เมื่อลาเต้เห็นดังนั้น ริมฝีปากของเขาก็เผยอยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยแซวด้วยเสียงอันดังว่า “โอ้ ประธานเปปเปอร์เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอครับ ก่อนหน้านี้คุณยังชื่นชอบผู้หญิงตัวเล็กที่ดูบริสุทธิ์เหมือนส้มเปรี้ยวอยู่เลย จู่ๆ กลับเปลี่ยนเป็นชอบแนวโลลิอันร้อนแรงขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนจะชื่นชอบการแสดงท่าทางยั่วยวนในที่สาธารณะอีกด้วยนะครับ”
เมื่อได้ยินประโยคของลาเต้ ใบหน้าของเปปเปอร์ก็ดูเคร่งขรึม เขาหันไปมองเรด้าที่อยู่ด้านข้างก่อนจะพูดว่า “ปล่อย”
เป็นเพราะว่าเธอสวมชุดเดรสเกาะอกอยู่ต่างหาก ถ้าเขาดึงแขนออกอย่างแรง อาจทำให้ชุดเดรสของเธอเลื่อนลงไปได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่แม้แต่เอ่ยปากเตือนเธอแล้วสะบัดแขนออกอย่างรวดเร็วแน่นอน
เรด้าไม่ได้สังเกตเห็นถึงความไม่พอใจของเปปเปอร์ เมื่อได้ยินเขาบอกให้ตนปล่อยมือ เธอก็ไม่เต็มใจนัก ทำหน้าบูดบึ้งแล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์คะ ดิฉันเป็นคู่ควงออกงานของคุณ การที่เรา……”
“ผมบอกให้ปล่อย” เปปเปอร์พูดขัดจังหวะเธออย่างไม่เกรงใจ ในครั้งนี้เขาเน้นหนักมากกว่าเดิม
บรรยากาศรอบด้านดูเยือกเย็นขึ้นมาทันใด สีหน้าของเปปเปอร์อันมืดมนดูไม่น่ามองมากขึ้นกว่าเดิม น้ำเสียงเยือกเย็นขึ้นเป็นทวีคูณ
เรด้า สะดุ้งตัวสั่นเนื่องจากน้ำเสียงของเขาเมื่อครู่ ใบหน้าเธอซีดเผือดและรีบปล่อยแขนของเขาออกอย่างไม่รู้ตัว เปปเปอร์พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ก่อนที่จะเดินทางมาผมบอกคุณแล้วว่าให้ทำตัวเป็นเหมือนแจกันที่พูดไม่ได้ก็พอ อย่าหาเรื่องอะไรมาให้ผม ไม่อย่างนั้นความร่วมมือกับตระกูลจักรีศานส์คงจะยกเลิกทันที แต่สรุปว่าคุณกลับไม่สนใจฟังคำพูดของผม”
“ขอโทษค่ะประธานเปปเปอร์ ฉัน…… ฉันผิดไปแล้ว” เมื่อเรด้าได้ยินว่าจะยกเลิกความร่วมมือ ใบหน้าของเธอก็ดูตื่นตระหนกแล้วรีบร้องขอ “ประธานเปปเปอร์คะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก คุณอย่ายกเลิกสัญญานะคะ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคงจะเอาฉันตายแน่”
ตอนนี้เธอแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเป็นกังวล รู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่ของเธอ
ผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอได้แต่มองขึ้นไปและไม่สามารถแตะต้องได้แม้แต่น้อย
ในวันนี้ชายหนุ่มที่เธอได้แต่เงยหน้าขึ้นมองกลับเลือกเธอมาเป็นคู่ควงออกงานในงานเลี้ยง อีกทั้งอาจจะแต่งงานกับเธอเพื่อความร่วมมือทางการค้า ดังนั้นจึงทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจนสมองสับสนมึนงง ส่งผลให้ทำกิริยาท่าทางเมื่อครู่ออกมา
เดิมทีเธอคิดว่าต่อให้เขาสังเกตเห็นท่าทางของเธอดังนั้นก็คงจะไม่เปิดโปงเธอออกมาต่อหน้าสาธารณชน เพราะว่าที่นี่มีผู้คนมากมาย เขาน่าจะไว้หน้าเธอบ้าง
แต่ว่าเธอคิดผิดไป เขาไม่เคยคิดสนใจจะไว้หน้าเธอเลย และทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์อันลำบากใจ
ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลย
เรด้า อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดใบหน้า หูและลำคอของเธอแดงเรื่อ
ลาเต้ที่นั่งดูละครอยู่อย่างเงียบๆ เห็นท่าทางของเรด้าที่เป็นเช่นนั้นก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
เพราะว่าเขาต้องการจะยั่วยุเปปเปอร์ จึงทำให้เปปเปอร์มุ่งเป้าหมายไปที่ผู้หญิงคนนี้ จนทำให้เธอต้องอับอาย จะว่าไปแล้วก็เป็นความผิดของเขาเอง ดังนั้นจะให้เขานั่งมองดูละครเรื่องนี้ต่อไปเฉยๆ คงไม่ได้ เขานั่งหลังตรงแล้วพูดว่า “เอ่อคือ เปปเปอร์ เมื่อสักครู่แม้ว่าเธอจะทำท่าทางไม่เหมาะสม แต่การที่คุณจะยกเลิกความร่วมมือกันดื้อๆ แบบนี้ดูเหมือนจะเย็นชาและใจร้ายไปหน่อยหรือเปล่า?”
