หลิงหยุนยืนนิ่งอยู่ในค่ายกลลวงตาจ้องมองออกไปด้วยแววตาภาคภูมิใจก่อนจะหันหน้าไปทางสระว่ายน้ำ พร้อมกับเอื้อมมือออกไปยังทิศทางนั้น..
ตะเกียงน้ำมันลอยขึ้นมากลางอากาศก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่ฝ่ามือของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกมันเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ดังเดิม..
นี่เป็นสมบัติพุทธองค์ที่ล้ำค่าต่อให้ทานทนต่อการตกหล่น หลิงหยุนก็ไม่ยอมปล่อยให้ร่วงลงพื้นอย่างแน่นอน
จากนั้น..หลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นจ้องมองท้องฟ้าที่มืดมิด เขาเห็นทัณฑ์เมฆาที่เวลานี้ลอยต่ำลงมามากแล้ว และในรัศมีห้ากิโลเมตรรอบๆ บ้านเลขที่-1 นั้น ก็มีเมฆสีดำทะมึนราวกับหมึกปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น
หลิงหยุนเปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งสายฟ้าในเวลานี้เพราะเขาสามารถมองเห็นว่าภายในทัณฑ์เมฆาที่ปกคลุมอยู่นั้น มีสายฟ้ารูปร่างคล้ายงูอยู่อย่างหนาแน่นจำนวนนับไม่ถ้วน ตามมาด้วยเสียงดังครื่นๆ ที่ราวกับจะประกาศกร้าวถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
“เพียงแค่นี้เองรึ!ไม่มีอะไรน่ากลัว..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างไม่หวั่นเกรงเขาผ่านทัณฑ์สวรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน จึงพอจะประเมินได้ว่าบททดสอบครั้งนี้ไม่น่าจะรุนแรงมากเพียงใด และหากเทียบกับทัณฑ์สวรรค์บนเกาะเตียวหยูแล้วล่ะก็ ครั้งนี้ยังนับว่าห่างไกลมากนัก!
และดูเหมือนว่าอสุนีบาตในครั้งนี้คงทำให้หลิงหยุนเพียงแค่ระคายเคืองผิวหนังได้เท่านั้น..
หลิงหยุนจึงคร้านที่จะใช้ยันต์เพชรและยันต์เกราะหรือแม้แต่ยันต์อสนีป้องกันตัวเอง เขาก้าวเดินออกจากค่ายกลลวงตาโดยไร้เครื่องป้องกันใดๆ..
หลังจากก้าวเท้าออกมาเพียงแค่ก้าวเดียวร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏอยู่ใกล้กับร่างของปีศาจภัยแล้งที่ดุร้าย
แม้ปีศาจภัยแล้งจะดิ้นรนจนสามารถหลุดออกมาจากสระน้ำแข็งได้แต่เวลานี้มันก็กำลังถูกลูกเหล็กขนาดใหญ่ลอยกระแทกเข้ากับร่าง และนี่คือการทำงานของค่ายนวสังหารที่หลิงหยุนเพิ่งจะสร้างขึ้นใหม่..
ปัง..ปัง..
ปีศาจภัยแล้งใช้กรงเล็บที่แข็งแกร่งของมันตะปบลูกเหล็กขนาดใหญ่สองลูกและทันทีที่มันเห็นหลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า มันก็ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ และพุ่งเข้าทำร้ายหลิงหยุนอย่างบ้าคลั่งในทันที!
เปรี้ยง..เปรี้ยง.. เปรี้ยง.. เปรี้ยง.. เปรี้ยง..
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นถึงห้าครั้งติดต่อกันและอสุนีบาตทั้งห้าสายก็พุ่งลงกลางศรีษะของหลิงหยุนทันที!
“โอ้ว..แย่แล้ว!”
หลิงหยุนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางศรีษะทั้งห้าสายพร้อมกันเช่นนี้แต่กลับไม่เป็นอะไร ในขณะที่เหล่าแวมไพร์มาร์ควิสต่างก็พากันกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว!
