ใครบางคนตะโกนขึ้นกลางอากาศ

” พี่ใหญ่ พวกเราอาจจะต้องสังหารทุกคนและไปเอาหน้าไม้เหล่านั้นมา  คนเหล่านี้คุ้มกันหน้าไม้เหล่านั้นอยู่  แล้วหน้าไม้มิอาจลอยไปในท้องฟ้าได้ มิใช่หรือ ? “

ร่างที่ปกคลุมด้วยแสงสีฟ้าตะโกนขึ้น  ประกายแสงสีฟ้าของกระบี่ของเขาส่องสว่างไปไกลถึงสามเมตร  การปรากฏตัวของคนผู้นั้นทำให้เกิดเสียงโหยหวน  คนผู้นี้ฝ่าเข้าไปในฝูงชนและเปิดเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดเพื่อให้ตัวเขาผ่านไป  จากนั้นเขาสังสารผู้คนเพื่อเข้ามาสู่ใจกลางสนามรบ

 

ฉางชุ้นเซี่ยวตะโกนลั่น

” ทุกคน ล้อมพวกมันไว้ !  รวมตัวกันและแปรขบวนถังเหล็กไปสังหารพวกมัน !  ขัดขวางศัตรู !”

ทุกคนตอบกลับ และมุ่งไปข้างหน้า  เสียงสังหารเล็ดลอดออกมาจากทุกทิศทางขณะที่ราชองครักษ์มุ่งหน้าเข้าใกล้ใจกลางการต่อสู้  พวกเขามิอาจเทียบชั้นกับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสามคนนี้ได้ แต่พวกเขาค่อยๆทำให้ตำแหน่งของพวกเขาคงที่  “

 

เสียงถอนใจเบาๆดังออกมาจากยอดไม้  อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดเห็นได้

 

คุณชายน้อยจวินหลบซ่อนอยู่บนต้นไม้นั้น

 

จวินโม่เซี่ยผงกหัวต่อเนื่องขณะที่เขาเฝ้ามองการต่อสู้  สามผู้นั้นสังหารทุกคนโดยไร้เหตุผล  นี่ทำให้เขาไร้วาจา

พวกเขาเป็นโจรมือสมัครเล่น !  ข้าไม่รู้ว่าเรื่องไร้สาระอันใดที่ยอดปรมาจารย์เล่ยวูเบ้ยสั่งสอนพวกเขา !

 

ชัดเจนว่าจวินโม่เซี่ยรู้ว่าชายชุดดำเหล่านี้เป็นศิษย์ที่เหลืออยู่ของ เล้ยวูเบ้ย

 

ในที่สุดเขาก็รู้จักพวกเขา

 

พวกเขาทั้งสามมีโอกาสผิดพลาดสูงกว่าจักสำเร็จ !

มีค่าอันใด !

 

โจรมาถึงอย่างเงียบเฉียบและโจมตีหนึ่งหน  แต่ ไม่คาดว่าพวกเจ้าจักคิดว่าการเอ่ยวาจาบางอย่างจักสำคัญกว่าการโจมตี … !

 

สิ่งนี้ทำให้จวินโม่เซี่ยไร้วาจา

 

ทั้งหมดนี่ไร้สาระ !

 

สิ้นหวังสำหรับแผนการปล้นของพวกเจ้า  แต่เจ้ายังรบกวนแผนการอันสมบูรณ์แบบของคุณชายน้อยผู้นี้ !  เสียเงินเปล่า !  เสียแรงเปล่า !

โชคดี เล่ยเจียนฮ้ง มิได้เอ่ยว่า

” ภูผานี้เป็นของข้า และข้าปลูกต้นไม้เหล่านี้  เช่นนั้นเจ้องต้องจ่ายค่าผ่านทาง ”

หรืออันใดคล้ายสิ่งนี้  นอกจากนั้น นั่นทำให้มือสังหารจวินหงุดหงิดจนมิอาจหาเหตุผลได้ และทำให้เขาเขาหัวทิ่มลงจากต้นไม้

 

จวินโม่เซี่ยนำหน้ามาก่อน และนำองครักษ์ของเขามาที่นี่ก่อนหนึ่งวัน พวกเขาขุดหลุมและฝังตัวเองเอาไว้  ความจริง จวินโม่เซี่ยได้แจกจ่ายยาให้พวกเขาแต่ละคน ยาตัวนี้สามารถสกัดกลิ่นไอของพวกเขาได้  คนนับสองร้อยได้ซ่อนตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่ในป่าใกล้ๆ  แน่นอนว่า พวกเขาได้ขุดอุโมงไว้ และหลบซ่อนตัวอยู่ในตอนนี้  พวกเขาเริ่มจู่โจมสายฟ้าแลป ในขณะที่กองคาราวานเข้าสู่วงล้อม  พวกเขายึดสิ่งของและหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

 

สามคนนี้โจมตีกองราคาวานก่อนที่มันจักเคลื่อนเข้าสู่วงล้อมของข้า !

 

เจ้าชั่วพวกนี้ทำให้ข้าพูดไม่ออก

 

จวินโม่เซี่ยรีบกระจายข่าวไปยังคนของเขาในทันที  เขาบอกให้พวกเขาเงียบและยังมิต้องเคลื่อนไหว  อย่างแรกพวกเขาจักต้องเฝ้าดูผลของการต่อสู้ก่อน  เขาวิเคราะห์สถานการณ์ …

ชัดเจนว่าทั้งสองคนนั้นทรงพลัง มิเป็นการง่ายที่จักจัดการพวกเขา  ยิ่งไปกว่านั้น นี่จักกลายเป็นการต่อสู้ที่มีแต่ชัยชนะ  ข้าจักคิดหาแผนการใหม่

 

ในตอนที่จวินโม่เวี่ยกำลังคิดถึงสิ่งนี้ … เล่ยเจียนฮ้ง มุ่งไปข้างหน้าและทำเสียงนกหวีด  ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบดังก้องขึ้น  กลุ่มคนชุดดำและสวมหน้ากากพุ่งเข้าร่วมการต่อสู้ในคราวเดียว  ทั้งสองฝ่ายล้มเหลวในการแก้ไขการขัดแย้งนั้นทันที

 

คนผู้นี้ องครักษ์สวรรค์พิโรจ ฉางชุ้นเซี่ยว ถูกฝ่ามือปะทะเข้าใส่หน้า  เขากระอักเลือดทางปากขณะกระเด็นถอยหลังไป  อย่างไรก็ตาม เขายื่นมืออกไปข้างหลัง และดึงจรวดไฟออกมาจากเข็มขัดด้านหลัง  จากนั้นยิงมันขึ้นไปบนท้องฟ้า  ทันใดนั้นเสียง ตู้มดังขึ้นให้ได้ยิน  ท้องฟ้ามืดดำส่องสว่างด้วยแสงสีของพลุ ปรากฏเป็นภาพที่คมชัดของกระบี่เลือดสีแดงที่อยู่เบื้องบน

 

” ดูเหมือนว่า หอกระบี่เลือด ก็หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่นี้เช่นกัน  ตอนนี้ รอก่อนและดูว่าฝ่ายใดแข็งแกร่งที่สุด และฝ่ายใดอ่อนแอ … อย่างไรก็ตาม ข้าจักนั่งอยู่ตรงนี้ และเฝ้าดูสองเสือต่อสู้กัน  ข้าจักปล่อยให้พวกเขาสู้กันจนกว่าพวกเขาจักหมดแรง และข้าจักไปช่วงชิงผลประโยชน์นั้น ”

จวินโม่เซี่ยนั่งหมอบลงบนยอดไม้ราวกับเขากำลังนั่งอยู่บนหลังม้า  กิ่งก้านเคลื่อนขึ้นลงเนื่องด้วยสายลมและเป็นการเคลื่อนไหวที่..แปลกประหลาด  หากเขาต้องแสดงตัวออกมา และมีบางคนเห็นเขา … พวกเขาคงจักเชื่อว่าเขากำลังทำบางสิ่งที่เป็นความลับและส่วนตัวกับต้นไม้นั้น …

 

คุณชายน้อยจวินเอามือเท้าคาง  เขาเฝ้ารออย่าเงียบสงบ และจดจ่อ

ช่างน่าสนุกยิ่งนัก !  หอกระบี่เลือด ศิษย์ของ เล้ยวูเบ้ย ยอดฝีมือลับของลี่โย่วลหาน … มันจักเป็นการดีหากพวกเขาได้รับการสูญเสียมากมายมายในการต่อสู้นี้  ความจริง มันจักดีที่สุดหากพวกเขาทั้งหมดตายไป !

