึงยิ้ม
นางกล่าว
“ใช่แล้วเพื่อที่จะเรียกพลังวิญญาณจำนวนมากเข้ามา ข้าต้องใช้แก้วพลังจำนวนมาก! ทุกครึ่งชั่วยามจะต้องใช้แก้วพลังถึงหนึ่งแสนดวง ในวันนี้ มันจะใช้รายได้ทั้งปีของตระกูลซือถู!”
นางพูดต่อ
“แม้จะต้องสละมากมายเช่นนี้การใช้มันก็เพื่อความปลอดภัยของตระกูล ดินแดนพรสวรรค์มิใช่ดินแดนที่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว หลายตระกูลกำลังได้รับภัยจากมือที่มองไม่เห็น”
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกนางกำลังช่วยเหลือตำหนักโลหิต นั่นทำให้ตระกูลซือถูกำลังเสียเปรียบ ซือหยูพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำอธิบาย แต่เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ค่อยถูกควร
เขายืนหน้าค่ายกลและมองลูกไฟพลังซือหยูถาม
“ศิษย์พี่ชานเหลียงอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลชางก่วนกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่? หยกสื่อสารบอกข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ไป่ชานเหลียงรู้สึกแปลกเขาตอบและกระแอมเบาๆ
“ตามที่เจ้าตำหนักคงฉานบอกพวกเขาได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจากตระกูลชางก่วน และจดหมายนั้นบอกว่ามีกลุ่มคนแข็งแกร่งกำลังจู่โจมพวกเขา!”
“โอ้?แล้วพวกนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แล้วมากันกี่คนล่ะ?”
ซือหยูอยากจะรู้มากกว่านี้