กระบี่ของ เล่ยเจียนฮ้ง กลายเป็นพายุสีฟ้าอย่างรวดเร็วท่ามกลางการต่อสู้ที่สับสน เกิดการระเบิดอย่างรวดเร็วขณะที่เขาปะทะเข้ากับวงของการป้องกันที่ถูกสร้างขึ้นจากคนของ องครักษ์สวรรค์พิโรจ

เสียงระเบิดดังก้องสะท้อนขณะที่ องครักษ์สวรรค์พิโรจ นับสิบรับการโจมตีที่รุนแรงนั้น  การโจมตีที่รุนแรงเป็นพิเศษนั้นทำให้พวกเขากระอักเลือดขณะที่พวกเขาลอยไปทุกทิศทาง  เล่ยเจียนฮ้ง มิละเลยโอกาสนี้  แสงสีฟ้าที่ปกคลุมร่างกายของเขาปกคลุมกระบี่ขณะที่มันเฉือนเข้าไปในร่างของคนในวงลอม  ผู้ที่อยู่ในระยะกระบี่ราวเจ็ดหรือเป็นคนถูกตัดขาดเป็นสองท่อน

 

เล่ยเจียนฮ้งตั้งใจจักเปิดช่องว่างด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา  อย่างไรก็ตาม เมื่อความรุนแรงของการโจมตีก่อนหน้าสลายไป แต่การโจมตีครั้งใหม่ยังไม่ทันเข้ามาแทน  นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ  และ ฉางฉุ้นเซี่ยว  รวมถึงคนของ องครักษ์สวรรค์พิโรจ รีบพุ่งเข้ามาปิดช่องว่างไว้  และจากนั้น กระบี่นับสามสิบก็ฟาดมาที่ เล่ยเจียนฮ้ง ด้วยเจตนาจักตัดหัวของเขา เล่ยเจียนฮ้ง มิอาจรวบรวมปราณเชวียนได้ทันเวลา  ดังนั้น เขาจึงตกอยู่ในวงล้อมการป้องกัน ขณะที่เขาปัดป้องกระบี่นับสิบที่ล้อมรอบตัว อย่างไรก็ตาม เขาเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียน เช่นนั้น เขาจึงสามารถต้านทานศัตรูมากมายได้อย่างมั่นคง  จากนั้น เขารวบรวมปราณเชวียน ขณะที่เขาปัดป้องกระบี่มากมาย และคำรามเสียงดัง  พลังของกระบีที่ป่าเถื่อนของเขาได้รับการเติมเต็มแล้วในตอนนี้

ทำให้มีคนนับสิบบาดเจ็บสาหัสและล้มลง

 

เล่ยเจียนฮ้ง ตั้งหลังได้หลังจากการฝ่าแนวป้องกันนี้  อย่างไรก็ตาม เขาได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อต่อสู้กับการโจมตีที่เข้ามาอย่างมหาศาล  และจากนั้น เขาก็กระตุ้นปราณเชวียนและใช้อุบายสังหาร  สิ่งนี้ทำให้เส้นลมปราณของเขาได้รับบาดเจ็บ  ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับการโจมตีที่รุนแรงจากศัตูรนับสิบ  การฝึกฝนปราณชเวียนที่สูงส่งของเขาทำให้ผิวของเขาเหนียวราวเหล็ก  อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขามิได้มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่เสื้อผ้าของเขามิอาจหลบหนีโชคชะตาได้  เสื้อผ้าของเขาถูกเฉือนเป็นเส้น  ทำให้มันเป็นเหมือนเสื้อผ้าของ ขอทาน  เล่ยเจียนฮ้งรีบหันหลังและล่าถอยอย่างรวดเร็ว

 

เล่ยเจียนฮ้งต้องการเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อฟื้นกำลัง  ทั้งหมดที่เขาทำนั้น … คือการผ่อนลมหายใจ  และจากนั้น เขาก็จักสามารถทำให้ตัวเองมีกำลังเช่นเดิมได้

 

อย่างไรก็ตาม ผลของการโจมตีอันทรงพลังของ เล่ยเจียนฮ้ง นั้นน่าตกใจยิ่ง  เขาได้เปิดช่องว่างวงล้อมป้องกันฝั่งของเขาได้  เป็นเวลาที่ นักรบชั้นสูงจากสกุลลี่ตะโกนขึ้นพร้อมเพรียงและพุ่งเข้าไปดั่งกระแสน้ำหลาก  ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนอีกสองใช้กลยุธเดียวกันจากฝั่งของพวกเขา  พวกเขาทำให้เกิดช่องว่าง … และเมื่อช่องวางในแนวป้องกันของ องครักษ์สวรรค์พิโรจเปิดออก … ทำให้ทหารที่ทำการป้องกันสับสนอลม่าน

 

 

เล่ยเจียนฮ้ง และสหายทั้งสองของเขา ได้รักษาความแข็งแกร่งของพวกเขาไว้เพื่อจัดการกับยอดฝีมือจาก หอกระบี่เลือด เมื่อพวกเขาปรากฏตัว อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มิได้ปรากฏตัว  เขาเชื่อว่าศัตรู มิเคยมีกำลังเสริม  ดังนั้น ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนทั้งสามจึงผ่อนคลาย และตัดสินใจอย่างรวดเร็ว   และจากนั้น พวกเขาจึงแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริง  พวกเขามิได้ไตร่ตรองเมื่อต้องใช้ปราณเชวียนอย่างฟุ่มเฟือย และพุ่งเข้าหาฝูงแกะราวกับเสือ  จากนั้นพวกเขาเริ่มกระทำการสังหารหมู่

 

” หยุด .. อย่าสังหารข้า !  ข้าคือ อุปนายกของคาราวานการค้าทางใต้ !  ข้า .. ข้า … ข้าขอสวามิภักดิ์ ! ”

คนผู้หนึ่งตะโกนโศกเศร้า  ข้าคือ เมิงเซี่ยวซ้ง

 

ฝ่ายของเขาพ่ายแพ้  เช่นนั้น เขาจึงมิอาจอดกลั้นความกลัวในหัวใจ และความกระหายที่จักมีชีวิตได้ ดังนั้น เขาจึงเสนอการสวามิภักดิ์

 

โจวเจียนหมิง ศิษย์คนที่สองของ เล้ยวูเบ้ย กำลังเผชิญหน้ากับเขาอยู่  เขากำลังจัก ฟาดกระบี่ลงไปอย่างมิได้ระวัง เมื่อเขากำลังเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ที่มิได้อ่อนด้อยในความแข็งแกร่ง  อย่างไรก็ตาม เขาจักทนต่อคู่ต่อสู้ที่คุกเข่าลงไปได้อย่างไร ?  และ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก ?

” ปล่อยข้าไป … ข้า … ได้โปรดท่านวีรบุรุษ … โปรดเห็นใจข้า  ข้ามีแม่อายุร้อยปีรออยู่ที่บ้าน  ข้ามีลูกเล็กที่หิวโหย … ”

 

เมิงเซี่ยวซ้งร้องครวญขณะที่เขาคร่ำครวญต่อ

” ท่านวีรบุรุษ … ฮือออ … ข้าไม่อยากตาย ! ”

 

โจวเจียนหมิงหยุดและเฝ้ามองอย่างสับสน

 

เขามิเคยคาดว่ามีผู้ใดในโลกนี้ที่กระหายการมีชีวิต และหวาดกลัวความตาย

คนน่าละอายผู้นี้คุกเข่าเมื่อทั้งสองกำลังปะทะกัน  คาดไม่ถึง เขาเป็น อุปนายกคาราวานการค้าทางใต้ …. นี่มิใช่เป็นความอัปยศสำหรับเขาหรือ ?  เขานั้นไร้ความอับอายอย่างแท้จริง เขานั้นช่างน่าละอายยิ่งนัก !  เขานั้นไร้ยางอายอย่างหาที่สุดมิได้ …

 

” เจ้าโง่  คลานมายังนายท่านผู้นี้เจ้าขี้ขลาด !  บอกข้า หน้าไม้เอ็นเชวียนอยู่ที่ใด และข้าจักปล่อยเจ้าไป  ความจริง ข้าจักเปิดทางให้เจ้าหนีไป ! ”

โจวเจียนหมิงตะโกนด้วยโทสะ

 

” มัน… มัน … หน้าไม้พวกนั้น …”

เมิงเซี่ยวซ้งพยายามทำตาแวววาวอ้อนวอน

คิดว่าข้าจักไม่บอกเจ้าหรือหากข้ารู้ ?  เจ้าคิดว่าข้ารู้หรือว่าพวกเขาเก็บหน้าไม้เหล่านั้นไว้ที่ใหน ?  เจ้าคิดว่าข้าเป็นห่วงพวกมันมากกว่าชีวิตตัวเองหรือ ?  ข้าไม่รู้จริง !