เขาต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น แต่เขาก็มิได้หวังมากมายเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม … ข้าจักเพียงแต่เฝ้าดู ไม่เอ่ยสิ่งใด

 

เป็นที่น่าเสียงดาย ที่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นตรงข้ามกับความคาดหวังของทุกคน  สัญญาณของหอกระบี่เลือดได้ถูกส่งออกไปแล้ว  แต่ ยอดฝีมือของหอกระบี่เลือดก็ยังไม่มาช่วยเหลือ ไม่มีแม้แต่เงา

 

ภูผาโดดเดี่ยวยังคงเงียบงัน มีเพียงเสียงโหยหวนให้ได้ยิน  แสงของลูกบอลไฟส่งอให้เห็นสีหน้าวีดเผือกของ โจววูจี้

 

” ข้าต้องการกองหนุนเพิ่มจริงๆ แต่เจ้านั้นมีเพียงเล่ห์เหลี่ยม ! ”

เล่ยเจียนฮ้ง คำรามทางจมูกขณะที่เขาเสียดสี

“นี่เป็นเรื่องตลกร้าย !  เลห์เหลี่ยมนี้อาจใช้กับผู้อื่นได้ แต่มิอาจใช้ได้กับข้า  เจ้ามิอาจเล่นกับข้าได้ .. แต่เจ้าสามารเล่นกับโอกาสของเจ้าได้ !  ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจักจากชีวิตนี้ไปแล้ว  ข้าควรจักต้องเติมเต็มความต้องการของเจ้า ! ”

 

โจววูจี้ กลิ้งไปรอบๆดั่งเช่นล่าโง่  เขาตัดร่างที่โศกเศร้านั้น ขณะที่หลบใบมีดที่เฉือนเข้ามา  เสียงร้องไห้ของเขาดังขึ้น

” ท่านผู้บัญชาการ !

นี่ .. นี่ … กำลังเสริมของเรา … เจ้ามิได้บอกว่ากำลังเสริมจักตาหลังเรามาหรือ ?  เหตุใดกัน ?  … เหตุใดกัน ?  … เหตุใดกัน ?  …”

 

เขาต้องการจักบอกว่า

” เหตุใดไม่มีการเคลื่อนไหวของพวกเขา? “

แต่แล้ว มีเสียงกระบี่สามเล่ม สับลงมาขณะที่เขากำลังพูด  สิ่งนี้ขัดจังหวะการพูดของเขา  และ สุดท้ายเสียงของเขาเหมือนติดอ่าง

 

” ตอนนี้ข้าจักทำอย่างไร ?  เจ้าคิดว่าข้าไม่เป็นกังวลหรือ ? “

ฉางชุ้นเซี่ยวสถปด้วยโทสะ

 ” ห่วงชีวิตของเจ้าก่อน ! ”

 

นักรบสกุลลี่ นำโดยสามยอดฝีมือสวรรค์เชวียน กำลังได้เปรียบอย่างมากในตอนนี้  พวกเขากดดันศัตรูหนักขึ้น ทีละขั้น  และ คนของ โจววูจี้ถูกบีบให้เป็นวงและเล็กลงอย่างมาก  มีผู้เหลือรอดที่อยู่ฝ่าย โจววูจี้ เพียงร้อยเศษ  พวกเขาตั้งแนวรับอย่างยากลำบาก  กระทำอย่างสุดความสามารถเพื่อต่อต้านการโจมตีที่แข็งแกร่งของศัตรู ขณะที่พวกเขาล้อมกันเป็นวงกลม  นอกวงกลมนั้น ไม่มีพวกเขาคนใดที่รอดชีวิต

 

เมิงเซี่ยวซ้ง เซี่ยววูอี้ ฉางชุ้นเซี่ยว ผู้นำทั้งสามอยู่ใจกลางวงล้อมป้องกัน  ใบหน้าของเขาซีดเผือกราวคนตาย

 

นับแต่มีการส่งสัญญาณ … เวลาก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูป  ตอนนี้ ไร้วี่แววของ กำลังหนุนของ หอกระบี่เลือด

 

เมิงเซี่ยวซ้งอดสถปออกมามิได้  น้ำเสียของเขาเริ่มคล้ายกับเสียงร้องไป

” อะไรกัน ?  มีคนโจมตีราชองครักษ์อย่างโจ่งแจ่งใกล้นครหลวงเช่นนี้ได้อย่าไงรกัน ?  ข้าอยากบอกท่านพี่ … ข้ามีครอบครัวต้องดูแล  ข้าติดตามท่านมาครั้งนี้ แต่มันมิได้ง่ายดายเลย  ตอนนี้ เหตุใดท่านจึงไม่เร่งรีบคิดหาหนทางเล่า ?  ท่านเป็นใหญ่ในนครหลวง .. แล้วเหตุใดท่านจึงมิเร่งรีบจับกุมคนเหล่านี้เล่า … ?

