ตอนที่ 234 หลังพิง / ตอนที่ 235 ความคิดสุดหยั่ง

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 234 หลังพิง 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนสารภาพความจริงให้ฟัง แม้ว่านางจะเสริมแต่งบ้าง แต่ก็บอกถึงความหวาดวิตกของนางออกมาจริงๆ นางรู้ดีว่าถ้าเผชิญกับวิชาตรวจสอบวิญญาณ นางไม่อาจแก้ต่างได้แน่ มีแต่พูดความจริงเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอด 

 

 

“เหตุใดคนระดับล่างทุกคนล้วนบอกว่าข้าจะกลายเป็นยา จะถูกคนดูดเลือดจนเหือดแห้ง เจ้าไม่ได้ชอบข้า เจ้าเพียงแต่ชอบเลือดที่สามารถช่วยเจ้าได้ของข้า เจ้าให้ข้าขึ้นมาบนเขาศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็เป็นกับดักตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ เพื่อให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ทำให้ข้าหวาดกลัว จะอย่างไรก็ต้องตาย เช่นนั้นข้าขอบอกให้รู้ไว้ เลือดทั่วร่างของข้าเป็นได้ทั้งพิษทั้งยา นั่นคือทั้งรักษาคนและฆ่าคนได้เช่นกัน ถ้าพวกเจ้าจะใช้ก็ลองดูได้!” 

 

 

เถิงอวิ๋นซักถาม 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับว่าฆ่าเหวินเยียน!” 

 

 

“ไม่! เลือดข้าสามารถเปลี่ยนเป็นพิษนับพันชนิด ทำให้ใครก็คาดเดาไม่ได้ หากข้าไม่บอก ไหนเลยพวกเจ้าจะรู้ ไม่มีใครรู้ เหตุใดข้าต้องใช้น้ำพุถังหมิงด้วย ทั้งๆ ที่เป็นยาพิษที่จะเผยตัวข้าได้ง่ายที่สุด ข้าคงบ้าไปแล้ว หรืออย่างที่พี่เถิงอวิ๋นบอก เพราะถ้าข้าต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ ที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องฆ่าใครเลย เพียงแต่ข้าเอ่ยปาก ท่านอ๋องก็จะพาข้าไป เหตุใดต้องปลิดชีวิตนางด้วย” 

 

 

เมื่อเถิงเฟิงได้ยินว่าดูดเลือดจนเหือดแห้งก็รู้สึกแปลกๆ แววตาเขาดูสับสน สายตาที่มองดูถังเฉียนซับซ้อนมาก 

 

 

“เจ้ากลัวข้า เชื่อคำพูดของคนพวกนั้น ก็เลยอยากหนีไป” 

 

 

ถังเฉียนเงยหน้ามองเถิงเฟิง แล้วถาม 

 

 

“ไม่ ข้าขอถามเจ้า ไม่ว่าเหวินเยียนจะพูดเช่นไร นางจะต้องเสริมแต่งเพิ่ม เชื่อได้มากเท่าใด เชื่อไม่ได้มากเท่าใด เหตุใดข้าจึงไม่ไปถามตัวต้นเหตุอย่างเจ้าเองล่ะ ถ้าเจ้าต้องการชีวิตข้า ข้าจะให้หรือไม่เป็นเรื่องของข้า แต่ถ้าใครจะแย่งชิงชีวิตข้าไป ขอโทษ ข้าไม่ยอมให้เด็ดขาด!” 

 

 

“ดี!” 

 

 

มีเสียงร้องชมดังมาจากข้างนอก ทั้งๆ ที่ให้คนเฝ้าที่นี่แล้ว เหตุใดยังมีคนเข้ามาได้ อิ๋นซานแปลกใจว่าเป็นใคร แต่นางยังไม่ทันส่งคนออกไปดู ก็เห็นเถิงเสวี่ยพาฉู่จิ่งเหยาเดินเข้ามาแล้ว 

 

 

อาจารย์… 

 

 

ถังเฉียนและคนทั้งหมดพากันลุกขึ้นค้อมคารวะเถิงเสวี่ย ตามลำดับชั้นแล้วเถิงเจินต้องคารวะเถิงเสวี่ย แต่เขาเป็นหัวหน้าผู้บวงสรวงแห่งเผ่าพีส่า จึงไม่ต้องแสดงการคารวะ จึงเพียงพยักหน้า 

 

 

“อาจารย์ ท่านกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หายดีแล้วหรือ” 

 

 

เถิงเสวี่ยพยักหน้า แล้วจูงมือถังเฉียนมานั่งลงข้างๆ เถิงเจิน 

 

