TQF:บทที่ 595 เริ่มมีความหวัง (3)
“จริงสิ เสี่ยวเสี่ยว เจ้าเคยคิดมั้ยว่าการที่เราปล่อยเผ่าอสูรจำนวนมากออกไปที่ผืนดินฉางไห่จะกระเทือนไปถึงพวกตาแก่ตัวประหลาดที่ไม่ยุ่งเรื่องในใต้หล้าแล้ว ถ้าหากพวกเขาล่วงรู้เข้าละก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่”
ฟางซูหยุนนึกขึ้นได้อีกเรื่อง “เผ่าอสูรและเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรามีความเป็นปกปักษ์ต่อกันอยู่ แม้ว่าตอนนี้เผ่าอสูรจะค่อนข้างได้รับการเคารพจากมนุษย์ แต่ก็แค่กับเผ่าอสูรใหญ่ๆเท่านั้น กับเผ่าอสูรเล็กๆมนุษย์ก็ยังคิดจะจับมาฆ่าแกงหรือฝึกให้เชื่องอยู่ ตอนนี้ที่เราส่งออกไปก็มีแต่เผ่าอสูรทั้งนั้น ถ้าหากคนอื่นรู้เข้านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
ฮูหยินฟางวางใจเถอะ เผ่าอสูรของพวกเรามีอิทธฤทธิ์พลิกโฉมที่เรียนมาจากข้าอยู่ ข้ากล้ารับประกันว่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่ต่ำกว่าบรรลุเทพเจ้าไม่มีทางดูออก ต่อให้เป็นเผ่าอสูรเองก็ดูไม่ออกว่าร่างเดิมของพวกเขาคือสัตว์อมตะ มีแค่คนที่มีวิทยายุทธสูงกว่าบรรลุเทพเจ้าเท่านั้นถึงจะดูออก
หยูเฮงน้อยตีหน้าอกรับประกัน
“ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดี” ฟางซูหยุนเบาใจลง ขอแค่คนอื่นไม่รู้ก็พอ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองพวกนางพลางกล่าวยิ้มๆ “เผ่าอสูรทุกตัวในมิติมีสัญญาใจกับข้าอยู่ ต่อให้มีคนดูออกก็ต้องเจอเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นพวกเขาก็ต้องรู้ว่ามีคนคอยควบคุมไว้อยู่ จะได้ไม่เป็นกังวลมาก อย่างมากก็แค่มาหาเรื่องข้าเท่านั้น จะไปกลัวอะไร”
“ใช่ๆ จะเป็นใครพวกเราในตอนนี้ก็ไม่กลัวหรอก”
หยูเฮงน้อยร้องขึ้นด้วยรอยยิ้ม เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหลือบมองนาง “ร้านของพวกเราใกล้จะเปิดแล้ว หยูเฮงน้อย เจ้าเปลี่ยนร่างให้โตขึ้นหน่อยแล้วเอาทรัพยากรไปให้ผู้เฒ่าหยิง จัดเรียงทรัพยากรทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเราก็จะเปิดร้านได้ ถึงเวลานั้นที่นี่ก็คงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปได้แล้ว”
“ได้ ไม่มีปัญหา ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หยูเฮงน้อยไม่มีปัญหากับเรื่องที่ต้องวิ่งวุ่น นางอยู่ในมิติมาสักพักแล้ว อยากจะออกไปเริงร่าข้างนอกตั้งนานแล้ว
เมื่อเปลี่ยนร่างตัวเองให้ใหญ่ขึ้นนางก็พุ่งออกไปข้างนอกทันที พริบตาเดียวก็หายออกไป
“ยัยเด็กนี่น้า” ฟางซูหยุนหัวเราะ แววตามีแต่ความเอ็นดู
“เจ้าตัวเล็กนี่ลุยเก่งอยู่แล้ว ดีนะที่ไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ไม่อย่างนั้นคนทั้งฮวงยันต้องปวดหัวกับนางแน่นอน”
“พูดไปเรื่อย ถึงนิสัยนางจะซนแต่เป็นเด็กใจดีออก เหมือนเจ้าไงเสี่ยวเสี่ยว”
“ท่านย่า ท่านชมกันเองอีกแล้ว”
“พวกเจ้าคู่ควรให้ย่าชม”
ย่าหลานคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันบวกกับรอยยิ้มจางๆ ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้นที่เหมือน แต่อารมณ์ความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมาก็เหมือน
“ได้ยินรึยัง ตึกจงหยวนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเปิดร้านแล้วนะ”
“ข้าได้ยินนานแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่เหมือนกับทหารรับจ้างอย่างพวกเรา พวกเขารับภารกิจเอง ขายทรัพยากรเอง เก่งจริงๆ”
“เฮ่ะๆ แบบนี้คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ไปเหยียบเส้นพวกสมาคมทหารรับจ้างน่ะสิ ถ้าหลังจากนี้กลุ่มทหารรับจ้างทำแบบนี้หมดแล้วพวกเขาจะเอาอะไรกิน ฮ่าๆๆ”
“นั่นน่ะสิ พวกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนนี่เก่งกล้าสามารถจริงๆ เหมือนไม่เห็นคนของสมาคมอยู่ในสายตาเลย ไม่รู้ว่าพวกของสมาคมจะไปหาเรื่องรึเปล่า”
“ข้าว่านะ คนของสมาคมจะไปหาเรื่องรึเปล่าไม่รู้ แต่ข้ารับประกันได้ว่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นต้องไม่ปล่อยให้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้อยู่ดีๆแบบนั้นแน่ ทุกคนเชื่อเถอะ รอดูได้เลย”
“ใช่ๆ กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเป็นเต่าหัวหดมาตั้งนานแล้ว ถ้ายังไม่ลงมือละก็ดูซิว่าหลังจากนี้จะเอาหน้าที่ไหนมาใช้ชีวิต”
“จุ๊ๆ อยากตายรึไง ถ้าคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นได้ยินละก็ พวกเจ้าอยากตายก็อย่าลากพวกเขาลงน้ำด้วยสิ”
“ถูกต้องๆ ปลาหมอตายเพราะปาก พวกเราน่ะรอดูเรื่องสนุกๆเงียบๆกันดีกว่า”
……
แต่ละร้านเหล้า โรงเตี๊ยม ร้านน้ำชา ร้านอาหารที่มีคนรวมตัวอยู่ด้วยกันต่างพูดถึงเรื่องที่ตึกจงหยวนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเปิดพรุ่งนี้
เรื่องนี้เป็น 1 ในหัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุด
ไม่ว่าแต่ละคนจะมองยังไง ชื่อเสียงของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ดังกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่ แม้แต่ประชาชนธรรมดาก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ตำหนักเจ้าเมือง
ท่านเจ้าเมืองว่างมากๆ เขาอ่านหนังสือไปจิบชาไป ข้างๆคือผู้อาวุโส 2 ท่านที่เล่นหมากล้อมกันอยู่ ทั้ง 3 มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่ก็ดูออกว่าเป็นพวกที่ว่างไม่มีอะไรทำ
“พวกเจ้าได้รับบัตรเชิญจากตระกูลเฉิงกันหมดแล้วใช่มั้ย”
ท่านเจ้าเมืองไถ่ถามโดยไม่เงยหน้า ทั้ง 2 คนที่เล่นหมากล้อมกันอยู่พยักหน้าพร้อมกัน “ได้รับแล้ว”
“ไม่ใช่แค่พวกเราที่ได้รับ คนอื่นๆก็ได้รับแล้วเหมือนกัน” ผู้อาวุโสเจี่ยงวางหมากในมือลง “ท่านเจ้าเมือง พวกเราทุกคนก็ได้รับหมดแล้ว ท่าทางครั้งนี้ตระกูลเฉิงเอาเรื่องอยู่นะ”
“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้ตระกูลเฉิงไม่ได้ไปคุยกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง และไปปรากฏตัวที่สมาคมทหารรับจ้างก็แค่ตอนลงทะเบียนเท่านั้น จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝ่ายใดฝ่ายนึงเป็นพิเศษ” ผู้อาวุโสข้างๆกล่าวต่อ
“ผิดแล้ว ผู้อาวุโสซู” ท่านเจ้าเมืองยิ้มตาเป็นประกาย “ยัยหนูตระกูลเฉิงน่ะไม่ธรรมดา นางเหมือนจะแยกตัวออกไปคนเดียว แต่ก็สร้างความสัมพันธ์ไว้โดยไม่รู้ตัวแล้ว เรื่องที่อาจารย์และอาจารย์หญิงของนางเข้าโถงวิหารสวรรค์ไปก็เท่ากับว่ามีความสัมพันธ์กับโถงวิหารสวรรค์แล้ว แล้วนางยังมาตำหนักเจ้าเมืองด้วยตัวเองอีก เจ้าคิดว่าคนข้างนอกนั่นจะมองยังไง”
“ท่านเจ้าเมือง ท่านคิดว่านางจะอยู่ข้างพวกเราจริงๆเหรอ” ผู้อาวุโสเจี่ยงถามอย่างประหลาดใจ
“นางจะอยู่ข้างพวกเรามั้ยข้าไม่รู้ อย่างน้อยก็มีคนคิดแบบนี้ อีกอย่างยัยหนูนี่ก็มือเติบอยู่ ของที่ให้มาก็ไม่เลว”
รอยยิ้มของท่านเจ้าเมืองกว้างขึ้น “แม้จะไม่ใช่ของอะไรที่หาไม่ได้ แต่ก็เป็นของที่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธชอบทั้งนั้น มีของพวกนี้อยู่ก็ไม่แปลกที่นางอยากเปิดร้าน และไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับสมาคมทหารรับจ้าง ไม่ว่าใครหากมีของพวกนี้ก็ไม่มีทางยอมขายให้คนอื่นราคาถูกๆ ให้คนอื่นเอาไปทำกำไรสู้ทำกำไรเองดีกว่า”
“ท่านเจ้าเมืองพูดถูก” ผู้อาวุโสซูพยักหน้า “ของที่ตระกูลเฉิงมีเป็นของที่ยกระดับวิทยายุทธและพรสวรรค์ทั้งนั้น สำคัญมากจริงๆ อีกอย่างของของพวกนางมีครบครันขนาดนี้อยากรู้จริงๆว่าพวกนางเป็นใครกัน มีสำนักอะไรคอยหนุนหลังอยู่รึเปล่า”
“นางก็บอกแล้วนี่ว่ามาจากสำนักที่ชื่อว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน เพียงแต่พวกเราไม่เคยได้ยินและไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“ใช่ ยังไงพวกเราก็อยู่มา 2-300 ปีแล้ว กลับไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย แปลกจริงๆ”
ผู้อาวุโสเจี่ยงและผู้อาวุโสซูมีสีหน้าสงสัย พวกเขาก็เคยลองถามคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครเคยได้ยินที่ที่ชื่อว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เลย ทำให้พวกเขาต้องคาดเดาต่างๆนาๆไปหลายวัน
“เอาล่ะ มีคนมาหาแล้ว พวกเจ้าไปต้อนรับหน่อย” ท่านเจ้าเมืองออกคำสั่ง
ผู้อาวุโสซูรีบลุกขึ้นยืน “คนมาเยือนคือผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง ข้าไปรับพวกเขาเข้ามาเอง”
———————-