ตอนที่ 236 ความจริงปรากฏ
เถิงอวิ๋นไล่ตามออกมา แล้วเจอฉู่จิ่งเหยาที่หน้าประตู กำลังมองและยิ้มให้เขา
“เหตุใดท่านอ๋องไม่ขวางพวกเขาไว้ รู้หรือไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใดกัน”
“ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด ล้วนเป็นสิทธิของพวกเขา เมื่อครู่ข้าให้อาห่าวไปค้นห้องเจ้า ในห้องทดลองของเจ้าก็มีขวดกระเบื้องเคลือบสีขาว ในนั้นใส่…”
เถิงอวิ๋นขมวดคิ้ว แต่อิ๋นซานวิ่งตามออกมา มองดูคนทั้งสองด้วยแววตาลึกล้ำ แล้วพูดว่า
“ย่ารองให้พวกเจ้าเข้าไป”
ขณะนี้เถิงเฟิงพาถังเฉียนไปยังสถานที่ที่นางทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ที่บอกว่าคุ้นเคยเพราะนางเคยอยู่ที่นี่นานมากในโลกแห่งจิตใจของเถิงเฟิง ในช่วงเวลาที่ผ่านมานางเคยอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้ดูเกินจริงขนาดนั้น แต่ที่นี่ก็แปลกกว่าที่อื่น ป่าไม้หนาทึบ ใบไม้พวกนั้นใหญ่กว่าที่อื่น
เถิงเฟิงจับมือนางไว้แน่นวิ่งไปตามทางเส้นหนึ่ง หลังจากวิ่งมาสักพักหนึ่งแล้วทั้งสองจึงหยุด มองดูซ้ายขวา ตรงนี้เป็นที่ว่าง แต่จู่ๆ ต้นไม้รอบๆ ก็สูงใหญ่ขึ้น
“ที่นี่คือเขตหวงห้ามหรือ”
ถังเฉียนหยุดยืน มองดูรอบๆ จู่ๆ ก็ลืมไปว่าตัวเองเข้ามาจากที่ใด เพราะรอบๆ ไม่มีเส้นทางใดๆเลย แต่เมื่อครู่เห็นชัดๆ ว่าวิ่งตามทางเส้นเล็กเข้ามา
ถังเฉียนมองซ้ายมองขวายังรู้สึกแปลก แต่นางยังไม่ทันพูดอะไร เถิงเฟิงก็พูดว่า
“สถานที่นี้แปลกมาก เพราะต้นไม้ที่นี่กินคนได้ ดูดเลือดคนจนหมด ถ้าข้าบอก เจ้าก็คงจะไม่เชื่อ แต่เรามาดูกัน”
ตอนที่เข้ามาเถิงเฟิงหิ้วไก่ตัวหนึ่งมาด้วย พอเห็นดอกไม้ดอกหนึ่งที่กำลังบานอยู่ ก็โยนไก่ตัวนั้นออกไป โยนไปในจุดที่ไม่ห่างจากดอกไม้ดอกนั้นนัก ไก่หมุนตัวแล้ววิ่งหนี แต่ถังเฉียนมองเห็นด้านล่างของดอกไม้มีเครือเถายื่นออกมาหลายสายรัดไก่ตัวนั้นไว้ทันที ได้ยินเสียงมันร้องสองสามทีแล้วถูกลากเข้าไปในดอกไม้ จากนั้นก็เห็นเพียงขนไก่กองหนึ่ง
“นี่ นี่…”
เถิงเฟิงเห็นท่าทางของถังเฉียน สีหน้าเขาฉายแววเย็นชาและทุกข์ทรมานสุดขีด เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าถังเฉียน แต่ขณะนี้น้ำตาคลอเบ้าในดวงตาทั้งสองข้างแล้ว ทันใดนั้นถังเฉียนก็รู้สึกว่าไม่ต้องสอบถามสิ่งใดแล้ว อาหรูน่าคนนั้นคงต้องสำคัญสำหรับเขามาก
ตั้งแต่ที่ตนเองถูกเรียกว่าอาหรูน่า เขาคงเอาความคิดถึงนางมาวางไว้ที่ตนเอง บางทีนิสัยนางอาจคล้ายกับอาหรูน่าตัวจริง บางทีอาจเพราะหน้าตานางดูคล้าย ไม่ว่าจะอย่างไร นางเป็นเพียงตัวแทนเท่านั้น
“ขอโทษด้วย คนตายแล้วไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ ข้าทำให้เจ้านึกถึงเรื่องที่น่าเศร้าใช่หรือไม่”
เถิงเฟิงกอดนางไว้ ลูบเส้นผมนางเบาๆ แล้วพูดว่า
“ข้ารู้ก่อนแล้วว่าสักวันเจ้าจะรู้ ชื่อเจ้ามาจากนาง แต่เจ้ารู้หรือไม่ ตอนที่ข้าถอดหน้ากากเจ้าออกราวกับว่าข้าเห็นนางกลับมาแล้ว”
เถิงเฟิงเล่าเรื่องนี้ให้ถังเฉียนฟังด้วยความอดทน เกี่ยวกับสถานที่นี้ เกี่ยวกับผู้หญิงคนที่ตายจากไปแล้ว
ก่อนนี้ที่นี่ไม่ใช่เขตหวงห้าม เป็นเพียงสวนดอกไม้ธรรมดา เถิงเฟิงยังสร้างชิงช้าขนาดใหญ่ให้อาหรูน่าตัวจริง ตอนที่เถิงเฟิงเห็นท่าทางนางนั่งชิงช้าในโลกแห่งจิตใจ บางทีอาหรูน่าคนก่อนนี้ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่เหตุพลิกผันเกิดขึ้นเร็วเกินไป เถิงเฟิงเจอเมล็ดพันธุ์พิเศษเม็ดหนึ่ง มันออกดอก ดอกใหญ่เป็นพิเศษ งดงามเป็นพิเศษ เขาอยากชื่นชมดอกไม้ที่สวยที่สุดนี้กับคนที่เขาชอบที่สุด จึงพาอาหรูน่ามายังที่แห่งนี้
ตอนที่ 237 บุปผากินคน
แต่วันนั้นดอกไม้นั่นกินคนเป็นครั้งแรก พอเถิงเฟิงตั้งสติได้ อาหรูน่าก็ถูกดูดเลือดจนแห้งไปทั้งร่าง ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองเขาก็คงไม่เชื่อ ดอกไม้ถึงกับกินคน กินคนที่เขาชอบที่สุด
ถังเฉียนฟังถึงตรงนี้ก็มีหยาดน้ำตาที่หางตา นางรู้สึกถึงความน่าเศร้าของเรื่องนี้ และรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เถิงเฟิงสะเทือนใจ
“เจ้าหนีพ้นได้อย่างไร”
เจ้าสิ่งนี้คงกินอย่างไม่เลือก น่าจะคงเพราะได้กลิ่นคาวเลือดแล้วจึงกลืนกินเหยื่อ ถังเฉียนคิดเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นมันคงถูกคนกำจัดไปแล้ว
“เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวที่มีเลือดพิเศษหรือ”
เถิงเฟิงเดินผ่านนางไป แล้วยื่นแขนไปตรงหน้าดอกไม้นั่น ทันใดนั้นมีเครือเถาเลื้อยไต่ขึ้นมา ถังเฉียนอยากเข้าไปช่วย แต่เขาห้ามไว้ เพียงแต่ดึงมือนางเพื่อให้นางเห็นด้วยตาตัวเอง เครือเถาแทงเข้าไปในร่างเถิงเฟิง แต่ในชั่วพริบตากลับเ**่ยวเฉาทันที
จากนั้นมันก็ผละจากร่างเถิงเฟิงอย่างรวดเร็ว เถาที่ขาดเหมือนแขนขาดทิ้งไว้ตรงหน้าถังเฉียน จากนั้นก็มองไม่เห็นบุปผากินคนรอบๆ แล้ว
“เลือดเจ้ามีฤทธิ์ทำลายมันหรือ แต่คนอื่นไม่มี ดังนั้นแม่เจ้าจึงมีคำสั่งไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ที่นี่ เหตุจึงไม่ทำลายบุปผากินคนทิ้งเสีย ป้องกันไม่ให้มันทำร้ายใครอีก”