 

“ช่วงที่ผ่านมาข้ากักตัวฝึกวิชา ไม่รู้ว่าอาหรูน่าได้รับบาดเจ็บรุนแรงเช่นนี้ แต่เด็กคนนี้เข้มแข็งมาก ชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้ขึ้นกับสวรรค์ จะยอมให้ใครชิงไปง่ายๆ ได้หรือ” 

 

 

อิ๋นซานอดพูดแทรกไม่ได้ว่า 

 

 

“ท่านป้า คำพูดท่านราวกับว่าพวกเราล้วนเป็นคนเลว เรื่องราวในครั้งนั้น ท่านเองย่อมรู้ สำหรับ…” 

 

 

นางกวาดสายตามาที่เถิงเฟิงด้วยแววตาห่วงใย เถิงเฟิงก้มหน้าลง กำหมัดแน่น แต่ไม่พูดแม้แต่คำเดียว กระทั่งไม่เรียกย่ารองอย่างดีใจเหมือนที่ผ่านมา 

 

 

“ท่านอ๋องเชิญข้ามาโดยเฉพาะ ข้อแรกเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์สำนักข้า ไม่ว่าหงหลิงเอ๋อร์หรืออาหรูน่าล้วนเป็นศิษย์ข้า ต่อให้ทำผิดจริง ก็ย่อมไม่ควรให้คนนอกอบรม ถ้าพวกเจ้าไว้ใจข้า ข้าจะตรวจสอบวิญญาณอาหรูน่าด้วยตนเอง พวกเจ้ามีความเห็นเช่นไร” 

 

 

ถังเฉียนเป็นหญิงสาวที่มีความลับ ที่นางกลัวที่สุด ไม่สามารถรับได้เลยก็คือการถูกตรวจสอบวิญญาณ เพราะชาติกำเนิดของนางและทุกอย่างของนางจะเปิดเผยต่อหน้าเถิงเสวี่ย ถึงตอนนั้นนางจะย่อยยับไม่อาจฟื้นได้ นางไม่อยากให้ใครรู้จุดอ่อนของตน 

 

 

“อาจารย์ ตรวจสอบวิญญาณแล้วจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้หรือ ข้ารู้ว่านี่เป็นวิธีที่ตรงและน่าเชื่อถือที่สุด แต่ก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่น่าอัปยศที่สุด” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 235 ความคิดสุดหยั่ง 

 

 

 

 

 

เถิงเสวี่ยรู้สึกหงุดหงิด หากเป็นคนอื่นนางจะคิดว่าไม่รู้จักชั่วดี แม้นางจะไม่ได้เข้าใจถังเฉียนอย่างลึกซึ้งนัก แต่รู้ว่านางมีความลับเรื่องชาติกำเนิด 

 

 

“ข้าไม่ดูความทรงจำเรื่องอื่นของเจ้าหรอก เพียงแต่ดึงความจำที่เกี่ยวข้องกับเหวินเยียนออกมา ถ้าเจ้าทำก็คือทำ ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ผิด ข้าจะใช้ม่านน้ำเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพในความทรงจำของเจ้า ทำเช่นนี้เจ้าว่าดีหรือไม่” 

 

 

นี่เป็นการยอมอ่อนข้อให้ของเถิงเสวี่ยและเพื่อทำให้นางสบายใจ ถังเฉียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางยังไม่ทันพูดว่าปฏิเสธหรือตกลง เถิงอวิ๋นก็ดึงแขนนางไว้ 

 

 

“เช่นนั้นก็ทำตามที่ย่ารองบอก เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าย่ารองจะฝึกวิชาตรวจสอบวิญญาณส่องจันทราสำเร็จแล้ว สมแล้วที่ท่านคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่าหมอผีและเผ่าพีส่า” 

 

 

เถิงเสวี่ยได้รับคำชมแต่สีหน้ากลับไม่ยินดีนัก นางมองมาที่เถิงเจินแล้วเอ่ยว่า 

 

 

“อวิ๋นเอ๋อร์ช่างพูดขึ้นทุกที แต่ว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งนั้นข้าไม่กล้ารับ ข้าเกิดในเผ่าพีส่าแต่ไปเข้าเผ่าหมอผี เพราะผู้อาวุโสทั้งสองเผ่าเอาใจใส่ข้าจึงได้ฝึกวิชาของทั้งสองเผ่า การฝึกควบอย่างนี้ที่จริงสู้ฝึกเฉพาะไม่ได้ วิชาตรวจสอบวิญญาณของข้าไม่แม่นยำเท่าบิดาเจ้า ส่วนวิชาส่องจันทราก็ไม่สว่างใสเท่ากับหัวหน้าเผ่าหง สรุปแล้วใช้ได้เพียงครึ่งๆ กลางๆ หากวันหน้าผู้เยาว์อย่างพวกเจ้าสามารถฝึกควบได้ หวังว่าจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง” 

 

 

เถิงเสวี่ยลุกขึ้น มองดูถังเฉียน นี่หมายความว่าจะปฏิเสธคำสั่งนางไม่ได้ 

 

 

“อาจารย์ ข้า…” 

 

 

“กลับไปค่อยว่า!” 