 

” เร็วเข้า !  แม่เจ้า !  เจ้ากำลังทำสิ่งใด ทำตามแวววาวสำหรับความขี้ขลาด ?!  เจ้าอยากตายหรือ ฦ  พยักหน้า หากเจ้าไม่มีความสุขที่จักมีชีวิต ! ”

โจวเจียนหมิง ตะโกนลั่น

 

” ท่านยอดวีรบุรุษ … ละเว้นข้า !  ข้า … ข้านั้นไร้สามารถ … ข้าไม่รู้ว่าหน้าไม้เหล่านั้นถูกเก็บไว้ที่ใด ! ”

เมิงเซี่ยวซ้งหวาดกลัวอย่างที่สุด  ทันใดนั้นเขาหมอบคลานด้วยเสียง ฉึบ ซึ่งเป็นเสียงที่เมื่อเขาสัมผัสกับพื้น !

 

ข้าจักไปข่มขืนแม่เจ้า !  การยอมจำนนของเจ้าไร้ค่า !  มิใช่เรื่องดี เจ้านั้นไร้ประโยชน์กับข้าอย่างที่สุด !  แม่เจ้า เจ้าขี้ขลาด !

โจวเจียนหมิงตะโกนลั่น  เขาถลึงตากว้าง  จากนั้นเขายกขาและเตะออกไปอย่างรุนแรง ” ปั้ง  ” ไปยังท้องของ เมิงเซี่ยวซ้ง เขาเตะชายผู้นั้นไปไกลถึงสามเมตร แต่เขายังรู้สึกหม่นหมอง

 

เจ้าขี้ขลาดผู้นี้ไม่รู้สิ่งใด และเขายังมาขอสวามิภักดิ์ … อยู่อีกหรือ ?!

 

เมิงเซี่ยวซ้งที่ลอยไปในอากาศยังคงตะโกน

” ละเว้น .. ชีวิตข้า … ”

เขายังมิทันพูดจบเสียงของเขาก็หยุดลงทันที กระบี่สีเลือดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า  มันตัดร่างของชายผู้ที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย  จากนั้น  มันเพิ่มความเร็วแทนที่จักช้าลง และพุ่งตรงไปยัง โจวเจียนหมิง

 

ร่างของ เมิงเซี่ยวซ้งที่ถูกตัดขาดเป็นสองส่วน ส่งให้เลือดกระจายไปทั่วทุกทิศ  จากนั้น ร่างสีแดงฉานปรากฏขึ้นมาจากฝนเลือดราวกับปิศาจ

 

ร่างนี้พุ่งตรงไปยังร่างของ เมิงเซี่ยวซ้ง

 

แสงสว่างวาปขึ้นราวสายฟ้า และสับขาที่ โจวเจียนหมิงยกขึ้นเพื่อเตะร่างของ เมิงเซี่ยวซ้ง ตอนนี้ โจวเจียนหมิง ยังมิทันได้ชักเท้ากลับ  แสงนั้นตัดลงไปบนเนื้อง่ายดายราวมีดที่ตัดเนย

 

การโจมตีนี้จับจังหวะได้อย่างแม่นยำ !