เปปเปอร์เหลือบตามองดูเขาอย่างเย็นชา “จัดการเรื่องตัวเองให้ดีเถอะ เรื่องของผมไม่จำเป็นต้องให้คุณเข้ามายุ่งเกี่ยว”
เมื่อพูดจบเปปเปอร์ก็ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง
เรด้าก้มศีรษะรีบเดินตรงไปอย่างรวดเร็ว เธอดึงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างของเขาออกมาและนั่งลงเช่นกัน
ชายหนุ่มคนนี้ยังไม่ได้บอกว่า จะไม่ยกเลิกสัญญาความร่วมมือ
ดูเหมือนว่าหลังจากจบงานเลี้ยงแล้วเธอจะต้องขอร้องเขาอีกที
หลังจากนั้นงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทุกคนที่เป็นคนสำคัญในงานนี้เดินทางมาเพราะต้องการร่วมมือกับเปปเปอร์ในโครงการใหม่
ส่วนลาเต้ เดินทางมาเพียงเพราะว่าบิดาของเขามีความสัมพันธ์รู้จักกับคนเหล่านี้ จึงต้องการให้เขามาเปิดหูเปิดตาก็เท่านั้น
แต่เขาพบว่าโครงการใหม่ที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เนื่องจากว่าตระกูลรัตติพีระไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาจึงไม่เคยทำความเข้าใจกับมันมาก่อน
ขณะเดียวกัน เขาก็รู้ดีว่างานเลี้ยงครั้งนี้เดิมทีก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ต่อให้เขาเข้าใจก็ไม่มีส่วนในเรื่องนี้
เนื่องจากว่าด้วยภูมิหลังของตระกูลรัตติพีระ พวกเขาไม่สามารถนำเงินมหาศาลเช่นนี้มาลงทุนกับโครงการเหล่านั้นได้ เขาอาจจะล้มละลาย
ดังนั้นในตอนท้าย เมื่อลาเต้ฟังไปฟังมาก็แทบจะหลับ เพื่อป้องกันไม่ให้หลับเขาจึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วส่งข้อความหามายมิ้นท์ เล่าให้เธอฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเปปเปอร์กับเรด้าเมื่อสักครู่ด้วยความขบขัน
มายมิ้นท์กำลังจัดแจงเอกสารอยู่ในห้องทำงานของเธอ เห็นข้อความที่ลาเต้ส่งมา เธอก็ยืดหลังตรง
เรด้าถูกเปปเปอร์ตำหนิต่อหน้าสาธารณะเพราะไปยั่วยวนเขา?
มายมิ้นท์เบิกตากว้าง ท่าทางของเธอดูจริงจัง
มองดูแล้วเปปเปอร์กับเรด้าคงจะไม่ได้แต่งงานกันหรอก
เนื่องจากหากทั้งสองคนจะแต่งงานกันจริงๆ เปปเปอร์คงจะไม่ทำให้ว่าที่เจ้าสาวของตนต้องขายหน้าในที่สาธารณะ
ดังนั้นคงไม่มีการแต่งงานนั้นเกิดขึ้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นมายมิ้นท์ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้
ผู้ช่วยของเลขาซินดี้เดินเข้ามาพอดี เธอรู้สึกว่ามายมิ้นท์อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ในที่สุดประธานมายมิ้นท์ก็อารมณ์ดีขึ้นแล้วนะคะ”
“ในที่สุดเหรอ?” มายมิ้นท์ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตน “ก่อนหน้านี้ฉันอารมณ์ไม่ดีเหรอ?”
