มู่เฉียนซีตอบกลับไปทั้งที่คิ้วยังขมวดมุ่น “ใช่แล้ว ข้านี่แหละ ทำไม พวกเจ้ามีอะไรรึ ?”

“เจ้ายังกล้าถามอีกรึว่าทำไม ?” ซวนอี้ตกตะลึง

“โอ้! สวรรค์โปรดมู่เฉียนซี… นางเป็นนักปรุงยา”

“นางไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ข้าไปสืบมาแล้ว”

“นี่นาง…”

เพียงไม่นาน เสียงผู้คนโอดครวญดังอื้ออึงไม่ขาดสาย แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับแรงกระทบมากที่สุดคือซวนอี้ เพราะเขานั้นเป็นผู้เดียว ณ ที่นี้ที่รู้ว่ามู่เฉียนซียังมีอีกตัวตนหนึ่ง นั่นก็คือนักหลอมอาวุธยังไงเล่า!

นางจะเก่งกาจไปถึงไหนกัน!

ท่ามกลางความตระหนกตกใจ ผู้อาวุโสสูงสุดก็เดินเข้ามา เขากล่าวกับเหล่าศิษย์ของตนเองด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “เรื่องเช่นนี้กลับไม่รายงานผู้เป็นอาจารย์ แย่จริง รีบกลับไปแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังแต่โดยดี”

ท้ายที่สุดแล้ว มู่เฉียนซีก็ถูกผู้อาวุโสสูงสุดพาตัวไปและนางเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง

“ฮึ่ม เจ้าเฒ่านั่นยืมตัวศิษย์ของข้าไปแต่มิได้ให้ผลประโยชน์อันใดแก่ข้าเลย และเจ้า เจ้ากลับไปตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนั้นเสียได้”

มู่เฉียนซีคอตกไปเล็กน้อยพลางเอ่ยออกมาเสียงอ่อย “เอ่อ… คือ… ของรางวัลของหอโอสถในครั้งนี้ทำให้ข้าตื่นเต้นนัก ข้าจึง…”

“เจ้าหวงฝู่นั่นก็รังแกกันเกินไป เจ้าตามข้ามา ข้าจะพูดกับเขาเสียหน่อย”

เมื่ออาจารย์ใหญ่หวงฝู่เห็นผู้อาวุโสสูงสุดดึงตัวมู่เฉียนซีมาจนถึงตรงหน้าเขา เขาตะลึงค้าง ทว่าผู้อาวุโสไม่ใส่ใจตรงนั้น เขากล่าวขึ้น “ยืมตัวศิษย์ของข้าไปก็ไม่บอกข้าสักคำ เจ้าเฒ่าหวงฝู่ ใช้ได้เลยหนิเจ้าน่ะ!”

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ขบขัน เขาหัวเราะทั้งน้ำตา สายตาก็ปรายมองไปที่ศิษย์มู่เฉียนซี “สาวน้อย เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าว่าเจ้าเป็นศิษย์ของเจ้าเฒ่านี่เล่า ?”

สำนักส่วนในกับสำนักย่อยการปรุงยานั้นติดต่อกันน้อยมาก เรื่องที่มู่เฉียนซีเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดเป็นเรื่องที่คนของสำนักส่วนในรู้ดีกันทุกคน แต่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กลับไม่เคยรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับสำนักส่วนในเลย แน่นอนว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้

มู่เฉียนซีตีหน้าซื่อไร้เดียงสา “เห…? ก็ท่านอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ไม่ได้ถามข้า”

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่รู้สึกเจ็บแสบในใจเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะไปยืมเอาลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดมา เช่นนั้นจะต้องแล่ชิ้นเนื้อตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนแน่นอน เจ้าผู้เฒ่านี่มิอาจหลอกได้ง่ายดายนัก

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่เอ่ย “สาวน้อยตอบรับไปแล้ว และยืนยันเรื่องตัวบุคคลไปแล้ว เจ้าจะมาให้ข้าเปลี่ยนความคิดเอาตอนนี้คงไม่ได้ เสียใจด้วย”

“ระยะเวลาที่ไปทวีปอวิ๋นโจวในครั้งนี้ไม่สั้นเลย ศิษย์ของข้าต้องเสียเวลาไปไม่รู้เท่าไร ถึงต่อให้ตอนนั้นได้รางวัลจากการติดอันดับมา นั่นก็จะทำให้เจ้าพลอยมีชื่อเสียงก้องไกลไปด้วยนะเจ้าเฒ่า”