จวินโม่เซี่ยยังคงนั่งอยู่บนกิ่งไม้   และ เขายังสรรคเสริญผู้โจมตีหลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  คาดว่านั่นเป็นการโจมตีเพียงลำพัง จวินโม่เซี่ยไม่มั่นใจว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่า หากเขาตัดสินใจจักทำ  การลอบโจมตีนี้ถูกปล่อยออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความจริง มันเป็นความสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด

 

ผู้โจมตีผู้นี้หลบซ่อนอยู่ด้านข้าง  เขาใช้โอกาศที่ เมิงเซี่ยวซ้ง สวามิพักดิ์ และ โจวเจียนหมิง ปล่อยลูกเตะแสดงความเป็นศัตรู  และ ในช่วงเวลาน้อยนิดนั้น … โจวเจียนหมิง เมิงเซี่ยวซ้งและผู้โจมตีอยู่ในแนวความสูงเดียวกัน  ดังนั้น เขาจึงใช้ร่างของ เมิงเซี่ยวซ้งเพื่อบดบังสายตาของ โจวเจียนหมิงในเวลาสั้นๆนั้น

 

ราวกับใบไม้ที่บดบังดวงตา และทำให้คนผู้นั้นไม่สามารถมองเห็นป่าได้

 

นี้เป็นสำนวนที่ว่า ใบไม้บังป่า

 

และ ช่วงเวลาน้อยนิดเช่นนั้นคือสิ่งสำคัญยิ่ง เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดของมือสังหารเคลื่อนไหวในทันที  เขาพุ่งตรงไป และ ทะลุร่างของ เมิงเซี่ยวซ้ง จากนั้นเขามุ่งตรงไปยัง โจวเจียนหมิง หลังจากช่วงเวลาที่โศกเศร้าลละขุ่นเคืองนั้น  ทำให้เขาขาดความระมัดระวัง

 

กระบี่ลอยลงมาอย่าแผ่วเบา

 

ปราณเชวียนของมือสังหารนั้นบ่งบอกได้ว่าเขาอยู่ในขั้น สวรรค์เชวียน แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นมากพอกับ โจวเจียนหมิง ความจริงแล้ว เขาอาจอ่อนแอกว่าโจวเจียนหมิงเล็กน้อย ดังนั้น ผลการต่อสู้ของทั้งสองจักเสมอกันหากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว  ความจริง มือสังหารจักทำให้เกิดบาดแผลได้เพียงเล็กน้อย หากเขาเลือกที่จักลอบโจมตี  อยางไรก็ตาม ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการเลือดช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบนี้ และทำกับตัดขาของ โจวเจียนหมิง!

 

” อ้ากกก ! ”

โจวเจียนหมิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ในตอนที่เขาเห็นขาขวาของเขาถูกตัดออกไป  เลือดหลั่งไหลเป็นสาย  ดวงตาเกือบถลนออกมาจากเบ้า  เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวด  แม้นเวลานั้นมือสังหารยังคงไม่ผ่อนคลาย   เขาตัดขาของคู่ต่อสู้ และ ชิงข้อได้เปรียบในการตัดขาจากศูนย์กลาง … กระบี่ของเขาเคลื่อนไหวดั่งมีดร้อนที่ตัดลงไปบนเนย

 

เสียงครวญของ โจวเจียนหมิงนั้นทุกข์ยากยิ่งนัก  ความจริง เสียงนั้นไม่เหมือนแม้เสียของคนที่กรีดร้อง  เขาพยายามถอยไปข้างหลังอย่างร้อนรน แต่เขากลับลืมไปว่าขาของเขาไม่มีอยู่แล้ว  เช่นนั้น เขาจึงล้มลงแทนที่จักก้าวถอยหลังไป  ศอกของมือสังหารยกขึ้นมาราวกับฆ้อนสีฟ้าขณะที่พวกมันปะทะไปยังอกของเขาอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียง “แกร๊ป ! ” อย่างต่อเนื่องจากที่กระดูกซี่โครงของ โจวเจียนหมิง แตกหัก

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของ โจวเจียนหมิงนั้นคล้ายกับสัตว์ที่บาดเจ็บจนใกล้ตาย  ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดเนื่องจากการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน  หน้ากากบนใบหน้าของเขาหายไปนานแล้ว  ใบหน้าของยอดฝีมือบิดเบี้ยวไปราวกับใบหน้าของมังกรตัวน้อย  เส้นเลือดดำของเขาบิดไปมาขณะที่พวกมันหลุดออกมาจากผิวหนัง

 

ประการแสงอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของมือสังหาร  เขายังคงไม่ปล่อยการโจมตีออกไป  มือของเขาคว้าเข่าของคู่ต่อสู้  ขาซ้ายของเขาเคลื่อนลงขณะที่ขาขวาของเขายกขึ้นเพื่อเตะ  เขาใช้วิธีนี้เพื่อโจมตีเป้าด้านล่างของ โจวเจียนหมิง อย่างต่อเนื่อง  ในขณะที่ศองของมือสังหารโจมตีเข้าไปยังอกของ โจวเจียนหมิงอย่างรุนแรง ในขณะที่มือที่เปล่งแสงสีฟ้าของเขาโจมตีไปยังขมับทั้งสองของ โจวเจียนหมิงอย่างชั่วร้าย

 

” ปั้ง ! ”

ทวารทั้งเจ็ดของโจวเจียนหมิงมีเลือดพุ่งออกมาราวน้ำพุ

 

… น้ำพุเลือด

 

ข้าของมือสังหารโจมตีอย่างต่อเนื่องไปยังร่างของเหยื่อจากทุกทิศทาง เขาอุ่มร่างของโจวเจียนหมิงไปหลายเมตรในพริบตา และยังคงรักษาความรุนแรงและต่อเนื่องของการโจมตีไว้  ร่างสูงใหญ่ของ โจวเจียนหมิง ถูกเปลี่ยนให้เป็นก้อนเนื้อนุ่มๆเมื่อการโจมตีนี้จบลง เขาได้กลายเป็นก้อนเนื้อชิ้นใหญ่  ทั่วร่างของเขาร่วงโรย  ไร้เสียงโอดครวญดังออกมาจากปากของเขา

 

กระดูในร่างของเขากลับกลายเป็นแป้ง

 

ความจริง กระดูบางส่วนของเขาหลุดออกไปจากร่างเนื่องจากการโจมตีที่โหดร้ายและต่อเนื่องนี้

 

” น้องสอง ! ”

 

” พี่สอง ! ”

 

ทั้งสองกรีดร้องอย่าโศกเศร้า  เล่ยเจียนฮ้ง และศิษย์น้องสาว ฟางเปียวฮ้ง โกรธเคืองจนมิอาจควบคุมได้  พวกเขาละทิ้งคู่ต่อสู้และวิ่งมา  แต่กระนั้น มันหายเกินไป  ร่างของ โจวเจียนหมิง ได้กลายเป็นก้อนเนื้อที่ถูกสับแล้ว  ไร้ซึ่งลมหายใจในร่างกายนี้  เขาได้ตายไปแล้วอย่างแน่นอน

 

” เจ้ามาจาหอกระบี่เลือด ?  เจ้าคือผู้ใด ?! “

ดวงตาของ เล่ยเจียนฮ้งแดงก่ำ ขณะที่เขามองอย่างเยาะเย้ยไปยังร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น

 

” สายตาของพี่เล่ยนั้นเป็นเลิศนัก !  ทหารผู้ต่ำต่อยนี้มีโชคนักที่สุดท้ายได้พบกับสองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนผู้เลืองชื่อ !”

ชายในชุดสีเลือดยิ้มขณะที่เขาปัดมือเพื่อกำจัดเศษเนื้อและกระดูกออก  จากนั้นเขาหันหน้ามาหาพวกเขาและยิ้ม

” ข้าต้องการทักทายกับผู้มีชื่อทั้งสาม  แต่ น้องสองของท่านได้กลายเป็นเศษเนื้อไปเสียแล้ว  แต่ก็ยัง โชคดีที่ได้พบท่านทั้งสอง  ข้ากระทำผิดธรรมเนียมไปเล็กน้อย  เช่นนั้น ข้าจึงของให้ ยอดฝีมือสวรรค์ดชวัยนทั้งสองผ่อนปรณ ”

 

จวินโม่เซี่ยยังคงหลบซ่อนอยู่บนยอดไม้  แต่ สีหน้าของเขานั้นดูแปลกประหลาด

วาจาของชายผู้นี้กวดขันยิ่ง  ไร้วี่แววของความก้าวร้าวในดวงตานั้น .. หรือในหัวใจของเขา ข้าอาจจะทำเช่นเดียวกันหากข้าอยู่ตรงนั้น  ความจริง ตัวเลือกในวาจาของเขานั้นมิได้ต่างจากข้า  ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าศพของชายผู้นี้จักต้องไม่บุบสลาย !