ไป๋เซียนเอ๋อฉินตงเฉี่วย รวมทั้งคนอื่นๆ ที่อยู่ในค่ายกลลวงตา ต่างก็จ้องมองดยุคแดร๊กคูล่าผู้เฉยชาที่เอาแต่หัวเราะอยู่กลางอากาศ เป็นอีกครั้งที่ทุกคนต่างก็รู้สึกสิ้นหวังท้อแท้อย่างมาก..
  แต่หลิงหยุนก็ยังคงไม่ออกมาจากค่ายกลลวงตา..เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ในนั้น!
  แต่ต่อให้หลิงหยุนออกมา..เขาจะสามารถรับมือกับดยุคแดร๊กคูล่าที่น่ากลัวผู้นี้ได้อย่างนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอยู่อีกถึงห้าตน อีกทั้งเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกช่วยออกมาได้แล้ว..
  ใต้สระว่ายน้ำหน้าบ้านที่เป็นน้ำแข็งเวลานี้ก็ยังมีปีศาจภัยแล้งที่ดุร้ายอีกหนึ่งตัว และเวลานี้มันก็กำลังทุบทำลายน้ำแข็งด้านบนจนค่อยๆแตกออกแล้ว และอีกไม่นานก็คงจะสามารถหลุดออกมาได้!
  ฉินตงเฉี่วยกำกระบี่ไว้ในมือแน่นแต่ในใจนั้นกลับรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก ในเมื่อหลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้สำเร็จแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่ออกมา นี่เขากำลังรออะไรอยู่กันแน่?
  “บริวารผู้ภักดิ์ดี– เคานต์เฉินเจี้ยนกุ่ย ขอขอบคุณท่านดยุคแดร๊กคูล่าที่ช่วยเหลือ”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยบินขึ้นไปหาดยุคแดร๊กคูล่าพร้อมกับทำความเคารพตามธรรมเนียมตะวันตกน้ำเสียงของมันนั้นบ่งบอกว่าเคารพท่านดยุคแดร๊กคูล่ายิ่งนัก และเวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยก็กำลังรับรู้ได้ถึงชัยชนะที่กำลังจะมาถึง!
  ‘หลิงหยน..ต่อให้เจ้ามีไพ่อยู่ในมือมากมาย เวลานี้ท่านดยุคแดร๊กคูล่ามาด้วยตัวเอง เจ้ายังสามารถนิ่งเฉยได้อีกงั้นรึ’
  ‘ครั้งนี้..ข้า – เฉินเจี้ยนกุ่ยจะเป็นฝ่ายยืนดูเจ้าตายด้วยตาตัวเอง ดูสิว่าเจ้าจะตายในสภาพเช่นใดกัน’
  “เรื่องเล็กน้อย..”
  ท่านดยุคแดร๊กคูล่ายิ้มเล็กน้อยและไม่สนใจกับคำขอบคุณของของเฉินเจี้ยนกุ่ย สำหรับเขาแล้ว การรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนี้เป็นเพียงเรื่องขี้ผง..
  จู่ๆเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ยิ้มออกมา และชี้ไปทางค่ายกลลวงตาที่หลิงหยุนซ่อนตัวอยู่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น..
  “ท่านดยุคที่เคารพ..ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าศัตรูธรรมดาๆ อย่างหลิงหยุน จะเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ เวลานี้มันอยู่ในค่ายกลลวงตาด้านล่างนั่น แม้ข้าจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่ามันกำลังฝึกฝนวิชาอยู่ด้านใน!”
  แม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ไม่ได้ถูกสกัดจุดให้หลับใหล จึงได้ยินคำพูดที่หลิงหยุนพูดกับทุกๆ คนได้อย่างชัดเจน..
  ดยุคแดร๊กคูล่าแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยันพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าเห็นมนุษย์ที่อยู่ด้านล่างทุกคนแล้ว และข้าก็มองเห็นมันด้วย!”
  “คิดว่าเวทย์มนต์กระจอกเช่นนี้จะสามารถปิดบังสายตาแวมไพร์เช่นข้าได้งั้นรึ”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยได้ฟังคำพูดของดยุคแดร๊กคูล่าก็ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจเขาก้มหน้าลงมองไป๋เซียนเอ๋อ และฉินตงเฉี่วยที่อยู่ด้านล่าง และเวลานี้สีหน้าของพวกนางก็ไม่ต่างจากกำลังตกอยู่ในขุมนรก!
  จากนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็พูดขึ้นว่า“ท่านดยุคแดร๊กคูล่า.. ด้วยความเคารพ ข้าใคร่ขอร้องท่านให้ช่วยสังหารหลิงหยุนโดยเร็วที่สุด หรือไม่ก็ควบคุมมันไว้ให้ได้โดยเร็ว! เพราะข้าเองก็เพิ่งรู้มาว่าลอร์ดแวมไพร์ทั้งสองนั้น ได้รับเลือดของหลิงหยุนเข้าไป จึงสามารถกลายพันธุ์ได้เช่นนี้!”
  เมื่อดยุคแดร๊กคูล่าได้ฟังคำบอกเล่าของเฉินเจี้ยนกุ่ยสีหน้าของมันก็ถึงกับเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ..
  “อะไรนะมนุษย์ให้กำเนิดแวมไพร์ใหม่งั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน? ไม่.. เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
  แม้ในใจของเฉินเจี้ยนกุ่ยจะนึกหยันแต่ใบหน้าของมันยังคงนิ่งเรียบพร้อมกับพูดต่อว่า
  “ท่านดยุคแดร๊กคูล่า..ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหลิงหยุนมีดาบพายุอยู่ในมือ!”
  “ห๊ะ!”
  ดยุคแดร๊กคูล่าได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเขาถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรำพึงรำพันออกมาอย่างไม่เข้าใจ
  “ดาบพายุงั้นรึโอ้.. ท่านเทพแห่งซาตาน ได้โปรดบอกข้าด้วยเถิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น?!”
  ด้วยความรู้สึกชิงชังและคับแค้นในใจที่มีต่อหลิงหยุน เฉินเจี้ยนกุ่ยรีบพูดใส่ไฟเพิ่มเข้าไปอีก
  “ท่านดยุค..เทพธิดาเกาเฉินเฉินนางนั้น ข้าขอมอบให้กับท่าน และตราบใดที่ท่านได้ดื่มเลือดของนางเข้าไป..”
  “ไม่..เจ้าพูดผิดแล้ว!”
  ยังไม่ทันที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะพูดจบดยุคแดร๊กคูล่าก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ พร้อมกับแย้งขึ้นว่า
  “ไม่ใช่เทพธิดานางนั้นแต่เป็นเทพธิดากลุ่มนั้นต่างหากเล่า..”
  ดยุคแดร๊กคูล่ามองเข้าไปในค่ายกลลวงตาที่มีหนิงหลิงยู่และคนอื่นๆซ่อนตัวอยู่ พร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนเอง และพูดต่อว่า
  “คืนนี้ช่างเป็นค่ำคืนที่วิเศษยิ่งนัก!การตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเองของข้า นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในรอบพันปี!”
  แม้ว่าดยุคแดร๊กคูล่าจะพยายามรักษาภาพของสุภาพบุรุษไว้แล้วแต่มันก็แทบอดใจรอต่อไปไม่ได้ เลือดในกายของมันกำลังเดือดพล่าน และความรู้สึกเริ่มกระหายเลือดก็ปะทุขึ้นมาทันที!
  ที่พื้นด้านล่างนั้นหนิงหลิงยู่ เกาเฉินเฉิน เสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมา หญิงงามทั้งสี่นั้นต่างก็ได้รับพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิเข้าไป แต่ละนางจึงล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ดยุคแดร๊กคูล่าใฝ่ฝัน!
  ลอร์ดแวมไพร์สองตนดาบพายุ และเลือดของเทพธิดาทั้งสี่.. เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เลือดในกายของแวมไพร์อย่างดยุคแดร๊กคูล่าเดือดพล่านได้แล้ว!
  ดยุคแดร๊กคูล่าคิดไม่ถึงว่าเพราะโทสะที่ลุกเป็นไฟของตนเองจนไม่อาจควบคุมได้นั้น ทำให้มันตัดสินใจที่จะมาคิดบัญชีกับหลิงหยุนด้วยตัวเอง จนได้พบพานกับสมบัติล้ำค่ำที่ใฝ่ฝัน นับเป็นการมาที่กำไรอย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว!
  ในเวลานี้..ดยุคแดร๊กคูล่าแทบไม่สนใจหลิงหยุน มันกำลังคิดว่าหากได้ดื่มเลือดศักดิ์สิทธิ์ของหญิงสาวเหล่านี้เข้าไป พละกำลังของตนเองจะเพิ่มสูงขึ้นมากเพียงใด และไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะได้ขึ้นเป็นแวมไพร์ขั้นใด
  ปรินซ์แกรนด์ปรินซ์? ลอร์ด? หรือว่าแกรนด์ลอร์ด? แต่ที่แน่ๆ ดยุคแดร๊กคูล่ามั่นใจว่า ตนเองจะต้องแข็งแกร่งที่สุดในตระกูลแดร๊กคูล่าอย่างแน่นอน!
  แต่แล้วจู่ๆเสียงเย้ยหยันก็ดังขึ้นดับฝันของดยุคแดร๊กคูล่าในทันที!
  “เจ้าแดร๊กคูล่าแวมไพร์เฒ่า..เจ้าคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ข้าขอแสดงความเสียใจกับเจ้าด้วย เพราะการมาของเจ้าในครั้งนี้ นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตทั้งหมดของเจ้าเลยทีเดียว!”
  ตั้งแต่ที่ดยุคแดร๊กคูล่ามาถึงหลิงหยุนซึ่งนั่งเงียบมาโดยตลอดนั้น ในที่สุดก็ร้องตะโกนออกมา..
  “เพราะทั้งดาบพายุและกลุ่มเทพธิดานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติของข้า ไม่ใช่ของเจ้า!”
  ระหว่างที่ร้องตะโกนออกมาจากค่ายกลลวงตานั้นหลิงหยุนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันนั้นปีศาจภัยแล้งก็ยังคงทลายกำแพงน้ำแข็ง และอีกไม่ช้าก็คงจะออกมาได้แล้ว..
  “เวลาถึงสองนาที..แต่กลับกลั่นเสินหยวนมาได้เพียงแค่สามหยด แต่เวลามีจำกัด เพียงแค่สามหยดก็น่าจะเพียงพอ!” หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจนัก…novel-lucky.
  ตั้งแต่ที่ดยุคแดร๊กคูล่ามาถึงหลิงหยุนก็ยังคงนั่งอยู่ในค่ายกลไม่ยอมออกมา เขานั่งทำอะไรอย่างนั้นหรือ
  แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ได้นั่งเล่นหรือนั่งมองดยุคแดร๊กคูล่าแสดงความแข็งแกร่งของตนเอง แต่เขากำลังนั่งกลั่นเสินหยวน!
  ในขั้นพลังชี่นั้นหากต้องการใช้พลังวิเศษ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลั่นสิ่งที่เรียกว่าเสินหยวนนี้ให้ได้เสียก่อน!
  กลั่นชี่เป็นเสิน– จำเป็นต้องเดินลมปราณเข้าสู่จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหน้าผาก และทำการฝึกฝนกลั่นพลังปราณเหล่านั้นให้กลายเป็นเสินหยวน จากนั้นนำเสินหยวนที่ได้นี้ไปสร้างพลังวิเศษผ่านเสินเนี่ยน (ความคิดที่มีสมาธิแก่กล้า) ได้ตามที่ใจต้องการ..
  นี่คือความแตกต่างระหว่างผู้ที่ฝึกกำลังภายในในยุทธภพซึ่งจะต้องทำการเปิดเส้นลมปราณเยิ่นกับเส้นลมปราณตูเพื่อเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนก็จริง แต่มีน้อยคนนักที่จะสามารถเชื่อมต่อกับจุดซือไห่ที่อยู่กึ่งกลางหน้าผากได้..
  ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเหล่าชาวยุทธที่ฝึกฝนกำลังภายใน จะมีจิตหยั่งรู้เช่นกัน แต่จิตหยั่งรู้ของคนเหล่านั้น จะออกมาในรูปแบบของการมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ไวกว่าปุถุชนคนธรรมดา..
  หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่ในระดับที่จะสามารถกลั่นเสินหยวนและใช้พลังของมันผ่านเสินเนี่ยนได้แล้วอย่างนั้นหรือ
  แน่นอนว่าในระดับเริ่มต้นของขั้นปฐมชี่(พลังชี่-1) นั้นยังไม่สามารถกลั่นเสินหยวนได้ในทันที แต่ภายใต้วิชาพลังมังกรนี้ หลิงหยุนเท่ากับอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นตรีชี่แล้ว (พลังชี่-3) ภายในเวลาสองนาทีเขาจึงสามารถกลั่นเสินหยวนได้ถึงสามหยด..
  ดยุคแดร๊กคูล่าโกรธมากที่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยกลับโอหังและกล้าพูดจาเช่นนี้กับตนเอง แต่แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า
  “เจ้าหนู..เจ้าช่างน่าสนใจนัก ข้าเองก็ชักอยากจะรู้นักว่า ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นข้า เจ้าจะเอาชีวิตรอดจากความตายได้อย่างไร”
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองผ่านค่ายกลลวงตาพร้อมกับตอบโต้ทันที“เฒ่าแวมไพร์.. เจ้าคงจะงุนงงสับสนมากไป ผู้ที่จะต้องตายในคืนนี้คือเจ้า ไม่ใช่ข้า! อีกอย่างเจ้าเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายอย่างที่อวดอ้าง..”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองเฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่กลางอากาศและพูดออกมาอย่างเสียดาย
  “เฉินเจี้ยนกุ่ย..ข้าว่าเจ้าคงจะความจำสั้น! เจ้ารอดชีวิตมาได้แต่กลับไม่รีบหนีไป เจ้าลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ไปหมดแล้วรึ”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยมองหลิงหยุนด้วยแววตาเหยียดหยันและเย็นชา พร้อมกับตะโกนสวนออกไปทันที
  “หลิงหยุน..เจ้าต่างหากที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เจ้าไม่รู้หรอกว่าสายเลือดแวมไพร์ที่บริสุทธิ์อย่างดยุคแดร๊กคูล่านั้น มีความแข็งแกร่งและน่ากลัวมากเพียงใด แต่อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้ลิ้มรสด้วยตัวเอง..”
  หลิงหยุนเลิกสนใจเฉินเจี้ยนกุ่ยและสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอาการตะลึง..
  หลิงหยุนยืนอยู่กลางค่ายกลลวงตาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสงบเยือกเย็นจากนั้นจึงยื่นมือทั้งสองข้างออก ก่อนจะชักกลับ และกระแทกออกไปสู่ความว่างเปล่า..
  ครืน..ครืน..
  แล้วภาพที่น่าอัศจรรย์และน่าตกใจ ก็ปรากฏต่อสายตาทุกคน..
  เวลานี้..ภายในบ้านเลขที่-1 มีลูกเหล็กขนาดใหญ่หลายร้อยลูก กำลังลอยเข้ามาพร้อมๆกัน แต่ละลูกลอยเข้ามาด้วยความเร็วสูง และกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่จนล้มระเนระนาด และเวลานี้กำลังลอยอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุน..
  แต่น่าแปลกที่ลูกเหล็กหลายร้อยลูกลอยเข้ามาจากทุกทิศทางและพุ่งฝ่าความมืดเข้ามานั้น กลับไม่กระแทกถูกร่างของผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว..
  และนี่คือการใช้พลังวิเศษครั้งแรกของหลิงหยุน!
  หลิงหยุนไม่รอให้ดยุคแดร๊กคูล่าและแวมไพร์ตนอื่นๆได้เตรียมตัว และเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อนทันที..
  ลูกเหล็กขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงพื้นด้วยความเร็วสูงพร้อมๆกันแต่น่าแปลกที่ลูกเหล็กเหล่านั้นราวกับสำลีที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นโดยไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย..
  นี่คือผลจากการใช้เสินหยวนไปหนึ่งหยดและเพียงแค่พริบตาเดียวลูกเหล็กนับร้อยลูกก็ลอยมาตกภายในสวนบ้านเลขที่-1 เป็นค่ายกลใหม่อีกสองค่ายกลทันที!
  ค่ายกลวลาหกปกป้องคนในบ้านและค่ายกลนวสังหารสังหารปกป้องตนเอง..
  ดยุคแดร๊กคูล่ายกมือขึ้นขยี้ตาเมื่อบริเวณที่ถังเมิ่งและคนอื่นๆยืนอยู่นั้น ได้มีหมอกสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา และค่อยๆหนาขึ้นจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกเลย!
  ปัง!
  เสียงทลายน้ำแข็งดังสนั่นขึ้นทั่วทั้งบริเวณและปีศาจภัยแล้งก็ดิ้นหลุดออกมาได้ในที่สุด!
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังเขามองไปทางปีศาจภัยแล้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เจ้าหนู..ออกมาได้แล้วรึ ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!”