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความรุ่งโรจน์ให้แก่สำนักศึกษาซวนเสียเรา อาจารย์ใหญ่ซวนเองก็ย่อมยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เห็นเช่นนั้น”

“หึ! พวกหุบเขาหมอเทวดาจะไปเข้าร่วมด้วย พวกนั้นล้วนแต่เป็นพวกขี้อิจฉาตาร้อน ถ้าหากว่าความสามารถของพวกนั้นไม่สู้ศิษย์ของเรา แล้วมาทำอะไรศิษย์ของข้าล่ะ จะทำเช่นไร ?” แม้ผู้อาวุโสสูงสุดจะอายุมากถึงเพียงนี้แล้ว ก็ยังอ่านการณ์ได้กว้างไกลยิ่งนัก

“ครั้งนี้ข้าจะนำกลุ่มไปเอง นั่นยังไม่พออีกหรือ ?”

“ด้วยทักษะการต่อสู้งู ๆ ปลา ๆ อย่างเจ้าน่ะรึ หึ! ไม่พอ”

“เจ้า…”

ชายชราทั้งสองเริ่มแตกหักกันอย่างไม่เหลือดี ในที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดก็เริ่มเรียกร้องค่าสินน้ำใจ

คลังสมบัติน้อย ๆ ส่วนตัวของอาจารย์ใหญ่ถูกขุดออกไปไม่น้อย รวมถึงของที่ผู้อาวุโสสูงสุดเคยหมายตาเอาไว้ แต่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็ไม่เคยยอมมอบให้ บัดนี้ เขาจำเป็นต้องยอมมอบมันให้แก่ผู้อาวุโสสูงสุดเสียแล้ว

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่พึมพำในลำคอ “เจ้านี่ช่างมีโชคเสียเหลือเกินที่ได้มีลูกศิษย์เก่งกาจสะท้านโลกหล้าถึงเพียงนี้”

ผู้อาวุโสสูงสุดยืดอกกล่าวอย่างภาคภูมิ “นี่เป็นศิษย์ที่ข้าเล็งเอาไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้ามาแล้ว แน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมให้ใครแย่งไปโดยง่าย”

มาวันนี้เมื่อมู่เฉียนซีรู้ว่าตนนั้นถูกผู้อาวุโสเล็งเอาไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้า นางรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง

ผู้อาวุโสสูงสุดสูดหายใจเข้าก่อนจะกล่าว “ศิษย์ที่สามารถผ่านร้อยหลอมได้สำเร็จ ข้าก็อยากไม่สนใจอยู่หรอก แต่ก็ทำมิได้”

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ตกตะลึงเช่นกัน “เจ้า… เจ้าว่าไงนะ ? ร้อยหลอมรึ ?!”

ความสามารถในการปรุงยาก็นับว่าน่าตะลึงแล้ว พลังความสามารถในการฝึกบำเพ็ญของนางก็ยังจะน่าตะลึงไม่แพ้กันอีก นี่เด็กผู้นี้เป็นปีศาจมาจากแห่งหนใดกัน

“หูของเจ้าไม่ได้หนวก เจ้าคงรู้ดี”

เมื่อผู้อาวุโสหลอกเอาสมบัติของอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ไปแล้วไม่น้อย เขาก็เริ่มแบ่งปันกับลูกศิษย์ของตน “ฮืม เลือกเอาเถิด อะไรที่ชอบก็หยิบเอาไปได้ตามสบาย เชิญ ๆ ๆ”

มู่เฉียนซี “ท่านอาจารย์ ท่านเปิดเผยนิสัยของท่านออกมาแล้ว ข้านั้นนึกมาโดยตลอดว่าท่านเป็นผู้อาวุโสที่เคร่งครัด”

ใบหน้าที่กำลังได้ใจจนลืมตนไปนั้นพลันแข็งทื่อขึ้นมาในทันใด ทำเช่นไรดี เพียงเวลาแค่ชั่ววูบก็เผลอเผยให้ลูกศิษย์เห็นนิสัยที่แท้จริงของตนเข้าแล้ว นี่หมายความว่าเขาไม่สามารถทำตัวยิ่งใหญ่สูงส่งต่อหน้าผู้เป็นศิษย์ได้อีกต่อไปแล้วเช่นนั้นหรือ

“อะแฮ่ม! เรื่องในวันนี้เจ้าอย่าให้ผู้อื่นรู้ล่ะ”

……

การเข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ แน่นอนว่าจะต้องเผชิญกับคนของหุบเขาหมอเทวดา มู่เฉียนซีนางออกจากสำนักศึกษาไปหนึ่งครา และไปพบกับจวินโม่ซี

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมา โม่จิ่นสุดแสนดีใจ “นายท่านมาแล้ว หัวหน้านักปรุงยาจวินกำลังกินอยู่เลย”

มู่เฉียนซีแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ “เหอะ ๆ เจ้าจวินโม่ซีนี่กินได้กินดีจริง ๆ เขากินเสียจนหอหมอปีศาจของข้าจนแล้วหรือยัง ?”

“เป็นเพราะหัวหน้านักปรุงยาจวินกินเยอะมาก เช่นนั้นแล้วข้าจึงกดเงินตอบแทนของเขาลง นั่นทำให้รายรับรายจ่ายมั่นคงไม่ขาดทุน นายท่านวางใจเถิด”

“ดี ดีเลย ฮืม ข้าจะไปหาเขาเสียหน่อย” เมื่อมู่เฉียนซีขึ้นไปชั้นบน นางพบว่าจวินโม่ซีกำลังกินดื่มดั่งกับท้องเป็นผืนทะเลหรือไม่ก็หนักกว่านั้น ท้องเขาอาจเป็นหลุมดำไร้ที่สิ้นสุด

มู่เฉียนซีทักทาย “เฮ้! เจ้ากินเช่นนี้ทุกวี่วันแต่กลับไม่กลายเป็นคนอ้วน แปลกจริง ๆ”

“ข้าเป็นนักปรุงยา แน่นอนว่าข้าไม่ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ถ้าหากว่าข้ากลายเป็นเจ้าคนอ้วนท้วนไป เช่นนั้นข้าก็อาจหน้าตาไม่หล่อเหลาเหมือนก่อน” จวินโม่ซีตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“แต่ก็นะ เจ้ามีเรื่องอะไรก็รอให้ข้ากินเสร็จก่อนค่อยว่ากันเถิด”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเข้าใส่คนตรงหน้า “แหม ข้าก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเลย เจ้าจะมิเชิญชวนกันกินบ้างเลยหรือ แต่ก็ช่าง อาหารจานเด็ดของหอว่านเสียแห่งเมืองเสีย ข้ากินบ้างดีกว่า ไม่เกรงใจเจ้าแล้วล่ะ”

จวินโม่ซีแทบร้องไห้ “ไม่! เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ นี่มันของข้า!”

“ในเมื่อเอามาอยู่ในที่ของข้า แน่นอนว่ามันก็ต้องเป็นของกินของข้าด้วย”

ปรากฏว่าทั้งสองนั้นเริ่มศึกแห่งการแย่งชิงอาหารกันขึ้น สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็ได้กินกันคนละครึ่ง หลังจากกินเสร็จ สภาพตรงนั้นก็เละเทะไปหมด

โม่จิ่นนับถือมู่เฉียนซีอย่างมาก ผู้ที่กล้าแย่งของกินของหัวหน้านักปรุงยาอย่างจวินโม่ซีได้ ต้องยกให้นายท่านเท่านั้น สตรีอะไรช่างยอดเยี่ยม!

หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปกล้าแย่งของกินของหัวหน้านักปรุงยาจวินโม่ซีละก็ เช่นนั้นคงได้ตายอย่างศพไม่สวยเป็นแน่

หลังจากที่สิ้นสุดการกินแล้ว จวินโม่ซีฟื้นฟูความสงบในลักษณะของหัวหน้านักปรุงยาขึ้นมา เขามองมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “ถ้าหากไม่มีเรื่องสำคัญ เจ้าจะต้องไม่มาเยี่ยมหาข้าอย่างแน่นอน ว่ามา! เจ้ามีเรื่องอะไร ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ประเดี๋ยวข้าจะต้องไปเข้าร่วมการคัดเลือกของหอแห่งหุบเขาโอสถที่ทวีปอวิ๋นโจว ลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาก็จะไปเข้าร่วมด้วย ข้าจึงอยากรู้ว่าเจ้ามีข่าวเกี่ยวกับศัตรูมากน้อยเพียงใด”

“ข้าเคยพบกับศิษย์ของเจ้าเฒ่านั่นมาก่อน เขาเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถผู้หนึ่งและหากต้องมาเจอกับเจ้า เขาแพ้เจ้าแน่ ๆ” จวินโม่ซีมั่นใจ

“แต่ว่าเขาผู้นี้เป็นคนขี้อิจฉาตาร้อนมาแต่ไหนแต่ไร ใจที่ริษยาของเขานั้นรุนแรงนัก ถึงแม้ข้าจะอยู่ที่หุบเขาหมอเทวดาได้ไม่นานเท่าไรนัก แต่ข้าก็ถูกเขาลอบทำร้ายมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่หน และหากเขาพบว่าเจ้าเก่งกาจกว่าเขาหรือถึงขั้นเอาชนะเขาและตบหน้าหุบเขาหมอเทวดา เช่นนั้นเกรงว่าเขาคงจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ”

“ถ้าพวกเขาไม่ยอมรามือ ข้าก็จะยิ่งไม่หยุด” มู่เฉียนซีแสยะยิ้มเย็นชา

“จะให้ข้าไปด้วยกันกับเจ้าหรือไม่ ?” จวินโม่ซีถามด้วยความไม่วางใจเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรหรอก ในตอนนี้ยังมิใช่เวลาเปิดเผยตัวของเจ้า นี่เป็นแค่เพียงการรับมือกับลูกศิษย์ของเขาผู้หนึ่งเท่านั้น มิใช่จะไปสู้กับเจ้าตัวประหลาดเฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดานั่น”

“เจ้าหัวไม้นั่นยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกรึ ?” จวินโม่ซีถามขึ้น

การที่นางต่อสู้กับพวกหุบเขาหมอเทวดาที่ทวีปเซี่ยโจวนั้น จะร้ายดีอย่างไรก็ยังอยู่ในพื้นที่ของตน แต่สถานการณ์ในครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะระดับความอันตรายนั้นเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย

มู่เฉียนซีส่ายศีรษะก่อนจะกล่าว “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของชิงอิ่ง แต่เจ้าวางใจได้ ในครั้งนี้อาจารย์ใหญ่หวงฝู่จะเดินทางไปด้วย ต่อให้พวกหุบเขาหมอเทวดาโอหังมากไปกว่านี้ ก็มิอาจเข้ามาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้”

จวินโม่ซีเตือน “เจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้ดี ไอ้พวกจอมปลอมพวกนั้น หากพวกมันเกิดบ้าขึ้นมาละก็ มันอันตรายมาก”

“ข้ารู้”

เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง ในครั้งก่อนหน้านี้ ปกติแล้วสำนักศึกษาจะส่งเพียงอาจารย์ผู้นำกลุ่มไปเท่านั้น และใครที่เป็นผู้นำเหล่าศิษย์ไป คนผู้นั้นก็จะเป็นผู้โชคร้ายและขายหน้า ดังนั้นแล้วจึงมีผู้ที่อาสาไปโดยสมัครใจน้อยนัก

แต่ในครั้งนี้ ทุกคนล้วนแย่งชิงกัน อยากจะนำทางศิษย์ไป ถ้าหากว่ามิจำเป็นต้องมีผู้อยู่ดูแลภายในสำนักศึกษาแล้วละก็ เกรงว่าคราวนี้คงได้แห่กันไปจนหมดเป็นแน่

ในที่สุดผู้ที่เป็นผู้นำศิษย์ออกเดินทางไปยังทวีปอวิ๋นโจวก็คืออาจารย์ใหญ่หวงฝู่และผู้อาวุโสสูงสุด

มิติส่งตัวระยะไกลแห่งทวีปเสียโจวถูกเปิดขึ้น มันห่อหุ้มตัวของคนทั้งสามเอาไว้ ไม่นานนัก พวกเขาก็พากันออกไปจากทวีปเสียโจว

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีจะได้เดินทางไปยังเขตทวีปอื่นตั้งแต่มาถึงทวีปเสียโจว

อวี้เหลียนชิงกล่าวขึ้น “อาจารย์ ท่านวางใจได้เลย การคัดเลือกของหอแห่งหุบเขาโอสถในครั้งนี้นั้น ข้าต้องได้อันดับที่หนึ่งเป็นแน่ และจะต้องประกาศให้ทั้งแดนใต้ได้รู้ทั่วกันว่าหากพูดถึงเรื่องการปรุงยา หุบเขาหมอเทวดาของพวกเราคือที่หนึ่งในแดนใต้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”