ตอนที่ 538 ประจักษ์

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 538

ประจักษ์

“หลินเฟย เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ”หลานฮวาว่าพลางกระโดดลงจากร่างของอสูรมังกรที่หลินเฟยใช้เป็นยานพาหนะลงไปยังถ้ำที่เคยเป็นสำนักร้อยบุปผามาก่อน แต่ยามนี้มันก็เป็นเพียงสำนักร้างเท่านั้นเอง

“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ให้ข้าเข้าไปช่วย”หลินเฟยถามพลางกะพริบตาปริบๆเหมือนจะบอกว่าตนเองอยากช่วยจริงๆนะ

“สำนักของข้าห้ามบุรุษเข้า เจ้าเองก็ไม่เว้นหรอกนะ”หลานฮวาว่าพลางเดินหายเข้าไปในสำนักของตนเองทันทีทำเอาหลินเฟยได้แต่ทำหน้ามุ่ยพามังกรลงไปยืนบนพื้นแล้วหาอะไรทำนั่งรออยู่ข้างนอก

“……..”หลานฮวาตั้งแต่ฝังศพของอาจารย์และเหล่าศิษย์ในสำนักเสร็จก็ไม่เคยกลับมาที่สำนักร้อยบุปผาอีกเลย เพราะภาพในวันนั้นยังคงฝังใจนางอยู่ทุกค่ำคืน เพียงแต่…..

“มีแต่รอยบิ่น”หลานฮวาว่าพลางเดินมายืนอยู่ตรงหลุมศพของพวกศิษย์พี่และศิษย์น้องของตน รวมถึงหลุมฝังศพของอาจารย์ด้วย โดยรอบข้างของหลุมศพมีอาวุธที่หลานฮวารวบรวมมาวางเอาไว้เคียงข้างเจ้าของเหล่าอาวุธแต่ละเล่ม เพียงแต่เมื่อดูดีๆแล้วกลับพบว่าอาวุธของเหล่าศิษย์ในสำนักมีแต่รอยบิ่นเล็กๆเท่านั้น

เคร๊ง!! หลานฮวานำกระบี่ที่หลินเฟยทำให้ออกมา ก่อนจะนำกระบี่ของศิษย์คนหนึ่งออกมาฟาดกระทบกันอย่างแรง ผลที่ออกมาก็คือกระบี่ของศิษย์ในสำนักแตกกระจายไม่มีชิ้นดี ความต่างของกระบี่ที่หลินเฟยนำมาให้นั้นเทียบไม่ได้เลยกับของที่ศิษย์ในสำนักร้อยบุปผาใช้

แน่นอนว่ากระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งพอๆกับทวนสีขาวของจูล่ง เพราะก่อนหน้านี้จูล่งใช้ทวนของมันหวดใส่กระบี่ในมือของนาง เสียงกระทบนั่นทำให้หลานฮวาเชื่อว่าทั้งสองต่างมีความแข็งแกร่งไม่ต่างกัน หากผู้สังหารเหล่าพี่น้องของนางคือจูล่งจริง เกรงว่าอาวุธของพวกนางจะพังเป็นชิ้นๆไปหมดแล้วแน่ๆ ไม่มีทางเหลือเพียงรอยบิ่นจำนวนมากเท่านั้นหรอก

“………..”ยิ่งเดินภายในสำนัก หลานฮวาก็เหมือนพึ่งได้ตาสว่างเป็นครั้งแรก ร่องรอยการต่อสู้ในสำนักของนางนั้นเป็นร่องรอยเล็กๆจากกระบี่เสียมากกว่า แต่ไป๋จูล่งที่อาจารย์บอกว่าเป็นผู้ลงมือสังหารนั้นกลับใช้ทวนเป็นอาวุธ แถมหากมันลงมือจริงศิษย์ในสำนักไม่มีทางตอบโต้ได้จนเกิดร่องรอยการต่อสู้ลากยาวไปทั้งสำนักเช่นนี้หรอก

“นี่มันอะไร….”หลานฮวาเดินมาถึงห้องของเจ้าสำนัก ห้องที่อาจารย์ของนางใช้เป็นที่อยู่อาศัยก่อนจะหายตัวไป ที่ห้องนี้มีรูขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากการโจมตี บางทีนี่อาจจะเป็นร่องรอยเดียวที่ไป๋จูล่งทิ้งเอาไว้เลยก็เป็นได้ ภายในรูนั้นปรากฏห้องขังที่หลานฮวาไม่เคยเห็นมาก่อน แถมยังมีร่องรอยว่าเคยขังใครสักคนเอาไว้อีกต่างหาก

.

.

“พี่หลานฮวา เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”หลินเฟยถามพลางเดินเข้าไปหาหลานฮวาที่พึ่งเดินออกมาจากสำนัก ใบหน้าของนางยามนี้เศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่ว่าจะสิ่งใดก็ไม่ชี้ไปทางไป๋จูล่งเลยนอกจากสิ่งที่อาจารย์บอกนางเท่านั้น

“ข้าจะไปที่สำนักผลาญสุริยัน”หลานฮวาว่าพลางขอให้ไป๋หลินเฟยพานางเดินทางไปที่ตั้งของสำนักผลาญสุริยันที่อยู่ไม่ห่างกันนัก ด้วยปีกของมังกรบินเพียงอึดใจเดียวก็มาถึงแล้ว

ตูม!! ไม่พูดพร่ำทำเพลง หลานฮวาก็กระโดดวูบลงไปบนพื้นที่ว่างกลางลานฝึกซ้อมของสำนักผลาญสุริยันทันทีที่มาถึง เล่นเอาเหล่าศิษย์ของสำนักพากันแตกตื่นเอาอาวุธออกมาจ่อไปที่นางทันที แต่เพราะพลังของนางสูงมากเลยไม่มีครกล้าเข้าไปโจมตีนางเลยแม้แต่คนเดียว

“ข้าอยากจะขอพบเจ้าสำนักของพวกเจ้าหน่อย”หลานฮวาพูดพลางมองไปรอบๆด้วยสายตาจริงจัง ยามนี้นางกล้าบุกเข้ามาในสำนักของศัตรูเพราะนางไม่คิดจะมาเพื่อสู้อีกแล้ว สิ่งที่นางต้องการตอนนี้คือความจริง

“หลานฮวา…นั่นเจ้างั้นหรือ”แทนที่จะได้รับการตอบรับจากศิษย์ในสำนักผลาญสุริยัน เสียงที่หลานฮวาได้ยินคือเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งเสียอย่างนั้น แต่เสียงนั่นช่างคุ้นเคยอย่างประหลาด

“ศิษย์พี่….”หลานฮวาเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ เมื่อเหลือบสายตาไปมองตามเสียงที่ดังมา หลานฮวากลับพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือศิษย์คนหนึ่งของสำนักร้อยบุปผา และเป็นศิษย์พี่ไม่กี่คนของนางนั่นเอง

“หลานฮวา ดีจริงๆที่เจ้ายังรอดมาได้”หญิงสาวคนนั้นพูดพลางเข้ามากอดร่างของหลานฮวาเอาไว้แน่น ทำให้เหล่าศิษย์สำนักผลาญสุริยันพากันลดอาวุธลงกันถ้วนหน้า

“ศิษย์พี่ ข้านึกว่าท่านตายไปแล้วเสียอีก”หลานฮวาพูดด้วยท่าทีเหมือนกำลังจะร้องไห้

“ข้าเองก็เกือบตายไปเหมือนกัน โชคดีที่อาจารย์แทงไม่โดนจุดตายของข้า”หญิงสาวตอบพลางกุมไปที่ท้องของตนเอง

“ท่าน…ท่านว่าอะไรนะ อาจารย์แทงท่านงั้นหรือ”หลานฮวาถามด้วยท่าทีตกใจ อาจารย์ของนางแทงศิษย์พี่ของนางนี่มันเรื่องอะไรกัน

“หลานฮวา หรือว่าเจ้าจะไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้น”หญิงสาวถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย

“มะ ไม่…ข้ากลับมาถึงทุกคนก็ตายหมดแล้วยกเว้นแค่อาจารย์เท่านั้น ท่านบอกว่าไป๋จูล่งร่วมมือกับสำนักผลาญสุริยันฆ่าล้างสำนักของเราจนหมด…”หลานฮวาตอบด้วยท่าทีอึ้งๆ

“อาจารย์….แม้แต่ก่อนจะตายท่านก็โกหกงั้นหรือ”หญิงสาวก้มหน้าลงด้วยท่าทีเสียใจ หากนางไปเห็นสภาพเช่นนั้นแล้วได้ฟังจากอาจารย์ที่นับถ็คงได้แต่เชื่อเท่านั้นเหมือนกัน

“หลานฮวา ในวันนั้น…….”หญิงสาวผู้เป็นศิษย์พี่ของหลานฮวาเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช้าๆ ตั้งแต่วันที่จูล่งมาถึง และวันที่จูล่งพาคนของสำนักผลาญสุริยันมายังสำนักร้อยบุปผาแล้วชิงตัวบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันคืนไป รวมถึงตอนที่เหล่าศิษย์กล่าวโทษอาจารย์และเริ่มต่อสู้กัน

ส่วนตัวหญิงสาวนั้นก็สู้กับเหล่าศิษย์คนอื่นๆเช่นกัน แต่เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เลยพยายามหลบหนีออกมา และได้คนของสำนักผลาญสุริยันช่วยเอาไว้และรับนางเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักในเวลาต่อมา แต่กว่าบาดแผลจะหายดีนางก็พบว่าที่สำนักร้อยบุปผาไม่เหลือใครอีกแล้ว แถมศพยังถูกผังจนหมดอีกต่างหาก และวันนี้นางก็ได้รู้เสียทีว่าคนที่ฝังศพของเหล่าพี่น้องคือหลานฮวานั่นเอง

“เรื่องเช่นนี้”หลานฮวาราวกับร่างกำลังแตกสลาย ความแค้นที่กัดกินตัวนางมาร่วมหลายปี สุดท้ายแล้วเป็นเพียงลมปากของอาจารย์เท่านั้น

“หลานฮวา เจ้าแค่โดนอาจารย์หลอกเท่านั้น เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกนะ”ศิษย์พี่ของหลานฮวาว่าพลางกุมมือของหลานฮวาเอาไว้แน่น

“ฮะๆ…”หลานฮวาหัวเราะออกมาพลางเก็บกระบี่ของตนเข้ามิติไปอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์ ท่านพลาดแล้ว”หลานฮวาว่าพลางหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ นางควรเศร้าเสียใจหรือโกรธแค้นอาจารย์ดี แม้จะตายนางก็ยังหลอกให้หลานฮวาจมอยู่กับความแค้นและยังส่งนางไปกำจัดจูล่งอีก

“ท่านคิดว่าจะมีใครทำอะไรผู้ชายคนนั้นได้จริงๆงั้นหรือ”หลานฮวาส่ายหน้าพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ หากส่งนางไปสู้ตายที่สำนักผลาญสุริยัน ความเสียหายอาจจะมากกว่านี้ก็ได้ แต่นางกลับเลือกที่จะแก้แค้นไป๋จูล่ง ต่อให้ส่งศิษย์ทั้งสำนักไปก็อย่าหวังจะได้เลือดสักหยดจากมันเลย อาจารย์ แม้ก่อนตายท่านก็ยังพลาดที่คิดจะไปยุ่งกับคนๆนั้น

สุดท้ายแล้วหลานฮวาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย นางกลัดกลุ้มกับความแค้นหลายปีและฝึกฝนวิชาอย่างหนักเพื่อเพื่อจะได้สู้กับไป๋จูล่งได้ แต่ก่อนที่นางจะทำอะไรความจริงก็เปิดเผยเสียก่อน กลายเป็นว่าแผนการก่อนตายของอาจารย์กลับโดนไป๋หลินเฟยเก็บก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นเสียอีก

“หลานฮวา เจ้าไหวหรือเปล่า”ศิษย์พี่ของหลานฮวาถามพลางมองหลานฮวาที่เริ่มหัวเราะอยู่คนเดียวมากเกินไปเสียแล้ว

“ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ”หลานฮวาตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ เท่านี้นางก็หลุดพ้นจากความแค้นที่อาจารย์ฝังเอาไว้เสียที แม้จะเสียใจที่ความจริงอาจารย์ต่างหากที่เป็นคนสังหารเหล่าพี่น้องของนาง แต่เมื่อเทียบกับความเครียดที่ต้องไปเผชิญหน้ากับปีศาจอย่างจูล่ง เรื่องแค่นี้ทำเอานางหมดกังวลไปเลย เพราะถึงอย่างไรนางก็ทำใจเรื่องการตายของเหล่าพี่น้องได้แล้วจากระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

“งั้นหรือ”ศิษย์พี่ของหลานฮวาเห็นนางยิ้มออกมาก็โล่งใจ

“หลานฮวา เจ้ามาอยู่กับข้าที่นี่ดีหรือไม่ สำนักผลาญสุริยันทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ท่านเจ้าสำนักต้องยินดีให้เจ้ามาอยู่ด้วยแน่ๆ”ศิษย์พี่ของหลานฮวาถามออกมาเพราะสำนักร้อยบุปผาไม่เหลืออีกแล้ว หลานฮวาเองก็คงจะไร้ที่ไปเช่นกัน

“ขอบคุณเจ้าค่ะศิษย์พี่ แต่ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้ติดตามของคนๆหนึ่งไปแล้ว”หลานฮวาตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าปลอดโปร่ง ในเมื่อความแค้นก็ไม่มีแล้ว สำนักก็ไม่มีให้กลับ งั้นนางก็ขอใช้ชีวิตตามใจตนเองเสียหน่อยแล้วกัน

“ผู้ติดตาม ของใครงั้นหรือ?”ศิษย์พี่ของหลานฮวาถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย พลังของหลานฮวาพัฒนาขึ้นมาก ระดับของนางตอนนี้จะทำอะไรก็สบายทั้งนั้น ทำไมถึงไปเป็นผู้ติดตามของคนอื่นกัน

ฟุบ….ยังไม่ทันได้คำตอบ ร่างของมังกรตนหนึ่งก็ร่อนลงมายืนอยู่ด้านหลังของหลานฮวา แม้จะไม่ได้เป็นมังกรระดับบรรพกาล แต่ก็เป็นมังกรที่แข็งแกร่งมากตนหนึ่ง เพียงมันลงมายืนบนพื้นก็ทำเอาเหล่าศิษย์สำนักผลาญสุริยันตกใจกันถ้วนหน้าแล้ว

“พี่หลานฮวา เป็นอย่างไรบ้างได้ความอะไรหรือเปล่า”ไป๋หลินเฟยถามพลางมองไปทางหลานฮวาด้วยท่าทีสงสัย มันเห็นหลานฮวายืนคุยกับหญิงสาวคนนั้นอยู่นานสองนานไม่เข้าไปในสำนักเสียที นึกว่าพวกมันห้ามหลานฮวาไม่ให้เข้าไปในสำนักมันก็เลยจะลงมาช่วยเสียหน่อย

“ข้ารู้เรื่องที่ต้องการแล้ว หลินเฟย เรากลับกันเถอะ”หลานฮวาว่าพลางบอกลาศิษย์พี่แล้วขึ้นไปบนหลังมังกรทันที

“งั้นหรือขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ เท่านี้มันก็ไม่ต้องแกล้งทำเป็นอยู่ห่างท่านน้าแล้วสินะ

“จริงสิหลินเฟย เจ้าช่วยแวะเมืองๆหนึ่งให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”หลานฮวาถามขณะมังกรกำลังออกบินอีกครั้ง

“ได้สิขอรับ ว่าแต่ท่านจะแวะทำไมหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีสงสัย นางจะซื้ออะไรก่อนกลับหรืออย่างไร

“ข้านึกวิธีลงโทษเจ้าออกแล้ว”หลานฮวาว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยใบหน้าร่าเริงอย่างที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนานตรงกันข้ามหลินเฟยกลับทำหน้าเบ้ออกมาแทบจะทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น นี่นางคิดจะทำอะไรกับมันกันแน่…