ตอนที่ 145 ก่อความวุ่นวายในจวนอ๋องฉี

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

พ่อบ้านรู้ตัว จึงโบกมือให้คนใช้ออกไปและตัวเองก็ออกไปด้วย ปิดประตูห้องโถงอย่างเบามือแล้วเฝ้าอยู่ด้านนอกด้วยตัวเอง

 

 

เฮ่อเหลี่ยนคุกเข่าต่อหน้าเฮ่อจางแล้วพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “ท่านพ่อ ข้าเกรงว่าน้องรองไม่ได้ตายเพราะโรคร้าย แต่ตายเพราะถูกอ๋องฉีวางยา”

 

 

เฮ่อจางตาเบิกโพลงในทันใด ตวาดถามด้วยเสียงเข้ม “มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ บอกความจริงมา”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนไม่กล้าปิดบัง ก็เลยเอาเรื่องที่เขาตกลงกับพระชายารองว่าจะวางยาเสียสาวให้กับฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งเชี่ยนโยว หวังให้พวกเขานั้นมีอะไรกัน เพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

ฟังเขาเล่าเสร็จ เฮ่อจางโมโหจนตาโตแล้วชี้นิ้วก่นด่าเฮ่อเหลี่ยน “ไอเจ้าโง่ เรื่องที่มันชัดเจนขนาดนี้ต่อให้อ๋องฉีโง่กว่านี้ก็เดาได้ว่าอีเอ๋อร์เป็นคนทำ นี่ไม่เท่ากับส่งนางไปตายงั้นหรอกหรือ”

 

 

“ท่านพ่อ” ตอนนี้เฮ่อเหลี่ยนก็เสียใจเป็นอย่างมาก “ในตอนแรกที่น้องสาวปรึกษาข้า พอนึกถึงไอเดรัจฉานคนนั้นที่ทำร้ายข้า มันก็ทำให้ข้ากลายเป็นคนไร้มนุษยธรรมขึ้นมาทันที เกิดความเคียดแค้นขึ้นในใจ เมื่อข้าใจร้อน จึงตอบตกลงนางไป หลังจากเรื่องนั้นจบลงข้าก็ได้ให้คนไปจัดการฆ่าปิดปากคนใช้สองคนนั้นที่เป็นคนทำ ข้าคิดว่าไม่น่าพลาด แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ยังมีช่องโหว่เกิดขึ้น จนทำให้น้องสาวต้องตาย”

 

 

เฮ่อจางโมโหจนมือสั่นไปยิ่งกว่าเดิม “ไม่ใช่ว่าข้าเคยเตือนเจ้าแล้วหรือว่าอย่าเพิ่งไปเป็นศัตรูกับไอเดรัจฉานนั่น รอให้ข้าหาวิธีฆ่ามันให้ได้ก่อนแล้วค่อยลงมือ ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อฟังคำสั่งข้า เจ้านี่มัน…”

 

 

เฮ่อจางโมโหจนพูดไม่ออก ลูกตัวเองทั้งสามคน เฮ่อเหลี่ยนคือลูกชายคนโต แต่กลับไม่ได้ความสามารถของตนไปเลย นอกเสียจากหยิ่งยโสโอหัง และอาศัยบารมีของจวนมหาเสนบาดีไปคุยโวโอ้อวดกับคนภายนอกแล้ว ก็เป็นเพียงแค่คนไม่เอาไหนเท่านั้น ลูกสาวคนที่สองหน้าตาสวยงามเพรียบพร้อม ใจเย็นและเป็นคนมีความคิด นางได้ถูกฮ่องเต้ในปัจจุบันเลือกให้เข้าไปในวัง มีเพียงลูกสาวคนที่โตเหลียนอีเท่านั้นที่ฉลาดและมีมารยาทดี เป็นที่รักใคร่ของผู้คน จนกระทั่งปีนั้น อ๋องฉีได้มีพระชายาหลวง เห็นนางเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาจึงมีความคิดให้นางไปเป็นนางสนม ในตอนนั้นเขาคิดว่า อาศัยความสามารถของลูกสาว ไปการจัดการกับหญิงที่ป่วยออดๆ แอดๆ คนนั้นคงไม่ยาก ไม่คิดเลยว่าแม้แต่โชคชะตาและสวรรค์ก็ยังช่วยพวกเขา ในทุกๆ การลอบฆ่าก็รอดพ้นจากความตายมาได้ตลอด จนกระทั่งทิ้งปัญหาไว้ ทำให้ลูกสาวถูกฆ่า เฮ่อจางไม่ยินยอมและคิดว่ามีเหตุผลอะไรที่ลูกสาวเขาต้องตาย แม่ลูกสารเลวคู่นั้นยังใช้ชีวิตสุขสบายอยู่เลย

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฮ่อจางก็ลุกขึ้น เช็ดคราบเลือดที่มุมปาก กลับไปมีทีท่าที่เยือกเย็นเหมือนก่อน แล้วกำชับเฮ่อเหลี่ยนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เรียกทหารหนึ่งร้อยนายตามข้าไปที่จวนของอ๋องฉีเพื่อทวงคืนความเป็นธรรม”

 

 

พูดจบ ก็รีบเดินไป

 

 

เฮ่อเหลี่ยนรีบลุกขึ้นตามไป แล้วกำชับพ่อบ้านให้เรียกทหารของจวนอ๋องฉี

 

 

พ่อบ้านรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

เฮ่อจางไม่นั่งเกี้ยว นำทหารร้อยนายที่ท่าทางน่าเกรงขามมาจนถึงจวนของอ๋องฉี

 

 

หน้าประตูจวนของอ๋องฉีมีธงขาวแขวนอยู่ ขุนนางที่ทราบเรื่องแล้วต่างก็พาครอบครัวมาเคารพศพ หน้าประตูจวนของอ๋องฉีมีเกี้ยวจอดอยู่เต็มไปหมด เมื่อเห็นว่าเฮ่อจางนำคนมาตั้งมากมาย นายประตูดูท่าแล้วไม่ใช่เรื่องดี รีบวิ่งเข้าไปข้างในอย่างร้อนเพื่อไปรายงาน

 

 

เฮ่อจางและเฮ่อเหลี่ยนนำทหารหนึ่งร้อยนายเข้าจวนของอ๋องฉี

 

 

ขุนนางที่มาเคารพศพเห็นเฮ่อจางที่ดูเศร้าหมองและไม่ค่อยน่าเข้าใกล้เท่าไหร่ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปทักทายและทำเป็นมองไม่เห็น พอทักทายพ่อบ้านของจวนอ๋องฉีแล้วก็รีบออกมาจากจวน ดูท่าแล้วการตายของสนมของอ๋องฉีจะไม่ปกติ ตำแหน่งตัวเองค่อนข้างต่ำ เช่นนั้นแล้วก็อย่าไปสงสัยเลยว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียตำแหน่งขุนนางไป

 

 

เฮ่อจางนำคนไปที่ที่ตั้งศพ เหล่าขุนนางที่ไปเคารพศพต่างพาคนของตนออกไปโดยมิได้นัดหมาย สาวใช้ในเรือนพระชายารองคุกเข่าข้างๆ ศพด้วยความเจ็บปวด และหวงฝู่อวี้ก็คุกเข่าอยู่ข้างหน้าศพ

 

 

เฮ่อจางเดินไปหน้าที่วางศพ เมื่อเห็นเฮ่อเหลียนอีนอนอยู่บนเตียงวางศพ ในใจเจ็บปวดรวดร้าวจนกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เฮ่อเหลี่ยนแกล้งทำเป็นเอาแขนเสื้อเช็ดที่ชายเสื้อแล้วพูดอย่างเจ็บปวดและมีความหมายแฝงว่า “น้องสาวพี่ พี่จะไม่ให้น้องต้องตายเปล่า”

 

 

ทหารร้อยนายคุกเข่าลงแล้วคำนับต่อหน้าศพโดยพร้อมเพรียงกัน

 

 

หวงฝู่อวี้ร้องไห้จนเสียงแหบและร้องเรียกทั้งน้ำตา “ท่านตา ท่านลุง”

 

 

มองดูหวงฝู่อวี้ที่ไร้เรี่ยวแรงที่ตรงหน้า ท่านมหาเสนบาดีเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ถาม “อวี้เอ๋อร์ เสด็จแม่ของเจ้าตายได้อย่างไร” หลายปีมานี้หวงฝู่อวี้เรียกพระชายารองว่าเสด็จแม่ จนเขาได้ลอบสังหารเมิ่งเชี่ยนโยว หลังถูกหวงฝู่อี้เสวียนลงโทษอย่างหนัก ถึงได้แก้ไขกฎภายในจวน ให้เขาเรียกแม่ ท่านมหาเสนบาดีกลับไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นถึงได้ถามเช่นนี้

 

 

หวงฝู่อวี้ที่ตาบวมแดงพูดด้วยความสะอึกสะอื้นว่า “ท่านตา แม่ข้ายินดีที่จะตาย ท่านไม่ต้องถามอันใดแล้ว” คำพูดของเฮ่อเหลี่ยนได้รับการพิสูจน์และยืนยันแล้ว เฮ่อจางจึงโกรธมากและตะโกนด้วยความโกรธว่า “อ๋องฉีท่านวางแผนลอบฆ่าลูกสาวข้า วันนี้ถ้าข้าไม่ได้ฟังคำอธิบายจากปากท่าน ก็จะไม่ยอมเลิกราเป็นอันขาด”

 

 

นายประตูได้วิ่งไปรายงานหวงฝู่อี้เสวียนเรื่องเฮ่อจางและเฮ่อเหลี่ยนได้นำคนท่าทางน่าเกรงขามมาที่นี่

 

 

หวงฝู่อี้เสวียนรู้แล้วก็ไม่ได้อะไร สั่งคนใช้รายงานเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทราบ แล้วให้เสด็จพ่อออกหน้าจัดการเอง เรื่องนี้เขาจะไม่ก้าวก่าย

 

 

บ่าวตอบรับ และไปที่เรือนของอ๋องฉีแล้วรายงานอย่างกล้าๆ กลัวๆ

 

 

ในจวนไม่มีเสียงตอบกลับ

 

 

บ่าวรออยู่อย่างเงียบๆ เป็นเวลานานกว่าในจวนจะมีคำสั่งของอ๋องฉีออกมาว่า “พาท่านมหาเสนบาดีไปที่ห้องรับแขก เดี๋ยวข้าตามไป”

 

 

คนใช้ตอบรับแล้ววิ่งไปรายงานพ่อบ้าน

 

 

พ่อบ้านบอกกับเฮ่อจางว่า “ท่านมหาเสนบาดีขอรับ ท่านอ๋องเชิญท่านไปที่ห้องรับแขก”

 

 

เฮ่อจางนิ่งเฉยแล้วตอบว่า “มีเรื่องอันใดก็พูดต่อหน้าศพลูกสาวข้า นางตายเพราะโดนใส่ร้าย วันนี้ข้าต้องล้างแค้นต่อหน้านางให้ได้”

 

 

นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ พ่อบ้านไม่ลังเลที่จะรีบไปที่จวนอ๋องฉีด้วยตัวเองแล้วนำคำพูดของเฮ่อจางไปบอกโดยไม่ตกหล่นสักคำ

 

 

สักพักหนึ่งในจวนถึงมีเสียงดังออกมา อ๋องฉีเปิดประตูแล้วเดินออกมา เดินมุ่งไปที่ที่ตั้งศพโดยไม่ปริปากพูดสักคำ ผู้ดูเดินตามหลังไปติดๆ

 

 

เห็นทหารหนึ่งร้อยนายของจวนท่านมหาเสนบาดีที่ท่าทางน่าเกรงขามยืนอยู่ด้านนอกที่ตั้งศพ อ๋องฉียิ้มมุมปากและออกคำสั่งเสียงดังว่า “เข้ามาสิ จะได้เอาไอพวกไม่รู้ที่ต่ำสูงนี้ออกไป”

 

 

พอทหารหนึ่งร้อยนายของเฮ่อจางเข้าไป ทหารจวนของอ๋องฉีก็ล้อมกันเข้ามา จ้องพวกเขาตาเขม็ง แต่ไม่มีคนออกคำสั่ง พวกเขาจึงไม่กล้าทำอันใด พอตอนนี้อ๋องฉีออกคำสั่งแล้ว ทหารของจวนอ๋องฉีก็ไม่เกรงใจผู้ใด ถืออาวุธพุ่งเข้ามา

 

 

เดิมทีทหารของอ๋องฉีนั้นเก่งกว่า บวกกับคนเยอะกว่า ทหารที่เฮ่อจางนำมาหนึ่งร้อยนาย เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกจัดการออกไปนอกจวนเหมือนกับหมาไร้เจ้าของ

 

 

เห็นอ๋องฉีไม่ไว้หน้าเช่นนี้ เฮ่อจางโมโหจนเกือบจะอาเจียนเป็นเลือดแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ท่านอ๋อง ท่านอย่ารังแกคนให้มากนักเลย”

 

 

อ๋องฉีก้าวเดินอย่างช้าๆ เข้าไปที่ที่ตั้งศพ เขาไม่มองเฮ่อเหลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เดินตรงมาที่หน้าเฮ่อจาง “ท่านมหาเสนบาดี ก่อนที่เหลียนอีจะตาย ข้าได้รับปากนางไว้ ถ้าหากจวนท่านมหาเสนบาดีทำสิ่งที่ไม่ควรทำต่อจวนของข้า เรื่องในอดีตข้าจะไม่ถือสา แต่หลังจากนี้ก็จะไม่ไปมาหาสู่กันอีก ถ้าหากพวกท่านยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ ในอดีตท่านเคยทำอันใดไว้ ท่านรู้อยู่แก่ใจ”

 

 

เฮ่อจางโดนตอกหน้าหงายไป ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่เฮ่อเหลี่ยนกลับทนไม่ไว้ตะโกนออกมาว่า “พวกข้าเคยทำอันใด ท่านมีหลักฐานงั้นหรือ ถ้าไม่มี ก็อย่ามาใส่ร้ายพวกข้า”

 

 

อ๋องฉีดูถูกเฮ่อเหลี่ยนคนไร้ค่ามาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนนั้นเห็นแก่หน้าพระชายารอง เลยไว้หน้าเขาอยู่บ้าง เวลามาจวนก็นั่งคุยเล่นเป็นเพื่อน ตอนนี้แม้แต่นางสนมเขาก็เกลียดเข้ากระดูกดำ แล้วจะให้เกรงใจเฮ่อเหลี่ยนได้อย่างไรกัน เขาตอบกลับด้วยความเย็นชาว่า “ข้าจะสอบสวนและลงโทษเจ้า เจ้ายังต้องการหลักฐานอีกหรือไม่”

 

 

ตอนนี้เฮ่อเหลี่ยนเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง อย่าพูดถึงเรื่องมีหรือไม่มีหลักฐานเลย ต่อให้ไม่มี หากอ๋องฉีต้องการสังหารเขา ก็ไม่มีใครกล้าเห็นต่าง พออ๋องฉีพูดออกมาเช่นนั้น เฮ่อเหลี่ยนก็เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที

 

 

เฮ่อจางในวันปกติก็ถูกขุนนางบุ๋นบู๊เป็นร้อยประจบประแจงอยู่แล้ว ทุกวันนี้แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไว้หน้าเขา แต่ตอนนี้อ๋องฉีไม่มีความเกรงกลัวที่ฉีกหน้าเขาเลยสักนิด ในใจนั้นก็จะต้องโกรธเป็นธรรมดาแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ท่านมีอำนาจ แต่ท่านไม่มีโฉมหน้าที่แท้จริงหรือ”

 

 

 

 

 

อ๋องฉีมองไปที่เขาด้วยความชะล่าใจแล้วพูดว่า “ท่านมหาเสนบาดีกำลังท้าทายอำนาจข้างั้นหรือ ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามข้าพร้อมให้ท่านท้าทายด้วยเสมอ”

 

 

เฮ่อจางโดนตอกหน้าหงายอีกครั้ง ในอดีต เป็นเพราะตำแหน่ง อ๋องฉีจึงต้องทำเป็นเคารพนับถือเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา และไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเขามาก่อน แต่วันนี้กลับไม่ไว้หน้ากันแล้ว เฮ่อจางที่ท่าทางโมโหมากพูดอย่างไปไม่เป็นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องก็จงฟังไว้ให้ดี นับแต่นี้จวนมหาเสนบาดีกับจวนอ๋องฉีเป็นอันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อีกแล้ว”

 

 

อ๋องฉีไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย พูดด้วยความเย็นชาว่า “ตามใจท่านเถิด ข้าพร้อมต่อกรกับท่านจนถึงที่สุดในทุกเมื่อ”

 

 

ฝั่งหนึ่งก็เสด็จพ่อ อีกฝั่งหนึ่งก็ท่านตา หวงฝู่อวี้ฟังคำพูดของพวกเขาแล้วคุกเข่าต่อหน้าทั้งสองคน พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เสด็จพ่อ ท่านตา แม่ข้าพึ่งตายไป พวกท่านก็มาทะเลาะกันต่อศพนาง แม่ข้าจะจากไปอย่างไม่สงบ ข้าขอร้องพวกท่าน ได้โปรดอย่าตั้งตัวเป็นศัตรูกันเลยเสียดีกว่า”

 

 

เฮ่อจางพูดอย่างโมโหว่า “อวี้เอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าแม่เจ้าไม่ได้ตายเพราะโรคร้าย แต่ถูกวางยา เจ้าจะให้ข้ารับเรื่องนี้ลงได้อย่างไร”

 

 

อ๋องฉียอมรับตรงๆ ไม่เลี่ยงเลยสักนิดแล้วพูดว่า “การกระทำของเหลียนอี ก็เหมือนกับการโยนนางลงไปในสุสานเพื่อให้อาหารสุนัขอย่างไรอย่างนั้น ข้าให้นางตายอย่างมีเกียรติ และรักษาหน้าตาของจวนมหาเสนบาดี ข้าไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้ากลับยังไม่สนใจ แล้วจะมาโทษข้าว่าไม่ไว้หน้าไม่ได้”

 

 

“ได้ วันนี้ท่านก็พูดให้ชัดเจนต่อหน้าอวี้เอ๋อร์และอีเอ๋อร์ แท้จริงแล้วนางทำผิดอันใด ท่านถึงวางยานาง ขอเพียงท่านบอกเหตุผลที่อีเอ๋อร์สมควรตาย ข้าจะนำทหารกลับ และนับจากนี้ไปจะไม่มาเหยียบที่จวนของท่านและจะไม่ถามไถ่เรื่องอันใดในจวนของท่านอีก ถ้าไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ต่อให้ต้องตายกันไปข้าง ข้าก็จะล้างแค้นให้อีเอ๋อร์ให้ได้”

 

 

คนใช้ในจวนคุกเข่าอยู่รอบๆ ที่ตั้งศพเต็มไปหมด

 

 

อ๋องฉีที่ถูกวางยาเป็นหมัน นี่เป็นเรื่องน่าอับอายของอ๋องฉี เรื่องแบบนี้คนใช้จะกล้าพูดออกไปได้อย่างไร

 

 

อ๋องฉีไม่ได้พูดอันใด เฮ่อจางเริ่มมีความมั่นใจแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง เอาหลักฐานออกมาสิ ท่านไม่พูดหมายความว่าอย่างไร”