 

การบำเพ็ญของ เมิงเซี่ยวซ้ง สูงส่งยิ่ง เขาอยู่ในขั้น ปฐพีเชวียนกลาง  เขาคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของ โจววูจี้ อย่างไรก็ตาม เขามีชีวตอยู่อย่างองค์ชายมาหลายปี  เขาได้สูญเสียความมุ่งมั่นที่จักคว้าชัย และ กล่นอาสังหารมาเนิ่นนาน อีกทั้งเขายังมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวมากกว่าแต่ก่อน  ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นห่วงชีวิตตัวเองมากกว่าโอกาสในการหาเงิน  เขาอดโอดครวญมิได้เนื่องจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้  แต่ มันช้าเกินกว่าจะเสียใจ

 

ข้ามิอาจได้ดื่มชาในบ้านที่ปลอดภัยได้แล้วหรือ ?  บางทีข้าอาจพาสุนัขไปเดินเล่น หรือกลั่นแกล้งประชานชน หรือฉุดหญิงสาว … เช่นนั้นมิใช่เรื่องสนุกหรือ ?  แต่ข้ากลับถูกหลอกลวงด้วยเงินห้าหมื่นตำลึงเงิน  ซึ่งข้ามิได้มีโอกาสจักครอบครองมันเลย  และตอนนี้ ชีวิตข้าจะต้องจบลงที่นี่ …

 

ฉางชุ้นเซี่ยวมิอาจกลั่นโทสะไว้ได้

“เจ้ากำลังตะโกนวาจาไร้สารในความวุ่นวายหรือ ?  หัวใจคนของข้าอยู่ในความสับสนอยู่แล้ว  และตอนนี้ เจ้ายังตะโกนเรื่องไร้สาระ ?  เจ้ายิ่งจักทำให้พวกเขาสับสน และทำให้ กำลังใจการต่อสู้ของพวกเราลดหายไป  ข้าบอกให้เจ้า .. หุบปาก !  หากเจ้าส่งเสียงอีก ข้าสัญญาว่า ข้าจักตัดหัวเจ้ากับกระบี่ของข้าเอง ! “

 

เมิงเซี่ยวซ้ง มิอาจอดกลั่นโทสะ  เขาใช้กระบี่ของเขาป้องกันร่างกาย ขณะที่เขาตะโกนขุนเคือง

” เหตุผลไร้สาระอันใดกัน ?  เจ้าเป็นองครักษ์ชั้นสูงผู้รับใช้องค์จักพรรดิ ! เจ้าเป็นตัวแทนของ ขุนนางราชสำนัก!  เราเป็นเพียงคนสามัญที่มีพลังเพียงน้อยนิด  เราเพียงช่วยเหลือเจ้าส่งของสิ่งนี้  เจ้าทำให้ชีวิตของพวกเราอยู่ในอันตราย และเจ้ายังมาทัศนะมากยิ่งเช่นนี้กับข้าหรือ ?  และตอนนี้ พวกเรามิอาจปริปากได้อีกหรือ ? “

 

เมิงเซี่ยวซ้งหยุดพูด จากนั้น เขาตะโกน …. ก่อนที่ ฉางชุ้นเซี่ยว จัดมีโอกาสตอบกลับ

” ช่วยด้วย !  ช่วยพวกเราด้วย ! ”

ปราณเชวียนของเขาเป็นรองเพียงสามสวรรค์เวียนที่อยู่ที่นี่  แต่กระนั้น เขายังล่าถอยตั้งแต่เริ่มการต่อสู้  เขายังมิได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย แต่เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง

 

จวินโม่เซี่ยเกือบร่วงจากกิ่งไม้ที่เขานั่งอยู่

ท่านน้า ไม่ว่าท่านจักพูดอันใด … ท่านยังคงเป็นยอดฝีมือปฐพีเชวียน  มิอาจถือได้ว่านท่านเป็นผู้สูงส่งในโลกนี้ แต่ท่านยังได้รับเกียรต์ให้เป็นผู้ที่อยู่ในอันดับที่สูงส่ง !  แต่กระนั้น ท่านมีความเห็นแก่ตัวมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร ?

 

เล่ยเจียนฮ้งผู้สวมหน้ากากและชุดสีดำก็มิอาจหักห้ามความงุนงงได้  จากนั้นเขาหัวเราะ และตะโกนลั่นด้วยความชั่วร้าย

” ตะโกน !  ตะโกนออกไป !  ตะโกนออกไปเท่าที่เจ้าสามารถ !  มันไร้ประโยชน์แม้นว่าเจ้าจักตะโกนจนคอพัง !  ไม่มีผู้ใดจักมาช่วยเจ้า ! ”

 

จวินโม่เซี่ยสั่นไหว  เขายังคงเงียบ และไต่ถามต่อสรวงสวรรค์ … ด้วยความต้องการอันแรงกล้า

สวรรค์ปล่อยให้ข้าตายเถิด !  ปล่อยให้ข้าได้ยินวาจาดั้งเดิมเหล่านี้ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ได้อย่างไร ?!

