ตอนที่ 366 นายท่านผู้เฒ่าโกรธมาก
บอดี้การ์ดขยับแว่นตา สีหน้าไร้ความรู้สึก เขาตอบ “สองครั้งก่อนซีเหมินหลงเซี่ยวซีอีโอแห่งไหลย่ากรุ๊ปจดงานเลี้ยงที่โรงแรมxx เชิญตระกูลไฮโซเมืองนี้เข้าร่วม นายน้อยก็ไปครับ
งานครั้งที่สองหนานหลิวเฟิงกับพวกก็เข้าร่วม นายน้อยหญิงไปกับนายน้อยด้วย แต่ตอนหลังนายน้อยละทิ้งการเข้าร่วมหุ้น ได้ยินว่า…เพราะคำแนะนำของนายน้อยหญิง”
“อะไรนะ? เธอบอกให้เจ้าหนูทิ้งหุ้น!”
บอดี้การ์ดกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว จะอย่างไรนายท่านผู้เฒ่าก็เคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน แม้จะอายุมากแล้ว แต่พอโมโหขึ้นมา ความน่าเกรงขามในตัวไม่ได้ลดลงกว่าในอดีตเลย เขารู้สึกถึงพลังคุกคามที่แปลกประหลาด
“ก็แค่ข่าวลือ นายท่านอย่าโมโห ระวังจะส่งผลต่อสุขภาพครับ”
เฉวียนสือกระแทกไม้เท้าในมือ “ไม่ต้องช่วยหาข้ออ้างให้เธอ ต้องเป็นสายตาแบบผู้หญิงแน่นอน ทิ้งโอกาสที่ดีไม่ไปช่วงชิง เจ้าหนูเฉวียนหมิง ข้าว่าคงจะเอาอย่างซังโจ้วอ๋อง* แน่นอน!” (หมายเหตุ : วังโจ้วอ๋องเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซัง ทรงลุ่มหลงในอิสตรีจนทำให้อาณาจักรล่มสลาย)
นายท่านผู้เฒ่าโกรธจัด จ้องมองบอดีการ์ดอย่างใช้ความผิด “เรื่องไหลย่ากรุ๊ปพอจะให้อภัยได้ ส่วนหนานกรุ๊ปนั้น เรื่องราวเป็นยังไง” เขาไม่เชื่อว่าคนที่กุมหนานกรุ๊ปคนนั้นจะกล้าท้าทายกับเฉวียนกรุ๊ปอย่างเปิดเผยเช่นนี้
เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน
“นับจากที่คุณชายหนานรับช่วงบริษัทส่วนใหญ่ของหนานกรุ๊ป หนานกรุ๊ปก็ค่อยๆ ลดความร่วมมือกับกรุ๊ปเรา คราวนี้ยังแย่งชิงหลายโครงการไปจากเรา”
บอดี้การ์ดคอยรับหน้าที่ไปดำเนินการ ย่อมรายงานตามที่ตนได้ข่าวมา
“คุณชายหนาน? หนานหลิวเฟิง เจ้าหนูนั่นยังเรียนไม่จบไม่ใช่หรือ?” ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นเช่นนี้ ส่วนหลายชายตัวเองใช้เวลาระยะหนึ่งจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าหนูนั่นยังเรียนอยู่
เพราะตระกูลหนานยังไม่อยากให้หนานหลิวเฟิงซึ่งอายุยังน้อยรับช่วงบริษัท อยากให้เขาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ฝึกฝนขัดเกลาอยู่ข้างนอก
“เวลานี้คุณชายหนานเรียนอยู่ปีสามแล้ว ยัง…อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับนายน้อยหญิง ตอนนี้เขาค่อยๆ เริ่มรับช่วงการบริหารของหนานกรุ๊ป ทำได้ดีจนผู้คนชื่นชม ในแวดวงธุรกิจพูดชมเขาไม่น้อยครับ”
ถึงตอนนี้ดวงตาเฉวียนสือกลอกไปมา “ประโยคก่อนหน้านั้นยังไม่จบใช่ไหม พูดต่อซิ”
บอดี้การ์ดทำท่าจะพูดแล้วชะงัก ในใจนึกอยากตบปากตัวเอง ทำไมถึงเผลอพูดเรื่องนี้ออกมา แต่เมื่อเผชิญกับแววตาของเฉวียนสือ เขาจำต้องยอมจำนน
“ลือกันว่า…ลือกันว่านายน้อยหญิงเคยแอบชอบคุณชายหนาน คุณชายหนานหวังในตัวเธอแต่ไม่สมหวัง จึงพุ่งเป้ามาที่นายน้อยของเรา นายท่านผู้เฒ่า ข่าวลือเชื่อถือไม่ได้ ผมคิดว่า…”
นายท่านผู้เฒ่ายกมือขึ้น ห้ามไม่ให้บอดี้การ์ดพูดต่อ “พอแล้ว ฉันคิดเองได้” ไม่ว่าเรื่องอะไรคงไม่เกิดขึ้นลอยๆ หรอก
ดูแล้วคงเพราะหลานชายตนเองใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมบังคับให้เธอแต่งงานกับเขา เธอยอมรับแค่เปลือกนอก ที่แท้กลับอยาก เป็นสายภายในประสานกับภายนอก ร่วมกับหนานหลิวเฟิงควบทั้งหนานกรุ๊ปด้วยใช่ไหม
พอบอดี้การ์ดเห็นเฉวียนสือเป็นเช่นนี้ก็ชะงัก แย่แน่ๆ นายท่านผู้เม้าโมโหแล้ว ยังท่าทางโกรธจัด เขานึกเสียใจ พวกตนไม่ควรไปยุ่งกับข่าวลือพวกนั้น
ถ้าพวกเขาไม่รู้ย่อมไม่พูดออกมา นายท่านผู้เฒ่าย่อมไม่รู้ น่าเสียดายตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว
“ไปเตรียมหน่อย ฉันจะกลับไป” ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าไม่กลับไปสั่งสอนเจ้าหลานชายบ้าง คงจะทำนอกลู่นอกทางอีก
เพื่อผู้หญิงคนเดียว ทำให้เขาหลับหูหลับตา ยอมกินยายังไม่ว่า ยังยอมให้เธอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก นี่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่อยากอยู่กับเขาจริงๆ
หลังจากนายท่านผู้เฒ่าแน่ใจแล้วก็ยิ่งไม่พอใจ คิ้วขมวดแน่น หึ
ตอนที่ 367 เป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาล
ตรงกับสุดสัปดาห์พอดี เฉวียนหมิงนัดอีลั่วเสวี่ยออกมา สุดสัปดาห์ทั้งคู่จึงออกมาเที่ยวกัน แล้วพักที่คฤหาสน์ของเขา
“อาเสวี่ย น้ำแกงนี้ต้องตุ๋นสองชั่วโมงจึงจะอร่อย ถ้าคุณรู้สึกง่วงกลับไปพักที่ห้องก่อน ผมจะจัดการเอกสารเล็กน้อย เดี๋ยวก็กินมื้อเที่ยงได้แล้ว” เฉวียนหมิงมองอีลั่วเสวี่ยด้วยแววตารักใคร่
คิดดูแล้วก็ใช่ ตุ๋นน้ำแกงก่อน ส่วนกับข้าวจะกินแล้วค่อยผัดจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมไว้ก่อน อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “ก็ดีค่ะ ฉันไปพัก คุณก็อย่าเหนื่อยเกินไป ต้องรู้จักพักบ้าง”
ที่จริงด้วยสภาพร่างกายของเฉวียนหมิงเขาควรจะพักรักษาตัว แต่เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ทั้งนายท่านผู้เฒ่าก็แก่มากแล้ว เฉวียนหมิงไม่อยากอาศัยปู่คอยบริหารงานบริษัทเพื่อเลี้ยงดูตน
ดังนั้นเขาจึงรับช่วงเฉวียนกรุ๊ป แล้วทุ่มเทบริหาร เพราอย่างไรก็เป็นกิจการของครอบครัว ขณะนี้ไม่มีใครช่วยเขาดูแลงานได้ ต่อให้มี ถ้าต้องปล่อยให้คนนอกทำ พวกเขาย่อมไม่วางใจ
เขายังหนุ่มแน่น ถ้าทำอะไรไม่ได้เลย หากข่าวแพร่ออกไป เขาเองก็ทนไม่ได้ กิจการของครอบครัวที่บุกเบิกมาย่อมจะค่อยๆ ล่มสลายลง
“นายน้อย นายน้อยหญิง พวกคุณไปทำเรื่องอื่นเถอะ พอถึงเวลาผมจะเรียกพวกคุณเอง” เหล่าเกาอยู่ในครัวกำลังเตรียมส่วนประกอบต่างๆ ของอาหาร รวมทั้งเนื้อที่ต้องหมักไว้ก่อน พอได้ยินทั้งสองพูดก็รีบบอกทันที
ผัวเมียหนุ่มสาวคู่นี้ ถึงเวลานี้จึงค่อยเหมือนครอบครัวเดียวกัน ถ้านายท่านผู้เฒ่ากลับมา พอเห็นเข้าก็คงจะดีใจมาก
และแล้วเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยก็ขึ้นไปชั้นบน ต่างกลับไปที่ห้องตนเอง
หลังจากอีลั่วเสวี่ยเข้ามาในห้องเดิมที่เธอเคยอยู่ ก็ผงะเล็กน้อย เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคย การตกแต่งห้องยังคงเหมือนก่อนที่เธอจะจากไป ไม่มีอะไรเปลี่ยน
พอเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบเสื้อผ้าใหม่เต็มตู้ ดูเหมือนเฉวียนหมิงจะเตรียมให้เธอ ถ้าเธอกลับมาแล้วต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เปลี่ยนได้เลย ทั้งยังเป็นเสื้อผ้าแบบที่เธอชอบ
เธอรู้สึกเปี่ยมด้วยความสุขเล็กๆ ขึ้นมาทันที
“โอ้โห เจ้านาย เฉวียนหมิงไม่เพียงจีบสาวเก่ง ยังเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมาก คริคริ ทำให้ข้าเองฉันอยากมีความรักบ้างแล้ว” ถ้ามีคนยินดีจ่ายเงินเพื่อมัน มันคงดีใจเป็นพิเศษ
ทำไมอีลั่วเสวี่ยจะคาดเดาความคิดของเจ้าลูกบอลเงินไม่ได้ สิ่งดีๆ ที่เธอเห็นจะเป็นน้ำใจ ส่วนเจ้านั่นมองเป็นเงิน เป็นธนบัตร
“ไปเลย ไปมีความรัก ดีที่สุดพาร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอีกร้านกลับมา ทำให้ข้ากลายเป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาล!” คนที่รวยที่สุดในโลกจะแค่ไหนเชียว ต้องเป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาลจึงจะเจ๋งจริง
เจ้าลูกบอลเงินทำตาปริบๆ “เป็นคนรวยที่สุดในโลกยังพอจะทำได้ แต่ถ้าเป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาล ข้าขอเตือนว่าอย่าคิดจะดีกว่า”
“เพราะอะไร?” อีลั่วเสวี่ยสงสัย เธอถามพร้อมกับเดินไปมาในห้อง ไม่ได้มานานแล้ว มีความรู้สึกแปลกหน้าผสมกับความคุ้นเคยอย่างลางๆ
“ก็เพราะคนที่รวยที่สุดในจักรวาลอยู่ที่ดวงดาวข้างนอก เขาก็คือผู้ประดิษฐ์ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอย่างพวกข้า เจ้าอย่าเห็นว่าพวกข้าร้ายกาจขนาดนี้ ที่จริงข้าเพิ่งอายุห้าปีเท่านั้น ห้าปีก่อนกลุ่มบริษัทเราเพิ่งสร้างออกมา ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี บริษัทเราก็กลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวาล”
ขณะที่พูดเรื่องนี้ ท่าทางมันทั้งเคารพและซาบซึ้งใจ
“ไม่ใช่มั้ง? ข้ายังคิดว่าอย่างน้อยจะมีอายุนับร้อยปีขึ้นไป” อีลั่วเสวี่ยแปลกใจมาก สิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีต่างดาวในอวกาศนี่ก้าวหน้าจริงๆ
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” ลูกบอลเงินยิ้มร่า ขณะเดียวกันก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก ในสายตาของมันเทคโนโลยี่ของโลกนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่าไร สำหรับโลกของมันแล้วก็แค่เท่ากับยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อพันปีก่อน
อีลั่วเสวี่ยเบ้ปาก “ก็ได้ ถือว่าข้าคิดมาก ยังหวังว่าเจ้าจะไปดึงร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกลับมาอีกร้าน ให้ข้าได้ลองรู้สึกถึงการมีร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสองร้าน แต่ดูแล้วคงไม่มีความหวัง”