ตอนที่ 368 ท่านเองที่ไม่ให้เรียก / ตอนที่ 369 โยนโทสะไปที่อีลั่วเสวี่ย

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 368 ท่านเองที่ไม่ให้เรียก

 

 

“อยากทิ้งข้าหรือไง? หรือว่ามีร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอย่างข้าร้านหนึ่งแล้วยังไม่พอ ยังอยากได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้าน พูดถึงมือที่สามกับคู่ครองเดิม เจ้าคิดว่าเหมาะแล้วหรือ?”

 

 

มันยอมรับอีลั่วเสวี่ยเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ถ้ามีร้านอื่นอีก จะเหมือนร้านเดิมได้อย่างไร ก็เหมือนบริษัท บริษัทแม่มีได้เพียงแห่งเดียว ที่เหลือเป็นได้เพียงเมียน้อย ไม่ใช่สิ เป็นได้เพียงบริษัทสาขา

 

 

อีลั่วเสวี่ยกลอกตา พูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “หรือเจ้าไม่เคยได้ยินคำนี้ เมียฤาจะสู้เมียน้อยได้ แต่ว่าคนอย่างข้าก็มีหลักการ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น ฐานะเมียหลวงของเจ้าไม่เปลี่ยนหรอก”

 

 

ลูกบอลเงิน “หึ ค่อยยังชั่วหน่อย”

 

 

การที่เฉวียนหมิงยังรักษาห้องนี้ไว้ให้เธอ ทำให้อีลั่วเสวี่ยรู้สึกหัวใจอบอุ่น รู้สึกหัวใจหวั่นไหวเพราะความอ่อนโยนเอาใจใส่ของเฉวียนหมิง ที่แท้ความรู้สึกที่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากคนอื่นช่างน่าปลื้มใจจริงๆ

 

 

ทุกอย่างเป็นเหมือนตอนที่เธอยังอาศัยอยู่ที่นี่ ราวกับว่าเธอไม่เคยจากไป อีลั่วเสวี่ยหมุนตัวรอบหนึ่ง นอนลงบนเตียงอันแสนอ่อนนุ่ม แล้วหลับตาลง

 

 

เฉวียนหมิงกลับมาที่ห้องทำงานในห้อง พอนึกถึงสีหน้าอีลั่วเสวี่ยซึ่งน่าจะเป็นเมื่อเธอเขาไปในห้อง เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

 

 

เขานั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดมือถือและเอกสารบนโต๊ะ แล้วตรวจดูอย่างละเอียด

 

 

ไม่นานนักนอกคฤหาสน์ก็มีเสียงสองคันแล่นเข้ามา คันหน้าจอดก่อน บอดี้การ์ดในคันหลังรีบลงจากรถทันที มาเปิดประตูให้รถคันหน้า เฉวียนสือถือไม้เท้าเดินลงมาจากรถ

 

 

“นายท่าน” รปภ.ด้านนอกเปิดประตูเหล็กของคฤหาสน์ทันที

 

 

เฉวียนสือผงกหัวเล็กน้อย แล้วเดินตรงไปข้างหน้า พอเปิดประตูบ้านก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาจากครัว แต่เขากลับไม่เห็นใครเลย แล้วตรงไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก

 

 

“นายท่านผู้เฒ่า ท่านกลับมาแล้ว?” เหล่าเกายืนอยู่หน้าประตูครัวด้วยความแปลกใจ แล้วรีบเช็ดมือตัวเอง เดินตรงมาอยู่หน้าเขา

 

 

“อืม เจ้าหนูล่ะ? ทำไมไม่เห็นเขา ยังแม่หนูคนนั้นด้วย อยู่ที่นี่หรือเปล่า?” เมื่อกี้ตอนที่เข้าบ้าน เขาเห็นรองเท้าผู้หญิงคู่หนึ่ง

 

 

เหล่าเกาพยักหน้า “นายน้อยจัดการเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน นายน้อยหญิงพักผ่อนอยู่ ผมจะไปเรียกพวกเขาครับ”

 

 

“ลุงเกา ไม่ต้องหรอกค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยืนยิ้มอยู่บนระเบียงชั้นบน เธอประสาทไวมาก รู้ตั้งแต่ตอนที่เฉวียนสือมาถึงคฤหาสน์แล้ว เพราะเธอได้ยินเสียงรถ

 

 

อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็เดินก็เดินลงบันไดมา มาอยู่ตรงหน้าเฉวียนสือ “นาย…นายท่านผู้เฒ่า”

 

 

“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ ในฐานะที่เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของเฉวียนหมิง ทำไมเธอจึงเรียกว่าฉันอย่างนั้น? ถ้าคนข้างนอกได้ยินเข้า คงจะบอกว่าหลานสะใภ้คนนี้ของฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย?” เฉวียนสือไม่พอใจเมื่อได้ยินอีลั่วเสวี่ยเรียกตนเช่นนี้

 

 

มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุกเล็กน้อย “ก็ครั้งที่แล้วท่านบอกเองว่าไม่ให้ฉันเรียกท่านว่าปู่ หรือว่าลืมไปแล้วหรือคะ?” ที่จริงเธออยากเรียกเขาว่าปู่หรอก แต่เธอเป็นคนที่ความจำดีมาก จำคำพูดของนายท่านผู้เฒ่าครั้งก่อนได้ชัดเจน

 

 

แต่ไหนเลยเฉวียนสือจะจำที่ตัวเองพูดได้ ต่อให้จำได้ก็แกล้งหาเรื่องเธอ

 

 

“เธอเถียงกับผู้ใหญ่อย่างนี้หรือ? ไม่รู้จริงๆ ว่าหลานฉันเห็นเธอดีตรงไหน” ไม่นอบน้อม ไม่ทำตัวดีๆ ก็ช่างเถอะ ยังตีสีหน้าแบบนั้น ทำให้ใครดูหรือ

 

 

ท่าทางเหมือนคุณหนูใหญ่ วางมาดใหญ่โตจริงนะ ก็แค่ลูกสาวบุญธรรมของบริษัทเล็กๆ ที่ล้มไปแล้ว ไม่มีวาสนาเป็นเจ้าหญิงแต่กลับเป็นโรคอยากเป็นเจ้าหญิง

 

 

“อาเสวี่ยไม่มีอะไรที่ผมเห็นว่าไม่ดีแม้แต่นิดเดียวครับ” ขณะที่อีลั่วเสวี่ยกำลังจะตอบ ก็มีเสียงเฉวียนหมิงดังขึ้นมาจากข้างบน พอเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเขาเดินออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่ามองลงมาที่พวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

เฉวียนสือเห็นเช่นนั้นก็ร้องหึออกมาอย่างเย็นชา สีหน้าแย่ลงอีก

 

 

 

 

ตอนที่ 369 โยนโทสะไปที่อีลั่วเสวี่ย

 

 

ยิ่งเฉวียนหมิงคอยปกป้องอีลั่วเสวี่ย เฉวียนสือก็ยิ่งไม่พอใจเธอมากขึ้น

 

 

อีลั่วเสวี่ยเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกปวดหัว

 

 

เฉวียนหมิงมาอยู่ต่อหน้าปู่ของตน ก็ขมวดคิ้วแน่น “ปู่ครับ อยู่ดีๆ ทำไมถึงมาหาผม?” แม่ปู่จะอยู่ที่เมืองเอฟ แต่ที่ๆ ปู่อาศัยอยู่ค่อนข้างสงบเงียบห่างไกลผู้คน เหมาะแก่การพักฟื้น ดังนั้นปกติจะไม่มาที่นี่

 

 

บวกกับคฤหาสน์หลังนี้เฉวียนหมิงเป็นคนซื้อ เท่ากับเป็นบ้านเขาเอง ส่วนบ้านหลังเก่าเป็นที่ที่เขาอาศัยในวัยเด็ก

 

 

“หึ เจ้าหนู ที่พูดหมายความว่ายังไง คฤหาสน์ของแกไม่ต้อนรับปู่ใช่ไหม? หรือตั้งใจจะไม่ยอมรับปู่คนนี้แล้ว?” เฉวียนสือโกรธมาก กระแทกไม้เท้าในมือหลายที

 

 

เสียงพื้นหินอ่อนดังก้อง เหล่าเกามีสีหน้าจนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แล้วปล่อยสนามรบให้ปู่กับหลานคู่นี้

 

 

สองคนนี้หรือ ระยะนี้ถ้าไม่ทะเลาะกันก็คงจะผิดปกติ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงไปหน่อย

 

 

เฉวียนหมิงขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมปู่ของตนจึงบันดาลโทสะขนาดนี้ “ปู่ครับ วันนี้ปู่เป็นอะไรไป ใครยั่วให้ปู่โมโห?”