 

เมิงเซี่ยวซ้งตะโกนขอความช่วยเหลือมากมายเนื่องด้วยความเห็นแก่ตัว  อย่างไรก็ตาม วาจาของ เล่ยเจียนฮ้งเป็นที่นิยมอย่างมากในโลกก่อนของเขา

 

จวินโม่เซี่ยกำลังงุนงง  เขาเกือบจักมองเห็น บุรุษผู้น่ากลัวที่เผชิญหน้ากับเด็กสาวในตรอก  บุรุษผู้นั้นแสดงความพึงพอใจอย่างมากขณะที่เขาตะโกน

” มันไร้ประโยชน์แม้นว่าเจ้าจักตะโกนจนคอพัง … ”

 

เขามิได้คิดว่ามสิ่งที่เกิดขึ้นนั่งถูกเสริมแต่งเล็กน้อย  แต่มันยังคงมิอาจเทียบกับฉากที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา  ยิ่งกว่านั้น ก็ยังเป็นบุรุษในโลกนี้ที่เอ่ยวาจาเหล่านั้นออกมา !

 

เสียงประหลาดดังออกมาจากลำคอของจวินโม่เซี่ย  มันเป็นเสียงของการสำลักน้ำลาย ราวกับเขากำลังอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย

ข้าอยากอาเจียน  สิ่งนี้น่าขยะแขยงยิ่งนัก !

 

สถานการณ์นี้ยังคงเป็นเช่นเดียวกับเมื่อก่อน

 

คนของ โจววูจี้ส่วนใหญ่ตายไป คนส่วนใหญ่ของ เมิงเซี่ยวซ้งที่มาจาก กองราคาวานการค้าทางใต้กลายเป็นศพ  เลือดของพวกเขากระจายข้ามเส้นของฟ้า  เขาไร้ทางเลือกเว้นจักยอมรับว่า องครักษ์สวรรค์พิโรจสองร้อย ที่ถูกส่งมาโดยองค์ชายนั้น แข็งแกร่งที่สุด  องครักษ์สวรรค์พิโรจ ราวร้อยห้าสิบนั้นยังคงมีชีวิตอยู่

 

ความแข็งแกร่งของ องครักษ์สวรรค์พิโรจนั้นมิได้สูงส่งเลย  ความจริง พวกเขาอ่อนแอกว่า สมาชิกของ กองราคาวานการค้า และ สกุลโจว  อย่างไรก็ตาม พวกเขามีข้อได้เปรียบในการต่อสู้  และพวกเขาคุ้นเคยในรูปแบบการต่อสู้เป็นกลุ่ม  ดังนั้น กำลังใจของพวกเขาจึงยังมั่นคงแม้นว่าพวกเขากำลังตกอยู่ที่นั่งลำบาก  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเป็นเลิศในการต่อสู้ตีฝ่าวงล้อม  ความแข็งแกร่งของทีมทำให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมากแม้นในค่ำคืนที่มืดมิดที่กำลังเผชิญ

 

สำหรับคนของ สกุลโจว และคนจากกองคาราวานการค้า พวกเขาแต่ละคนนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าคนจาก องครักษ์สวรรค์พิโรจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาคุ้นเคยกับการต่อสู้แบบตัวคนเดียว และไร้ประสบการณ์เมื่อต้องมากต่อสู้ร่วมกับผู้อื่น  เช่นนั้น พวกเขาจึงเชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเอง และมุ่งหน้าสังหารต่อไปแม้นว่าพวกเขาจักต้องเผชิญกับสงครามหรือความสับสนที่ยิ่งใหญ่  สำหรับผลที่เกิดขึ้นนั้น … พวกเขาจักตายเป็นกลุ่มแรก  พวกเขามีความแข็งแกร่งสูงส่งเมื่อเทียบกันระหว่างตัวต่อตัว แต่ความแข็งแกร่งของทีมของเขานั้นขาดแคลนยิ่งนักต่อหน้า ยอดฝีมือ

 

เล่ยเจียนฮ้ง และสหายที่ติดตามพวกเขาได้รับการโจมตีจากสามด้าน  เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นใจร้อน  อย่างไรก็ดี สถานที่นี้อยู่ใกล้นครหลวง  ผลที่ตามมาจักใหญ่หลวงนักหากข่าวขงอเหตุการณ์นี้แพร่กระจายออกไป