“ใช่สิคะ” ผู้ช่วยพยักหน้า “วันนี้ตอนที่ประธานมายมิ้นท์เดินทางมา ดูเหมือนอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก ขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ยคล้ายกำลังกังวลหรือคิดเรื่องอะไรอย่างอยู่ จนกระทั่งเมื่อสักครู่ดูเหมือนว่าอารมณ์หงุดหงิดเหล่านั้นจะหายไปแล้วนะคะ และก็ผ่อนคลายลงมากทีเดียว”
เธอคือผู้ช่วยของเลขาซินดี้ ในวันนี้ซินดี้ไม่อยู่เธอจึงได้เข้ามาแทนที่ตำแหน่งเลขาชั่วคราวเพื่อคอยช่วยมายมิ้นท์
ดังนั้นในวันนี้ ประธานมายมิ้นท์อารมณ์เป็นเช่นไร เธอผู้ที่ใกล้ชิดกับประธานมายมิ้นท์มากที่สุดคงจะชัดเจนกว่าใคร
เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินว่าอารมณ์ของตนเองก่อนหน้าเป็นเช่นนั้น เธอก็ตกตะลึงเล็กน้อย
จากที่ผู้ช่วยคนนี้บอกมา ในวันนี้ทั้งวันเธออารมณ์ไม่ดีจนกระทั่งเมื่อครู่จึงดีขึ้นและดูผ่อนคลาย
และตัวเธอรู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากที่เห็นข้อความของลาเต้ที่ส่งมา เมื่อเข้าใจถึงความคิดของเปปเปอร์ว่าคงจะไม่แต่งงานกับเรด้าแล้วเธอจึงผ่อนคลายลง
นั่นหมายความว่าเธอกำลังดีใจที่เปปเปอร์กับเรด้าไม่แต่งงานกัน?
เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ สีหน้าของมายมิ้นท์ก็เปลี่ยนไปเป็นซับซ้อน
ทำไมเธอจะต้องดีใจด้วยที่ทั้งสองคนไม่แต่งงานกัน?
เธอกำลังดีใจเรื่องอะไรกัน?
ความคิดของเธอสับสนวุ่นวายและหงุดหงิด
มายมิ้นท์วางปากกาในมือลงแล้วเอามือขึ้นถูแก้มของเธอ พยายามบังคับให้ตัวเองสงบลงแล้วหันไปถามว่า “มาเอาเอกสารพวกนี้เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะประธานมายมิ้นท์” ผู้ช่วยพยักหน้า
มายมิ้นท์หลับตาลง “ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปเถอะค่ะ ฉันอยากจะอยู่เงียบๆ สักพัก”
“ค่ะ” ผู้ช่วยไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็ทำท่าทีแปลกไปเสียอย่างนั้น หล่อนเพียงหันไปมองแล้วหยิบเอกสารบนโต๊ะเดินจากไป
จนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูลง มายมิ้นท์จึงลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วเอามือขยี้ผมของตนเอง มายมิ้นท์หนอมายมิ้นท์ เธอทำอะไรอยู่กันแน่!
รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเธอเองดูผิดปกติไป ทั้งในสมองและในใจมักจะมีอารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นเสมอ
และมันไม่อาจควบคุมได้
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นคนเช่นไร
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นทำลายความกระสับกระส่ายใจของมายมิ้นท์เมื่อสักครู่ลง
เธอสูดลมหายใจเข้าแล้ววางมือลงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าเป็นนักสืบที่เมื่อวานนี้ลาเต้ส่งรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์มาให้เธอไม่นานหลังจากที่เขาเดินทางจากไป สีหน้าของเธอดูเคร่งขรึมแล้วรีบรับสายทันที
“สวัสดีครับ ใช่คุณมายมิ้นท์ไหม?” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นมาจากปลายสาย
มายมิ้นท์ขยับริมฝีปากแดงเรื่อของเธอแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ค่ะ ฉันเอง”
“สวัสดีครับคุณมายมิ้นท์ เรื่องเป็นเช่นนี้ เมื่อวานมีคุณผู้ชายท่านหนึ่งติดต่อให้ผมจับตามองคนคนหนึ่งเอาไว้ จากนั้นให้แจ้งผลแก่คุณ”
“ใช่ค่ะ ผลเป็นอย่างไร?” มายมิ้นท์หรี่ตาลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง