EG บทที่ 720 ปฏิเสธ

 

หลังจากเฝิงหยู่ได้พบกับจางรุ่ยเฉียง พวกเขาคุยกันสั้นๆ หลังปิดประตูลง จางรุ่ยเฉียงบอกกับเฝิงหยู่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ได้บังคับให้เฝิงหยู่จดทะเบียนบริษัทของเขาในตลาดหลักทรัพย์ เฝิงหยู่ก็ดีใจที่จางรุ่ยเฉียงไม่ได้พยายามบังคับเขา

 

หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากจางรุ่ยเฉียง ธุรกิจของเฝิงหยู่จะไม่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ตอนที่เฝิงหยู่เริ่มทำธุรกิจ จางรุ่ยเฉียงก็มีโอกาสมากมายที่จะเข้ายึดครองธุรกิจของเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1 ต้องการพบเฝิงหยู่แค่นั้น เฝิงหยู่โอเคที่จะไปพบเขา แต่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ให้บริษัทเครื่องจักรเมืองปิง หรือบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่ารัฐบาลระดับจังหวัดจะช่วยทำให้ขั้นตอนง่ายขึ้นก็ตาม แต่เขาก็จะไม่ตอบตกลง

 

นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

 

แม้ว่าการจดทะเบียนบริษัทในตลาดช่วงขาลงอาจจะไม่ได้ขาดทุน แต่ก็จะทำให้ราคาหุ้นลดลง แล้วทำไมไม่รอจนกว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นล่ะ?

 

เวลา 10.00 น. เฝิงหยู่ตามจางรุ่ยเฉียงไปยังสำนักงานของรัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1

 

นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรก และรัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1 เคยคุยกับเฝิงหยู่สองสามครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้สนิทกัน เฝิงหยู่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกันเองเหมือนตอนที่เขาอยู่ในสำนักงานของจางรุ่ยเฉียง

 

“เลขาซวี่”

 

“เชิญนั่งครับ เสี่ยวหวัง เตรียมชาด้วย”

 

เลขาซวี่เดินไปที่โซฟาพร้อมกับจางรุ่ยเฉียงและเฝิงหยู่ นี่คือการแสดงความเป็นมิตร และเขาจะทำเช่นนี้กับคนี่เขาสนิทด้วยเท่านั้น เมื่อเขาพบเฝิงหยู่เป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา นั่นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะรู้สึกประหม่าเมื่อพวกเขาต้องพบเจอคนที่อยู่ในตำแหน่ง

 

เมื่อรัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1 เห็นการพบเจอของเฝิงหยู่กับหัวหน้าสถาปนิกและกำปั้นเหล็กจู เขาก็สังเกตเห็นว่าเฝิงหยู่ไม่ได้รู้สึกประหม่าเลย สิ่งนี้ทำให้เขาเชื่อว่าความสำเร็จของเฝิงหยู่นั้นไม่ได้มาจากโชค

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สามารถพูดกับหัวหน้าสถาปนิกได้อย่างเป็นปกติจะยอมอ่อนข้อให้กับความกดดันของเขาได้อย่างไร? ชายหนุ่มคนนี้ได้รับการยกย่องจากหัวหน้าสถาปนิกและเขาได้ยินข่าวลือมาว่ากำปั้นเหล็กจูพยายามที่จะให้เขาไปทำงานด้วย รัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1 ไม่กล้าใช้อำนาจในการกดดันเฝิงหยู่ หากคำพูดหลุดเผยแพร่ออกไป จะกลายเป็นจุดจบของอาชีพของเขาอย่างแท้จริง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อนชาวฮ่องกงของเฝิงหยู่ และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทเครื่องจักรด้วย

 

รัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1 ไม่กล้ากดดันนักธุรกิจชาวฮ่องกง เขากลัวผลที่ตามมา ในช่วงเวลานี้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนจะต้องแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเพื่อการคืนฮ่องกงกลับสู่ประเทศจีน และไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ หรือสร้างปัญหาให้กับนักธุรกิจฮ่องกงได้

 

“ผู้จัดการเฝิงครับ ผมสงสัยอย่างนึง ทำไมคุณถึงไม่อยากให้บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่ะครับ? ถ้าคุณจดทะเบียนบริษัทของคุณ จะเกิดผลประโยชน์มากมายเลยนะครับ คุณจะได้รับผลตอบแทนสูงอีกด้วย” เลขาซวี่ถาม

 

“ผมยอมรับว่ามันจะเกิดผลประโยชน์มากมายจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะจะช่วยเพิ่มเงินทุนและยังเป็นการโปรโมทบริษัทได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผมแน่ใจว่าคุณรู้เรื่องเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนหุ้นของเราตอนนี้ หุ้นส่วนใหญ่กำลังอยู่ในขาลง และมีเพียงไม่กี่หุ้นที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่านักลงทุนจำนวนมากไม่ได้กำลังซื้อหุ้น เมื่อปีที่แล้วและต้นปีนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีความผันผวนสูงและส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจีน ถ้าบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจะเข้าจดทะเบียนตอนนี้ ราคาหุ้นอาจจะไม่ลดลง แต่ก็จะเพิ่มขึ้นไม่มาก ทำแบบนี้ไม่ฉลาดเลย”

 

“ทำไมถึงไม่ฉลาดล่ะครับ? ฟังจากที่คุณพูด คุณก็ไม่ได้คัดค้านการจดทะเบียนบริษัทนี้ในตลาดหลักทรัพย์ คุณแค่รู้สึกว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นไม่มากหรอครับ? แต่นั่นก็เป็นการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของคุณแล้ว แม้ว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากเมื่อคุณจดทะเบียนบริษัทในอีกสองปีต่อมา แต่มันต่างกันยังไงกับถ้าคุณจดทะเบียน บริษัทตอนนี้? การเติบโตอาจจะช้าลงในช่วงนี้ แต่ก็น่าจะสามารถไปถึงระดับเดียวกับอีกสองปีต่อมาได้” เลขาซวี่ถาม

 

เฝิงหยู่ส่ายหัว “ปัญหาคือ เรามีเหตุผลอะไรที่จะต้องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้? เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมสำหรับการพัฒนาของบริษัทงั้นหรอ? เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของบริษัทเราหรอ? บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงไม่ได้ขาดเงินทุนด้านการพัฒนา แม้ว่าบริษัทจะมีเงินทุนน้อย ผมก็สามารถเพิ่มการลงทุนในบริษัทให้ได้ ผมเคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าผมต้องการสร้างประเทศจีนและยานพาหนะที่ดีที่สุดในโลก เรื่องนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันรถซงเจียงของเราก็มีชื่อเสียงมากในประเทศจีน เราอาจไม่ใช่อันดับหนึ่งในประเทศจีน แต่เราอยู่ใน 3 อันดับแรกของแบรนด์รถยนต์ในประเทศจีน ไม่มีแบรนด์รถยนต์ไหนที่เติบโตเร็วเท่ากับเรา”

 

เฝิงหยู่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนต่อรัฐบาลระดับจังหวัดหมายเลข 1 ว่าเขาไม่ต้องการผลประโยชน์ที่จะได้จากการ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงไม่ได้ขาดเงินทุนหรือชื่อเสียง แล้วทำไมบริษัทจึงควรจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยล่ะ?

 

เฝิงหยู่รู้ว่าทำไมเลขาซวี่จึงยืนยันให้เขาจดทะเบียนบริษัทของเขาในตลาดหลักทรัพย์ นั่นเป็นเพราะเขาต้องการได้รับความดีความชอบ แต่เฝิงหยู่ไม่ได้สนิทกับเลขาซวี่ และไม่คิดว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเลขาคนนี้ในอนาคตถ้าเขาช่วยเลขาซวี่ในตอนนี้

 

“ผู้จัดการเฝิงครับ ถ้าบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงเข้าจดทะเบียน ผมจะดูแลเอกสารและการอนุมัติทั้งหมดให้เอง นอกจากนี้ นโยบายต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษีและ ราคาที่ดินที่ถูกกว่า จะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือบริษัท ของคุณ รัฐบาลระดับจังหวัดสามารถซื้อรถยนต์ซงเจียงได้หลายล็อตเลยนะครับ!” เลขาซวี่พูด

 

นี่เป็นข้อเสนอสูงที่สุดที่เลขาซวี่สามารถเสนอให้กับเฝิงหยู่ได้ เขาสามารถให้สัญญาได้มากกว่านี้ แต่นั่นจะเป็นการผิดกฎหมาย ถ้าเขาก้าวล้ำเส้นจริงๆ เขาอาจจะเดือดร้อนได้

 

เฝิงหยู่ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “เลขาซวี่ครับ เราจ่ายภาษีทั้งหมดแล้วและยังบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้กับโรงเรียนในจังหวัดหลงเจียงทุกปี ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของเมืองปิงไม่เหมาะสำหรับเราที่จะขยายโรงงาน แม้ว่าโรงงานของเรามีแผนที่จะขยายก็ตาม แต่เราจะเลือกตั้งโรงงานสาขาในภูมิภาคอื่นแทน ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ”

 

เลขาซวี่รู้สึกผิดหวัง ทำไมเฝิงหยู่ถึงไม่ยอมสักที? ผมแสดงความจริงใจแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอของผม

 

บริษัทหลายแห่งที่ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลระดับจังหวัด แต่เฝิงหยู่กลับไม่ต้องการให้บริษัทของเขาเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวต่อตามเงื่อนไขที่เสนอเลยด้วยซ้ำ

 

เลขาซวี่ควรทำอย่างไร? นี่จะเป็นจุดสิ้นสุดของอาชีพทางการเมืองของเขาแล้วหรอ?

 

จางรุ่ยเฉียงไม่แน่ใจว่าเขาจะปลอบใจเลขาซวี่หรือช่วยโน้มน้าวเฝิงหยู่ดี

 

“ผู้จัดการเฝิงครับ มีวิธีอื่นที่จะเปลี่ยนความคิดของคุณหรือเปล่า?” เลขาซวี่เป็นผู้นำที่ดุดันและเด็ดเดี่ยวต่อหน้าลูกน้องของเขา แต่ตอนนี้เขาดูหดหู่และสิ้นหวังมาก และจางรุ่ยเฉียงรู้สึกเศร้าที่ได้เห็นผู้นำที่เขานับถือนั้นมีท่าทีแบบนี้

 

จางรุ่ยเฉียงถามว่า “เฝิงหยู่ คุณช่วยพิจารณาเรื่องนี้หน่อยไม่ได้หรอ? เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับเลขาซวี่”

 

เฝิงหยู่ส่ายหน้า “ผมต้องรับผิดชอบต่อพนักงานทุกคนของบริษัทเครื่องจักรเมืองปิง นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากเราได้รับการจดทะเบียนและยังไม่ขายหุ้นของเราหรือราคาหุ้นลดลง มันจะกลายเป็นการขาดทุนของพนักงานทั้งหมด และจะเป็นการขาดทุนของเมืองปิงด้วย แต่ผมสัญญาว่าผมจะเชิญเลขาซวี่อย่างแน่นอนเมื่อบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์”

 

เลขาซวี่ไม่ได้โกรธเฝิงหยู่หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขาทำงานหนักมาตลอดชีวิตและไม่ต้องการให้คนอื่นมาตำหนิเขาว่าเขาบังคับให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อประโยชน์ของตัวเอง นอกจากนี้ เรื่องนี้อาจทำให้พนักงานต้องประสบกับการขาดทุน เขาจะต้องรู้สึกผิดแน่ๆ ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น

 

ไม่เป็นไร อย่างน้อยที่สุดผมก็เกษียณอายุไปอยู่เบื้องหลังและใช้เวลาที่เหลือในตำแหน่งงานที่สบายๆ ก็ได้