เวลานี้ถังเฉียนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดที่แห่งนี้จึงกลายเป็นเขตหวงห้าม นางทราบความจริงทั้งหมดจากปากเถิงเฟิงแล้ว แต่ความจริงนี้ออกจะโหดร้ายเกินไป
“สำหรับเรื่องนี้ คนระดับล่างพากันคาดเดาด้วยความสงสัย เพราะข้าป่วยบ่อย แต่หลังจากอาหรูน่าตายแล้ว ข้ากลับไม่ค่อยป่วยนัก คนพวกนี้ยิ่งลือก็ยิ่งแปลกพิสดาร บางคนบอกว่าครอบครัวข้าใช้นางทำกระสายยา ทำให้ข้าหายป่วย ที่จริงเพราะไม่มีคนอยู่ข้างตัว พออาการกำเริบข้าก็อดทนให้ผ่านไปเท่านั้นเอง เหตุผลก็แน่ล่ะทั้งบางปีข้าไปอยู่ที่เผ่าหมอผีนาน ไม่ค่อยได้กลับมาที่พีส่าด้วย”
ถังเฉียนฟังเรื่องทั้งหมดที่เขาเล่า ความจริงทั้งหมดก็ได้ปรากฏออกมาชัดเจนแล้ว ถ้าหากไม่มีการตายของเหวินเยียน ถ้านางไปเค้นถามต่อหน้าผู้คน บางทีเขาอาจจะไม่เปิดปากชั่วชีวิต เพราะเรื่องนี้สำหรับเถิงเฟิงแล้วช่างโหดร้ายที่สุด
“ข้ารู้ ข้าไม่ควรระแวงสงสัยเจ้า ข้าจิตใจคับแคบ ใจไม่กว้างพอ แต่ข้ายังมีคำถามสุดท้ายจะถามเจ้า”
ถังเฉียนพยายามอดกลั้น บอกกับตัวเองว่าอย่าถาม หลังจากถามแล้วบางทีระหว่างพวกเขาจะไม่มีวันหลังแล้ว
“เจ้าอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงตั้งชื่อนี้ให้เจ้าใช่หรือไม่”
“เจ้าเดาไม่ผิดหรอก เพราะนาง อาหรูน่าตัวจริง อาหรูน่าที่ข้าไว้ใจได้อย่างสิ้นเชิง”
ถังเฉียนได้ยินความจริงที่โหดร้ายที่สุด แต่เป็นเพราะนางเป็นฝ่ายขอร้องเอง โทษใครไม่ได้
“ข้าพูดอย่างนี้ เจ้าพอใจหรือไม่”
ถังเฉียนหันไป หันหลังให้เถิงเฟิง นางไม่ได้เข้มแข็งนักหรอก และไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่นางเองเคยคิด น้ำตาบดบังดวงตาทั้งสองข้างของนางแล้ว ทำให้นางไม่อาจต้านทานผลลัพธ์เช่นนี้ นางเคยคิดว่าความสวยงามทั้งหมดล้วนเกิดจากนางเองฝ่ายเดียว
ที่แท้นางก็เป็นคนน่าสงสารที่มีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของเด็กสาวอีกคน
“เถิงเฟิง ขอบใจที่เล่าความจริงให้ข้าฟัง ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดี แต่ข้าคิดว่าข้าไม่ต้องการชื่ออาหรูน่านี่อีกแล้ว ข้าชื่อถังเฉียน ถังเวยเป็นน้องสาวข้า ข้าเป็นทาสที่มาจากเซวียนกั๋ว ข้าใช้ชีวิตช่วยฉู่จิ่งเหยาไว้ ฮว่าเหยียนเอาเสื้อนางมาใส่บนตัวข้า ทำให้ข้ามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ข้าดื้อรั้น ขี้ขลาด โหดร้าย มีชีวิตเหมือนหมอผีจริงๆ