 

 

อ๋องฉีอ้าปากเมือนจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

 

เฮ่อจางกำลังจะพูด หลิงหลงก็หยิบสมุดด้วยความว่องไว หลังจากโค้งแสดงความเคารพอ๋องฉีแล้ว ก็เอาของที่อยู่ในมือให้อ๋องฉีแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ซื่อจื่อบอกว่านี่คือหลักฐานการตายของนางสนม ซื่อจื่อยังบอกอีกว่าถ้าหากท่านมหาเสนบาดีไม่อยากเสียผู้สืบทอดเชื้อสายล่ะก็ ให้รีบไสหัวออกไปจากจวนอ๋องฉี”

 

 

อ๋องฉีแปลกใจมาก

 

 

เฮ่อจางโมโหจนเลือดขึ้นหน้า โมโหจนลุกขึ้นมา

 

 

อ๋องฉีหยิบสมุดมา พอเปิดดูก็ต้องหรี่ตาทันที แล้วหันกลับไปจ้องที่เฮ่อเหลี่ยน สายตาคู่นั้นประหนึ่งใครจะแทงเขาให้ตายอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เฮ่อเหลี่ยนตัวสั่นเพราะรับความดุดันจากสายตาคู่นั้นไม่ไหว

 

 

อ๋องฉีขว้างสมุดใส่เฮ่อจางแล้วพูดว่า “ท่านมหาเสนบาดีลองดูให้ดีๆ ลูกชายและลูกสาวของท่านร่วมมือกันทำเรื่องอันใดไว้ แค่นี้ก็พอให้สังหารทั้งตระกูลแล้ว”

 

 

ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเฮ่อจางเช่นนี้ เขาโกรธมาก ไม่สนใจสมุดที่หล่นอยู่บนพื้นเลยสักนิด ตาจ้องเขม็งไปที่อ๋องฉีแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ”

 

 

หึ อ๋องฉีตอบกลับด้วยความเย็นชา

 

 

แต่ไหนแต่ไรหวงฝู่อวี้ไม่เคยเห็นอ๋องฉีโมโหขนาดนี้ก่อน รู้ได้ด้วยตัวเองว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ เขาโค้งตัวลงไปหยิบสมุดขึ้นมาส่งให้เฮ่อจางแล้วพูดว่า “ท่านตา ท่านลองดูหน่อยเถอะ”

 

 

 เฮ่อจางรับสมุดมาแล้วเปิดดู ดูแค่แวบเดียว หน้าก็ออกอาการ หลังจากกดูจนจบสีหน้าก็เปลี่ยนไป แล้วเขาก็เขวี้ยงสมุดใส่หน้าเฮ่อเหลี่ยนแล้วพูดว่า “ไอลูกไม่รักดี เจ้าเป็นคนทำเรื่องเหล่านี้หรือ”

 

 

เฮ่อเหลี่ยนถูกทุบด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่กล้าร้องส่งเสียง รีบหยิบสมุดที่หล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมา พอเปิดดูก็ถึงกับตกตะลึงจนเหงื่อแตกพลั่ก เดิมทีสิ่งที่เขียนอยู่ในสมุดเล่นนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่เขาและนางสนมลักลอบปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง วันเดือนปีไหน ให้ใครเท่าไหร่บ้าง ไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย

 

 

ดูท่าทางเขาแล้ว เฮ่อจางยังมีอะไรไม่เข้าใจอีกหรือ การลักลอบปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงนั้นมีโทษประหารมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ถ้าหากอ๋องฉีนำเรื่องนี้ไปรายงานฮ่องเต้ให้ทราบ อย่าว่าแต่ชีวิตลูกสาวตัวเองตายเปล่าเลย ชีวิตของเฮ่อเหลี่ยนก็จะรักษาไว้ไม่ได้ แม้กระทั่งจวนมหาเสนบาดีก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านมหาเสนบาดีก็จะไม่มีผู้สืบทอดเชื้อสายจริงๆ แล้ว