 

 

ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็คลายความกังวลทันที นี่แสดงว่าอาจารย์เชื่อนาง 

 

 

ที่เรียกว่าวิชาตรวจสอบวิญญาณส่องจันทรานั้น เป็นการนำภาพในสมองของผู้ที่ถูกตรวจวิญญาณมาสะท้อนลงบนผิวน้ำ เพื่อให้คนอื่นได้มองเห็นด้วย วิชาตรวจสอบวิญญาณมาจากเผ่าพีส่า วิชาส่องจันทรานั้นมาจากเผ่าหมอผี ผู้ที่สามารถนำสองวิชานี้มาใช้ร่วมกันในเวลาเดียวมีเพียงเถิงเสวี่ยเท่านั้น 

 

 

ถังเฉียนนั่งอยู่กลางห้องโถง ตรงหน้าเป็นอ่างหยกสี่ขาลายมังกรทองใส่น้ำไว้หนึ่งชาม แม้คนหนุนหลังของถังเฉียนจะมาแล้ว แต่ฉู่จิ่งเหยาไม่ใช่คนเผ่าพีส่าและเผ่าหมอผี ดังนั้นต้องเลี่ยงออกไป จึงเหลือแค่เถิงเสวี่ยเพียงเท่านั้น 

 

 

เถิงเสวี่ยวางมือข้างหนึ่งบนไหล่นาง แล้วพูดปลอบโยนเบาๆ 

 

 

“ต้องเชิญแม่เจ้ามาหรือไม่ หากเจ้าไม่วางใจ…” 

 

 

“ข้าเชื่ออาจารย์ และไม่กลัวการตรวจสอบวิญญาณ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าถ้าคนอื่นเชื่อข้า ในสภาพที่ข้าสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เหตุใดต้องตรวจสอบวิญญาณด้วย การเข้าไปในวิญญาณของคนคนหนึ่ง เปิดวิญญาณเขาออกมา ทำให้ทุกคนมองเห็นความรู้สึกในใจและความเอาแต่ใจที่เธอไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าผู้คน แล้วต่อไปข้าจะเผชิญหน้ากับคนอื่นได้อย่างไร จะคอยรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองถูกเปลือยออกแล้ว” 

 

 

ขณะที่ถังเฉียนพูดเช่นนี้ ควงตาไม่อาจซ่อนเร้นความเศร้าหมองไว้ได้ ถ้าหากนางปฏิเสธก็จะถูกเถิงอวิ๋นมองว่าเป็นวัวสันหลังหวะ ยังทำให้ความหวังดีของอาจารย์ไร้ค่า ในเวลานี้นางต้องการเพียงให้วิญญาณตัวเองได้สวมเสื้อผ้า รักษาความรู้สึกเร้นลับที่นางควรมี 

 

 

นางไม่ได้เกิดในเผ่าพีส่า และไม่ใช่เด็กสาวที่เติบโตในเหมียวเจียง นางไม่เคยรู้ว่ายังมีคนสามารถสอดส่องความเป็นส่วนตัวของนางโดยพลการ ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเป็นพิเศษ 

 

 

“เจ้า เด็กคนนี้…” 

 

 

เถิงเสวี่ยไม่ได้พูดคำพูดข้างหลังออกมา เถิงเฟิงดึงตัวนางขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า 

 

 

“ข้าจะพานางไปที่เขตหวงห้ามหลังเขา ย่ารอง ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้าย่อมมีคำอธิบายต่อทุกคน นางคืออาหรูน่าของข้า ฮูหยินของข้าในอนาคต ไม่ว่านางจะฆ่าเหวินเยียนหรือไม่ เราสองคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ข้ามีเรื่องที่ต้องพูดกับนาง” 

 

 

ถังเฉียนคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะพูดเช่นนี้ แล้วดึงตัวนางออกไป ขณะที่ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะดูความทรงจำของนาง ทั้งสองก็วิ่งออกไปแล้ว