เสียงฟ้าคำรามและอสุนีบาตล้วนเป็นเครื่องแสดงถึงพลังอันแข็งแกร่งระหว่างสวรรค์กับผืนโลก เหล่าแวมไพร์จึงมีสัญชาติญาณในการหวาดกลัวต่อสิ่งที่แสดงถึงพลังอันแข็งแกร่งเหล่านี้ แทบไม่ต้องรอให้ฟ้าผ่าลงร่างของตนเอง เพียงแค่อยู่ในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ พวกมันต่างก็หวาดผวากันอย่างมากแล้ว..
“โอ้..ท่านเทพแห่งซานตาน ได้โปรดบอกข้าทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
แม้แต่ดยุคแดร๊กคูล่าที่แข็งแกร่ง ทันทีที่สายตาของมันสัมผัสกับแสงสว่างเจิดจ้าของสายฟ้าที่ทรงพลังทั้งห้าสาย มันถึงกับรีบหลับตาทันที ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร้องอุทานออกมาเสียงดังด้วยความหวาดกลัว..
“โอ้พระเจ้า..หลิงหยุน! เจ้าเด็กนั่นกำลังจะเข้าสู่การรับทัณฑสวรรค์หรือนี่ เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งนับว่าเป็นชาวยุทธคนหนึ่งแต่มันก็ไม่เคยพบเห็นทัณฑ์สวรรค์ด้วยตาตัวเองมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่ออสุนีบาตทั้งห้าสายต่างก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนเช่นนั้น มันก็พอจะเดาได้ทันทีว่าหลิงหยุนกำลังจะเข้าสู่การรับทัณฑ์สวรรค์!
“อะไรนะ!ทัณฑ์สวรรค์งั้นรึ?! เป็นไปไม่ได้!”
แต่เมื่อดยุคแดร๊กคูล่าได้ยินคำพูดของเฉินเจี้ยนกุ่ยที่ย้ำให้ตนเองมั่นใจมากยิ่งขึ้นมันก็ถึงกับหวาดกลัวจนแทบคลุ้มคลั่ง และรีบยกมือสองข้างขึ้นปิดตาตัวเองไว้ พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ
“นี่..นี่ย่อมหมายความว่าเขาก็คือชาวจีนที่ฝึกบ่มเพาะตนตามตำนานจีนโบร่ำโบราณงั้นรึ แต่เท่าที่ข้ารู้.. ผู้บ่มเพาะตนเช่นนี้ได้หายสาบสูญไปนานมากแล้ว เหตุใดจู่ๆ เจ้าเด็กนี่ถึงโผล่มาได้?”
เฉินเจี้ยนกุ่ยได้แต่พึมพำออกมาอย่างเจ็บปวดใจ“หลิงหยุนเป็นผู้บ่มเพาะตนงั้นรึ!”
“เร็วเข้า..ทัณฑ์สวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อสุนีบาตเหล่านี้จะพุ่งเป้าไปที่หลิงหยุนเพียงผู้เดียว พวกเราต้องรีบหนีให้พ้นจากรัศมีของเมฆทะมึนเหล่านี้!”
หลิงหยุนได้แต่นึกประหลาดใจและคิดไม่ถึงว่าดยุคแดร๊กคูล่าจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการฝึกตนของชาวจีนมากมายถึงเพียงนี้ แต่เมื่อนึกได้ว่าดยุคแดร๊กคูล่านั้นมีชีวิตยืนยาวมานานหลายพันปีแล้ว จึงไม่น่าแปลกหากจะมันจะรู้และเข้าใจในเรื่องเหล่านี้..
แต่นั่นก็ทำให้หลิงหยุนมั่นใจขึ้นมากว่าในสมัยโบราณกาลนั้นประเทศจีนจะต้องเคยมีผู้ฝึกตนตามวิถีเซียนอย่างแน่นอน และคงจะมีหลายคนที่ฝึกถึงขั้นต้องเข้ารับทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ด้วย..
ระหว่างนั้นหลิงหยุนกำลังต่อสู้อยู่กับปีศาจภัยแล้งอย่างดุเดือดเขาใช้หมัดที่มีน้ำหนักกว่าเก้าหมื่นกิโลกรัมชกเข้าไปที่ร่างของปีศาจภัยแล้งจนลอยละลิ่วออกไป แต่ยังไม่ทันที่ร่างของมันจะตกถึงพื้น หลิงหยุนก็วิ่งตามเข้าไปชกจนร่างของมันลอยขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง เป็นเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจนร่างของมันไม่มีโอกาสตกลงสู่พื้นดินเลย..
หลิงหยุนทำอยู่เช่นนี้จนปีศาจภัยแล้งได้แต่ร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ด้วยความแข็งแกร่งของมันเวลานี้ ยากนักที่จะต้านทานหลิงหยุนได้!
แต่การทำเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลิงหยุนนักเพราะนอกจากจะต้องทนรับอสุนีบาตที่ฟาดใส่ร่างจนชาไปทั่วทั้งตัวแล้ว เขายังต้องวิ่งไล่ตามชกร่างปีศาจภัยแล้งด้วยความเร็วอีกด้วย..
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นเขายินดีที่จะใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของตนเองรองรับสายฟ้าที่ฟาดใส่ลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง จุดประสงค์ก็เพื่ออาศัยอสุนีบาตที่ทรงพลังเหล่านี้ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย และจิตใจของตนเอง..
ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังอาศัยโอกาสนี้ดูดซับเอาพลังของอสุนีบาตเข้าไปในร่างกายด้วย และจนกระทั่งถึงตอนนี้ผนังในจุดตันเถียน และเส้นลมปราณของเขานั้น ก็มีกระแสไฟเพิ่มขึ้นอีกมากมาย!
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันระหว่างสวรรค์กับผืนโลกที่ค่อยๆ ทวีความรุนแรง และหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เมฆสีดำทะมึนลอยต่ำลงกดทับร่างของหลิงหยุนมากขึ้น จนทำให้ฝีเท้าของเขานั้นลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด..
ปัง..ปัง.. ปัง..
ในเวลาเดียวกันนั้นเองทางด้านดยุคแดร๊กคูล่าก็ถึงกับตกใจเมื่อมาร์ควิสทั้งห้ารวมทั้งเฉินเจี้ยนกุ่ย ต่างก็บินหลงเข้าไปในค่ายกลนวสังหารที่หลิงหยุนสร้างขึ้น และเวลานี้พวกมันต่างก็พากันบินว่อนไปมาเพื่อทีจะฝ่าออกจากค่ายกลนี้ไปให้ได้!
ถึงแม้จะบินทะเล่อทะล่าเข้าไปในค่ายกลนวสังหารของหลิงหยุนแต่แวมไพร์กลุ่มนี้ก็นับว่าแข็งแกร่งอย่างมาก เพราะพวกมันต่างก็สามารถใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งกระแทกกับลูกเหล็กขนาดใหญ่ได้ และบ้างก็ใช้ฝ่ามือตบราวกับว่าเป็นลูกวอลเล่ย์บอลเลยทีเดียว..
“เร็วเข้า..รีบหนีออกไปจากบริเวณนี้ก่อน! หากรอให้อสุนีบาตเส้นใหญ่กว่านี้ พวกเราอาจจะไม่สามารถทนทนได้!”
ดยุคแด๊กคูล่ารีบร้องบอกแวมไพร์ทุกตนและพยายามบินหาทางออกโดยไม่สนใจลูกเหล็กที่พุ่งใส่ร่างเลยแม้แต่น้อย!.novel-lucky.
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าได้กลับไปก่อนหน้านี้แล้ว..แต่พวกเจ้ากลับไม่สนใจ! คิดจะหนีกลับไปตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว คราวนี้ใครก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดกลับไปได้เลย!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับเดินลมปราณตามคัมภีร์เสียวนหวงทันทีจากนั้นปราณเสวียนหวงภายในร่างกายของหลิงหยุนก็แผ่กระจายออกจากร่างของเขาอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นานปราณเสวียนหวงก็ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านเลขที่-1!
“โอ๊ย..เหตุใดจึงอึดอัดแล้วก็ปวดแสบปวดร้อนเช่นนี้!”
จู่ๆเฉินเจี้ยนกุ่ยที่กำลังหลบลูกเหล็กอยู่ในค่ายกลนวสังหารก็กรีดร้องออกมาราวกับถูกไฟเผาร่าง ส่วนแวมไพร์มาร์ควิสทั้งห้านั้นก็มีสภาพไม่ต่างจากเฉินเจี้ยนกุ่ย แวมไพร์ทุกตนต่างก็พากันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด!
“แย่แล้ว!”
จู่ๆดยุคแดร๊กคูล่าก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งร่างกาย แต่เมื่อก้มลงสำรวจดูตามตัว ก็พบว่าผิวหนังที่ซีดขาวของมันนั้นดูคล้ายกับถูกพิษกัดกร่อน และเริ่มจะเน่าเฟะเป็นวงกว้างขนาดหนึ่งนิ้ว..
“หมอกโลหิต!”
ดยุคแดร๊กคูล่าไม่รีรอที่จะใช้มนต์ดำของเหล่าแวมไพร์สร้างหมอกดำเข้าปกคลุมร่างของตนไว้เพื่อต้านทานปราณเสวียนหวงที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทันที..
แวมไพร์มาร์ควิสทั้งห้าเห็นท่าไม่ดีจึงรีบสร้างหมอกโลหิตขึ้นมาปกคลุมร่างกายตนเองจากปราณเสวียนหวงไว้เช่นกัน แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นยังไม่สามารถใช้มนต์ดำได้ มันถึงดิ้นรนเจ็บปวดอยู่กลางอากาศ ในที่สุดร่างใหญ่ยักษ์ก็ไม่สามารถทานทนต่อปราณเสวียนหวงได้ และร่วงลงสู่พื้นดินในที่สุด!
หลิงหยุนหัวเราะหึๆพร้อมกับร้องบอกเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าบอกเจ้าแล้ว.. เจ้ามีโอกาสหนีแต่กลับไม่รีบหนี ครั้งนี้เจ้าไม่รอดแน่..”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็เอื้อมมือไปคว้าแขนของปีศาจภัยแล้งไว้ พร้อมกับลากร่างของมันกระโดดเข้าไปหาเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที!
กระบี่โลหิตแดนใต้ปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของหลิงหยุนระหว่างที่ร่างของเขากระโดดลงใกล้กับร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยแล้ว หลิงหยุนก็เงื้อกระบี่ในมือฟันปีกใหญ่ยักษ์ของมันขาดทั้งสองข้างในคราวเดียว จากนั้นจึงลงมือฟันอีกครั้ง และขาทั้งสองข้างของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกตัดขาด..
“ข้าจะสังหารแวมไพร์ทุกตนยกเว้นเจ้า..หากเจ้ามีความสามารถก็หนีไปให้ได้อีก! ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าจะมีปัญญาหนีจากข้าได้อีกกี่ครั้ง”
เฉินเจี้ยนกุ่ยกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด..!
เปรี้ยง!
แต่แล้วจู่ๆอสุนีบาตรขนาดใหญ่ก็ผ่าเปรี้ยงลงกลางศรีษะของหลิงหยุนอีกครั้ง และครั้งนี้เขาถึงกับชาไปทั่วทั้งร่าง และมือข้างที่จับปีศาจภัยแล้งไว้ก็ถึงกับอ่อนแรง และปล่อยร่างของมันหลุดไปทันที!
แม้ปีศาจภัยแล้งจะดุร้ายแต่ด้วยสัญชาติญาณของปีศาจ มันจึงหวาดกลัวต่ออสุนีบาตที่ทรงพลังนี้เป็นอย่างมาก และทันทีที่ร่างของมันร่วงหลุดจากการเกาะกุมของหลิงหยุน มันก็รีบกระโดดหนีออกไปทันที!
“เจ้าหนู..เจ้าจะหนีไปใหน เจ้ายังมีประโยชน์กับข้าอีกมาก!”
หลิงหยุนถูกสายฟ้าที่รุนแรงฟาดใส่ร่างครั้งนี้เนื้อตัวของเขาไม่เพียงมีรอยบอบช้ำ แต่ยังมีบาดแผลตามร่างกายมากมาย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หลิงหยุนสะบัดหน้าไปมาเรียกสติ และเมื่อพบว่าปีศาจภัยแล้งพยายามที่จะหนี เขาจึงรีบกระโดดตามไปขวางหน้าไว้ทันที!
ปีศาจภัยแล้งนั้นฝึกฝนด้วยหยางบริสุทธิ์ภายในร่างกายของมันจึงมีหยางที่บริสุทธิ์และทรงพลังมาก แม้แต่สายฟ้าธรรมดาๆ ก็ยากที่จะทำอันตรายมันได้ หลิงหยุนจึงต้องการขอยืมหยางบริสุทธิ์ของปีศาจภัยแล้ว เพื่อใช้ในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ของตนเอง เช่นนี้แล้วเขาจะปล่อยให้มันหนีไปได้อย่างไรกันเล่า
และเวลานี้ร่างกายของหลิงหยุนก็ได้ดูดซับเอาพลังจากสายฟ้าเข้าไปมากมายแล้วเขาจึงใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางเล็งไปทางร่างของปีศาจภัยแล้ง พร้อมกับลองใช้พลังอสุนีบาตในร่างดู
ฟิ้ว..
กระแสไฟเส้นเท่าแขนพุ่งออกมาจากนิ้วทั้งสองของหลิงหยุนตรงเข้าใส่หน้าอกของปีศาจภัยแล้งทันที!
ทันทีที่ร่างของปีศาจภัยแล้งถูกกระแสไฟที่พุ่งออกจากนิ้วของหลิงหยุนเข้าไปมันก็ถึงกับชาไปทั้งร่างทันที แล้วร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง สายตาของมันที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นเปลี่ยนเป็นตกใจ หวาดผวา และเศร้าหมองในที่สุด..
ดยุคแดร๊กคูล่าที่ใช้หมอกโลหิตปกป้องร่างของตนเองไว้ได้แต่จ้องมองจุดจบของเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยความเวทนา และรู้สึกผิดอยู่ในใจ จากนั้นจึงรีบร้องตะโกนสั่งแวมไพร์มาร์ควิสทั้งห้าตน..
“อย่าปล่อยให้หลิงหยุนผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จระหว่างนี้พวกเราทั้งหมดต้องร่วมมือกันสังหารมันให้ได้!”
สำหรับดยุคแดร๊กคูล่านั้นค่ายกลงนวสังหารไม่ใช่ปัญหาอะไร มันเพียงแค่ต้องคอยหลบหลีกสายฟ้าที่จ้องเล่นงานหลิงหยุน และคอยหาโอกาสสังหารหลิงหยุนให้ได้เท่านั้น..
และยังไม่ทันที่ดยุคแดร๊กคูล่าจะพูดจบดีมันก็ใช้มนต์ดำเสกหอกโลหิตมาไว้ในมือ จากนั้นจึงพุ่งร่างที่มีหมอกสีดำปกคลุมอยู่นั้นตรงเข้าหาหลิงหยุนทันที!
แวมไพร์มาร์ควิสทั้งห้าได้ยินคำสั่งของดยุคแดร๊กคูล่าต่างก็รีบพุ่งตามเข้าไปเช่นกัน..
หลิงหยุนที่กำลังจัดการอยู่กับปีศาจภัยแล้งเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด และไม่พอใจ..
“ดูท่าปราณเสวียนหวงของข้าคงจะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้แล้วสินะ..”
หลิงหยุนยิ้มเย็นก่อนจะสะบัดข้อมือข้างซ้ายแล้วกล่องที่ทำจากหยกจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา ภายในกล่องหยกนั้นบรรจุพลังอมตะที่ได้จากสมุดจักรพรรดิเอาไว้!
หลิงหยุนซัดฝ่ามือของตนเองออกและดูดเอาพลังอมตะในกล่องหยกเข้าไป แล้วจึงปล่อยพลังอมตะ-เสวียนหวงออกมาแทน!
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของแวมไพร์มาร์ควิสทั้งห้าตนดังขึ้นทันทีและหมอกโลหิตของเหล่าแวมไพร์ก็ไม่สามารถทานทนต่อพลังอมตะ-เสวียนหวงได้อีก ในที่สุดร่างของแวมไพร์มาร์ควิสทั้งห้าก็ร่วงลงมากองกับพื้นทันที!
ดยุคแดร๊กคูล่าเห็นเช่นนั้นจึงรีบบินถอยหลังหนีพลังอมตะ-เสวียนหวงด้วยความหวาดผวาทันที..
หลิงหยุนเห็นว่าปีศาจภัยแล้งยังคงบาดเจ็บอยู่และหนีไปใหนไม่ได้ เขาจึงพุ่งต่างร่างของดยุคแดร๊กคูล่าไปทันที และในขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังอมตะ-เสวียนหวงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง..