ตอนที่ 102-3 ตายทั้งเป็น

จำนนรักชายาตัวร้าย

ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องขอแต่งงานอย่างสนุกสนานไปตลอดทาง จนกระทั่งเดินทางกลับถึงที่พัก ก็เห็นตี้อู่เฮ่ออีกำลังประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยฝึกเดิน

 

 

“ตอนนี้ดวงตาเจ้าเพิ่งฟื้นคืน จะใจร้อนไม่ได้ ให้มองไปที่ไกลๆ ห้ามจ้องมองดวงอาทิตย์โดยตรงเด็ดขาด!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวออกมาเป็นชุด ราวกับสามีก็ไม่ปาน

 

 

“ข้ารู้แล้วน่า บ่นมากเสียจริง จ้องมองดวงอาทิตย์โดยตรง เจ้าคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร”

 

 

หลังจากที่อวี้เฟยเยียนฝังเข็มรักษาดวงตาให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้ว ดวงตานางก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เพียงแต่ยังมองเห็นไม่ชัดเจน ยังต้องดื่มยาเพื่อรักษาร่างกายต่อไป

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีที่ได้ชมการฝังเข็มที่ยอดเยี่ยมของอวี้เฟยเยียนก็ถึงกับต้องยอมซูฮกทั้งกายและใจ

 

 

เพื่อที่จะได้ศึกษาการแพทย์อวี้เฟยเยียนให้มากขึ้น ในทุกวันตี้อู่เฮ่ออีก็จะอยู่เป็นเพื่อนเชียนเยี่ยเสวี่ย คอยจับตาดูความเป็นไปทุกอย่างของนาง ทั้งยังบันทึกอาการฟื้นฟูดวงตาของนางเอาไว้โดยตลอด

 

 

และทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยได้เห็นความมุมานะในการศึกษาวิชาแพทย์และอาการพูดมากของตี้อู่เฮ่ออี…

 

 

มีเสียงดังที่ข้างหูตลอดเวลา ราวกับหุ่นที่ตั้งค่าเอาไว้อย่างดีว่า เมื่อไหร่ทำอะไรบ้าง เมื่อไหร่กินอะไร เมื่อไหร่ดื่มอะไร ห้ามทำอะไร…

 

 

ในทุกวันตี้อู่เฮ่ออีจะเน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ พูดย้ำคำพูดพวกนี้

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยฟังจนหูชาไปหมด

 

 

เพราะมีอวี้เฟยเยียนคอยดูแล บวกกับร่างกายที่ฟื้นคืนมา ดังนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยผู้เย่อหยิ่งจึงกลับมาอีกครั้ง

 

 

แต่ทว่าเมื่อต้องมาเจอกับหนุ่มทึ่มจอมบ่น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รับไม่ไหวจริงๆ!

 

 

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”

 

 

ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวเช่นนี้ ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีก็หน้าแดงขึ้นมาทันที

 

 

“ยาดีแม้มีรสขมแต่รักษาโรคได้ฉันใด คำพูดที่จริงใจแม้ฟังขัดหูแต่มีประโยชน์ฉันนั้น นี่ข้าก็ปฏิบัติตามสิ่งที่แม่นางอวี้เขียนเอาไว้ให้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้านะ!”

 

 

ใบหน้าเรียวแสนจะเรียบร้อยที่แสดงความเด็ดเดี่ยวและดื้อรั้นของตี้อู่เฮ่ออีปรากฏแก่สายตาของเชียนเยี่ยเสวี่ยอย่างชัดเจน

 

 

ถึงแม้ว่านางจะไม่เห็นใบหน้านั้นชัดเจน แต่แก้มแดงๆ ของเขานางก็เห็นแจ่มแจ้ง

 

 

“พูดก็พูดไปสิ หน้าแดงทำไมกัน!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยบ่นพึมพำไม่หยุด

 

 

“ใครหน้าแดงกัน!”

 

 

เพียงแค่ร้อนรน ตี้อู่เฮ่ออีก็จะหน้าแดงทันที

 

 

แน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นความลับที่เขาเท่านั้นที่ล่วงรู้

 

 

มาตอนนี้ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยล่วงรู้เข้า ตี้อู่เฮ่ออีก็ยิ่งต้องหาวิธีการร้อยแปดมาปกปิด

 

 

“อธิบายก็คือปกปิด ปกปิดก็คือไม่ซื่อสัตย์…”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยเผยรอยยิ้มกับใบหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์ มันให้อารมณ์ที่แฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย

 

 

ก่อนหน้าที่ดวงตาทั้งสองข้างเชียนเยี่ยเสวี่ยขุ่นมัว ใบหน้าซีดขาว ถึงแม้ว่าจะเป็นสาวงามทว่ากลับดูไร้ซึ่งชีวิตชีวา

 

 

มาวันนี้ร่างกายนางฟื้นคืนสู่ภาวะปกติ ความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองปรากฏอยู่บนใบหน้า แลดูมีชีวิตชีวา ตี้อู่เฮ่ออีได้เห็นถึงกับตกตะลึงไปไม่น้อย

 

 

นางสวยจริงๆ!

 

 

เห็นตี้อู่เฮ่ออีตกตะลึงไป เชียนเยี่ยเสวี่ยก็สะบัดมือของเขาที่ประคองนางอยู่ออกไป

 

 

“ข้าเดินเองได้ ยังมีอีกนะ มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนสวยหรืออย่างไร!”

 

 

เห็นคนป่วยไม่ให้ความร่วมมือกับตน ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับปวดเศียรเวียนเกล้า

 

 

“ข้าไม่เคยเห็นสามงามที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจทำให้เป็นห่วงเช่นเจ้ามาก่อนนะสิ!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออียังคงดึงดันจับมือเชียนเยี่ยเสวี่ยเอาไว้

 

 

“ก่อนที่เจ้าจะกลับไปมองเห็นอะไรชัดเจนเฉกเช่นแต่ก่อน ข้าก็คือไม้เท้าของเจ้า!”

 

 

คราวนี้ ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงอารมณ์ขึ้นเลยทีเดียว

 

 

มาพบกับตาทึ่มจอมดื้อดึงเช่นเขา นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี!

 

 

ต่อสู้ อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

 

 

ด่า หมอนี่หน้าหนาไม่สะท้านสะเทือน แถมสุดท้ายยังยืนหยัดในความคิดของตนเองอีกด้วย

 

 

หัวโบราณจริงๆ เลย!

 

 

“พี่อวี้ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันเลยนะเนี่ย”

 

 

หนานกงจื่อหลิงขยับเข้าหาอวี้เฟยเยียนแล้วกระซิบแผ่วเบา

 

 

ถึงแม้ว่านางจะกล่าวเสียงเบาๆ แต่ตี้อู่เฮ่ออีและเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ยังคงได้ยิน

 

 

“ใครปลูกต้นรักกับหมอนี่(นาง) กันหา!”

 

 

สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน

 

 

เห็นอีกฝ่ายกล่าวคำพูดเช่นเดียวกับตนเอง คนทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน แล้วกล่าวขึ้นพร้อมกันอีกว่า

 

 

“เจ้าเลียนแบบข้าทำไมกัน”

 

 

“โอ้โห ใจตรงกันอีกด้วย เหมือนที่ข้าพูดไว้ไม่ผิด ความจริงอยู่เหนือการแก้ตัวเสมอ!”

 

 

“ข้ามิได้ใจตรงกันกับหมอนี่ (นาง) เสียหน่อย!”

 

 

ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันด้วยประโยคเดียวกันอีกครั้ง ทำเอาหนานกงจื่อหลิงหัวเราะด้วยความขบขันเป็นการใหญ่

 

 

“ยังจะบอกว่าใจไม่ตรงกันอีก พูดก็พูดเหมือนกัน พวกท่านใช้หัวสมองเดียวกันหรืออย่างไร”

 

 

“ไม่ใช่!”

 

 

ขนาดเป็นการปฏิเสธ แต่พวกเขาก็ยังเอ่ยปากออกมาพร้อมกัน ยิ่งพิสูจน์ว่าสิ่งที่หนานกงจื่อหลิงคิดนั้นเป็นความจริง

 

 

สุดท้าย เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงก้าวหนีออกไปเสียเลย

 

 

ใครจะคาดคิด นางก้าวเดินเร็วเกินไปจึงมิทันสังเกตเห็นว่าด้านหน้ามีหินก้อนใหญ่อยู่ นางจึงก้าวพลาดล้มเอียงไปด้านหน้า

 

 

“ระวัง!”

 

 

วินาทีที่เชียนเยี่ยเสวี่ยคิดว่าตนเองจะต้องล้มคะมำอย่างน่าอนาถแน่แล้วนั่นเอง จู่ก็มีเบาะรองมีชีวิตมารองร่างนางเอาไว้

 

 

เมื่อมองดูอีกครั้ง เบาะรองมีชีวิตนั้นก็คือตี้อู่เฮ่ออีนั่นเอง

 

 

“เจ็บ…”

 

 

หกล้มคราวนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย ทว่าสีหน้าตี้อู่เฮ่ออีกลับแสดงอาการเจ็บปวดอย่างมากจนเชียนเยี่ยเสวี่ยตกใจรีบชันกายลุกขึ้นทันที

 

 

“เจ้าทึ่ม ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

 

 

“ข้าไม่ใช่เจ้าทึ่ม!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกัดฟันกล่าวตอบ

 

 

“ข้าเจ็บเอวจังเลย เหมือนเพิ่งกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่…”

 

 

เขากล่าวยังมิทันจบ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลากเขาขึ้นมา จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่เอวด้านหลังของตี้อู่เฮ่ออีมีรอยเลือดดวงใหญ่ และหินก้อนใหญ่รูปสามเหลี่ยมที่พื้นด้านบนก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน

 

 

คราวนี้ อวี้เฟยเยียนไม่รอดูความสนุกสนานอะไรอีกแล้ว นางรีบจ้ำอ้าวเข้าไปช่วยเหลือทันที

 

 

“เร็ว! รีบประคองตี้อู่เฮ่ออีเข้าไปด้านใน ข้าจะตรวจอาการให้เขา หากบาดเจ็บที่เอวล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยร้อนใจขึ้นมาทันที

 

 

วินาทีนั้นนางถึงกับลืมเลือนไปว่าตนเองเป็นผู้หญิง นางอุ้มตี้อู่เฮ่ออีขึ้นมาด้วยท่าอุ้มองค์หญิง แล้วก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องทันที

 

 

เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงอุ้ม อีกทั้งยังถูกอุ้มในลักษณะเช่นนี้ ตี้อู่เฮ่ออีจึงได้แต่ตกตะลึง รอจนกระทั่งเชียนเยี่ยเสวี่ยวางเขาลงบนเตียง เขาจึงเริ่มหน้าแดงขึ้นมา

 

 

“เชียนเยี่ยเสวี่ย ข้าเป็นผู้ชาย!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวกับเชียนเยี่ยเสวี่ยเสียงอ่อย

 

 

ความหมายที่พูดก็คือ ข้าเป็นผู้ชาย ข้าเดินเองได้ อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะไว้หน้าข้าบ้าง!

 

 

“เอ่อ ขอโทษด้วย ข้าทำตัวเป็นผู้ชายมานาน ดังนั้นจึงลืมเลือนไปว่าตนเป็นสตรี!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยจับจมูกแก้ขัดเขิน ในขณะที่กล่าวตอบ

 

 

“ช่าช่า เจ้ารีบดูอาการให้ตาทึ่มนี่ทีว่าบาดเจ็บถึงอวัยวะภายในหรือไม่ หากว่าแทงไปถูกตับไตอะไรของเขาเข้า ข้าก็คงมีโทษมหันต์!”

 

 

ได้ยินคำพูดเช่นนั้น ตี้อู่เฮ่ออีก็แทบจะกระอักเลือดออกมา เขารีบกัดฟันกล่าวว่า

 

 

“ขอบคุณในความห่วงใย ไตของข้าไม่มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย แข็งแรงดีทุกประการ!”

 

 

บทสนทนาของคนทั้งสองความหมายลึกล้ำ อวี้เฟยเยียนที่ได้ฟังถึงกับกุมขมับ

 

 

พวกเจ้าทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันเรื่องความสำคัญของไตต่อเพศชาย มันเหมาะสมแล้วหรือ

 

 

ทว่า ในฐานะที่เป็นหมอ อวี้เฟยเยียนยังคงต้องรักษาอาการบาดเจ็บให้กับตี้อู่เฮ่ออีอย่างรวดเร็ว

 

 

กระทั่งตี้อู่เฮ่ออีถอดเสื้อผ้าออก เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยเห็นบาดแผลที่บริเวณเอวซ้ายของตี้อู่เฮ่ออีแล้ว นางถึงกับเงียบลงไปถนัดตา หากมิใช่ตี้อู่เฮ่ออีมารองเอาไว้ละก็ คนที่บาดเจ็บก็คือนาง!

 

 

“เป็นอะไรไปหรือ”

 

 

เห็นอวี้เฟยเยียนขมวดคิ้ว ในใจเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ร้อนรนขึ้นมาทันที

 

 

“บาดแผลใหญ่ ต้องทำการเย็บแผล…”

 

 

ว่าแล้วอวี้เฟยเยียนก็เร่งรีบตระเตรียมเข็ม ด้าย เหล้าดีกรีร้อนแรง น้ำร้อน และขณะที่อวี้เฟยเยียนกำลังจะลงมือนั่นเอง ตี้อู่เฮ่ออีสีหน้าหวาดกลัวกล่าวขึ้นกับอวี้เฟยเยียนว่า

 

 

“แม่นางอวี้ ข้ากลัวเจ็บที่สุด ไม่เช่นนั้นเจ้าทำให้ข้าสลบไปเถอะ!”

 

 

เป็นหมอพบเจอกับความเป็นความตายมานักต่อนัก แค่นี้เขากลับกลัวเจ็บ

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับได้เปิดหูเปิดตา

 

 

ทว่าสีหน้าของตี้อู่เฮ่ออีดูไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำ อีกทั้งที่หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบริเวณไรผมมากมายจนชุ่ม ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้สึกผิดไม่น้อย

 

 

“เจ้าทึ่ม ขอโทษด้วยนะ ทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บ รอให้เจ้าหายดีก่อน ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง!”

 

 

“อย่าพึ่งพูดมากอะไรตอนนี้เลย เร็วเข้า ต่อยข้าสักหมัดเอาให้สลบเลยนะ ข้าขอบคุณเจ้าล่วงหน้าเลย!”

 

 

คำพูดตี้อู่เฮ่ออี สามารถทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง

 

 

“กินไอ้นี่เสีย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนส่งยาเม็ดหนึ่งให้กับตี้อู่เฮ่ออี

 

 

สำหรับอวี้เฟยเยียนเขาไม่มีลังเลแม้แต่น้อย ตี้อู่เฮ่ออีอ้าปากกินยานั้นเข้าไปทันที

 

 

“นี่มันยาอะไร รสชาติแปลกประหลาดยิ่งนัก…โอ๊ย ใครจั๊กจี้ข้า”

 

 

เห็นตี้อู่เฮ่ออีเริ่มออกอาการปัญญาอ่อน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็แตะที่ไหล่ของเขาเบาๆ ให้เขาหันมามอง ว่าอวี้เฟยเยียนกำลังลงมือเย็บแผลให้กับเขาอยู่ แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยรู้สึกเหมือนมดกัดอย่างไรอย่างนั้น มันคันยุบยิบ!

 

 

ที่แท้แล้วยาเมื่อครู่ก็มีประโยชน์!

 

 

“แม่นางอวี้ หากเจ้ามีเวลาไปเป็นแขกที่เผ่าตานของข้าเถอะ! เผ่าตานเรายินดีต้อนรับเจ้ามากแน่ๆ!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนลึกลับยากจะคาดเดายิ่งนัก วิชาแพทย์นางช่างสูงส่ง หากไปเยี่ยมเยือนที่เผ่าตานละก็จะต้องเป็นแขกกิตติมศักดิ์อย่างแน่นอน

 

 

“ได้สิ! หากข้ามีเวลาจะต้องไปเยี่ยมเยือนเจ้าแน่!”

 

 

อวี้เฟยเยียนตั้งใจเย็บแผลให้อย่างดีที่สุด สุดท้ายยังทำแผลให้กับเขาด้วยความระมัดระวังอีกด้วย

 

 

“หลังจากนี้เจ็ดวันตัดไหม ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ห้ามอาบน้ำ ห้ามออกกำลัง ยังมีอีก…”

 

 

อวี้เฟยเยียนมองไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

“เขาดูแลเจ้ามาตั้งนาน ตอนนี้ถึงคราวเจ้าดูแลเขาบ้าง!”

 

 

คราวนี้ไม่เพียงแต่เชียนเยี่ยเสวี่ย แม้แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็งงงวยไปตามๆ กัน

 

 

ให้เชียนเยี่ยเสวี่ยดูแลเขา

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีไม่วางใจในเชียนเยี่ยเสวี่ยแม้แต่น้อย!

 

 

“แม้แต่ตัวเองนางเองยังดูแลได้ไม่ดีเลย…”

 

 

เมื่อได้ยินตี้อู่เฮ่ออีกล่าวเช่นนี้ แฝงความหมายดูถูกตนอย่างมาก เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ตัวตั้งตรงอกผายไหล่ผึ่ง

 

 

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ช่าช่า เรื่องดูแลเจ้าทึ่มนี่ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะต้องทำมันให้ดี!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยให้การรับรองเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็วางใจ ในตอนนั้นเองที่เชียนเยี่ยเสวี่ยพึ่งจะค้นพบว่า เมื่อครู่ตนเองใจร้อนเกินไปนางอุ้มตี้อู่เฮ่ออีมาไว้บนเตียงในห้องของตัวเองเสียนี่

 

 

ตอนนี้ตี้อู่เฮ่ออีนอนอยู่บนเตียงนาง แล้วคืนนี้นางจะนอนอย่างไรกัน!