 

 

เขาพูดพลางดึงมืออีลั่วเสวี่ยให้นั่งลงบนโซฟา นายท่านผู้เฒ่าจ้องมองมือทั้งคู่ที่ประสานกันอยู่ แววตาราวกับจะดึงให้แยกออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกขัดสายตามาก

 

 

อีลั่วเสวี่ยย่อมรู้สึกเขินอายบ้าง โดยเฉพาะเวลานี้ ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรท้าทายความอดกลั้นของนายท่านผู้เฒ่า เธอค่อยๆ ดึงมือออก ประสานมือไว้บนหัวเข่า สองขาแนบชิดกันพิงข้างโซฟา

 

 

“ยังจะมีใคร ถ้าไม่ใช่เจ้าหนูอย่างแก ทั่วทั้งเมืองเอฟ มีสักกี่คนที่ที่กล้ายั่วโมโหฉัน?” สีหน้านายท่านผู้เฒ่าเย็นชา

 

 

เฉวียนหมิงดูเหมือนจะพอคาดเดาได้ลางๆ น่าจะเป็นเรื่องของบริษัท ปู่จึงโยนโทสะไปที่อีลั่วเสวี่ย

 

 

“งั้นหลานขอโทษท่านผู้เฒ่าตรงนี้เลย” เฉวียนหมิงเม้มริมฝีปากแล้วพูด

 

 

นายท่านผู้เฒ่าถลึงตาใส่อีลั่วเสวี่ย เสร็จแล้วหันมามองเฉวียนหมิง “ขอโทษ? วันนี้ดวงอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว เจ้าหนูอย่างแกรู้จักขอโทษด้วย”

 

 

หลานชายคนนี้ของเขา ก่อนนี้ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิด ไม่เคยขอโทษ แต่วันนี้เขายังไม่ทันพูดว่ายินยอม ก็ขอโทษออกมาแล้ว เปลี่ยนไปจริงๆ เปลี่ยนจนไม่รู้จักรับผิดชอบ

 

 

“เฉวียนหมิง แกจะยั่วให้ปู่โมโหจนตายจึงจะพอใจใช่ไหม เรื่องบริษัทปู่ยังไม่ได้คิดบัญชีกับแก แล้วเรื่องไหลย่ากรุ๊ป เป็นยังไงกันแน่ แกคิดว่าเงินบนโลกนี้ แกหาได้พอแล้วหรือ? หือ ทำไมถึงทิ้งการเข้าร่วมหุ้น เพราะเธอใช่ไหม?”

 

 

ถึงตอนนีสีหน้าเฉวียนหมิงเย็นชาเล็กน้อย “ปู่ครับ ปู่มอบบริษัทให้ผมบริหาร ผมย่อมมีวิธีทำกำไรได้ นี่เป็นการตัดสินใจของผมเอง ปู่อย่าคิดว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็เป็นความผิดของอาเสวี่ย เธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ครับ”

 

 

“ผายลม! ฉันได้ยินคนที่ไปงานบอก เป็นเธอที่บอกให้แกทิ้งการร่วมมือกับไหลย่ากรุ๊ป” ไหลย่ากรุ๊ปเป็นถึงบริษัทข้ามชาติ หลายคนอยากร่วมมือด้วยยังไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ

 

 

ตอนนี้โอกาสมาถึงประตูบ้านแล้ว กลับปล่อยทิ้งไป น่าโมโหจริงๆ

 

 

อีลั่วเสวี่ยขยับปากจะพูด แต่เฉวียนหมิงดึงมือเธอไว้ ตัวเขาพูดว่า “แต่ปู่ครับ คนที่ตัดสินใจคือผม ไม่เกี่ยวกับอาเสวี่ย หรือว่าตอนที่ปู่ตัดสินใจอะไร แค่คำพูดย่าคำเดียว ก็จะเปลี่ยนนโยบายหรือครับ?”

 

 

เขาไม่เคยพบย่าของตนเอง แต่เขารู้นิสัยปู่ของตนดี จึงใช้เหตุผลนี้มาโต้แย้ง

 

 

“แกนะแก!” นายท่านผู้เฒ่าโกรธจนไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร สายตาจ้องมาที่อีลั่วเสวี่ย

 

 

ทำไมต้องเป็นฉันอีกแล้ว อีลั่วเสวี่ยรู้สึกท้อใจ ตาแก่นี้จงใจหาเรื่องเดือดร้อนกับเธอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็โยนมาที่เธอ