บทที่ 5 บทที่ 52-2 คุกในมรสุม

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 52-2 คุกในมรสุม โดย Ink Stone_Fantasy

เริ่นจื่อหลิงมาแล้ว…

เซอร์หม่าจึงวิ่งเหยาะๆ เข้ามา “พี่สะใภ้ คุณมาอีกทำไมครับ”

“มาสังเกตการณ์” เริ่นจื่อหลิงมองค้อนหม่าโฮ่วเต๋อครู่หนึ่ง แล้วยกกล่องคุกกี้ในมือขึ้น “มาส่งชายามบ่ายให้พวกนาย ทำไม ไม่ชอบงั้นเหรอ”

“ไม่ๆๆ ผมดีใจแทบไม่ทันเลย!” หม่าโฮ่วเต๋อรีบดันตัวเริ่นจื่อหลิงเข้าไปในห้องทำงานของตน “แต่ว่าทางผมมีเรื่องสำคัญ ไม่มีเวลาดูแลคุณนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้” เริ่นจื่อหลิงเหล่ตามองแล้วพูดว่า “แต่ว่า พวกนายดูจะยุ่งมากจริงๆ นะ? หายไปไหนกันหมด…อ้อ ยังมีอยู่อีกคน? นี่ใคร? ทำไมไม่เคยเจอมาก่อน?”

“คนที่คุณไม่เคยเจอยังมีอีกเยอะ” หม่าโฮ่วเต๋อรีบยืนขวางหน้าเริ่นจื่อหลิง เพื่อบังการมองเห็นของเธอ จากนั้นก็ทำท่ารูดซิปที่ปากตัวเอง “ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร! สถานีตำรวจออกประกาศจับไปทั่วทุกมุมโลก ผมรู้ว่าคุณต้องมาแน่นอน แต่ผมบอกไม่ได้หรอกนะ!”

“อ้อ ฉันนึกออกแล้ว หวังเย่ว์ชวนใช่ไหม” เริ่นจื่อหลิงตบหัวตัวเองแล้วพูดอย่างคาดไม่ถึง

หม่าโฮ่วเต๋อถามอย่างแปลกใจ คุณรู้จักเขา?”

“ฉันก็ว่าหน้าคล้ายๆ ที่แท้ก็ใช่จริงๆ สินะ?” เริ่นจื่อหลิงยักไหล่ “ฉันรู้จักเขาก็จริง แต่เขาไม่รู้จักฉันหรอก”

“แล้วคุณรู้จักคนนี้ได้ยังไง”

เริ่นจื่อหลิงมองหน้าหม่าโฮ่วเต๋อครู่หนึ่ง “นายลืมอาชีพฉันแล้วเหรอ หวังเย่ว์ชวนคลี่คลายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องคดีใหญ่เมื่อหนึ่งปีก่อนได้ ไม่ใช่แค่ฉัน วงการสื่อในมณฑลนี้ มีใครไม่รู้จักเขาบ้าง? แต่ว่าอยู่ในภูมิภาคที่ไกลเกินไป ฉันเลยขี้เกียจไปสัมภาษณ์แค่นั้นแหละ แต่จะว่าไป หมอนี่ก็ดูเท่เหมือนกันนะ มิน่าล่ะ ปีที่แล้วถึงได้โด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง น่าหลงใหลมากทีเดียว แต่ก็ยังหล่อสู้ลูกชายฉันไม่ได้หรอก!”

ทำไมความจำและสายตาของผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดีขนาดนี้นะ?

หม่าโฮ่วเต๋อกำลังคิดจะพูดบางอย่าง เริ่นจื่อหลิงกลับขมวดคิ้วถามอย่างฉงน “เอ๊ะ นักสืบมือฉกาจคนนี้อยู่ในสถานีตำรวจของมณฑลไม่ใช่เหรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”

หม่าโฮ่วเต๋ออ้าปากจะตอบ กลับได้ยินเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดมาจากด้านหลังเสียก่อน…เสียงของหวังเย่ว์ชวน

“นายตำรวจหม่า…นี่ใครกัน?”

หวังเย่ว์ชวนยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม เขาขมวดคิ้วมองมา…เซอร์หม่าพลันสมองชาไปชั่วขณะ

เขาควรอธิบายยังไงดี?

“เธอ…คือ…” เซอร์หม่ารีบพูดขึ้น “พนักงานส่งของ! ใช่แล้ว พนักงานส่งของ! ผมเห็นทุกคนเหนื่อยก็เลยสั่งชายามบ่ายมา”

เริ่นจื่อหลิงเบิกตาโตทันที

หวังเย่ว์ชวนกลับขมวดคิ้วถาม “แต่ทุกคนออกไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

หม่าโฮ่วเต๋อเหงื่อท่วมตัว แต่ยังคงใจแข็ง มองเริ่นจื่อหลิง แล้วตำหนิด้วยท่าทางโมโห “ใช่แล้ว! ฉันเรียกไปตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว! ตอนนี้เพิ่งจะมาส่ง เธอมัวชักช้าอะไรอยู่เนี่ย ยังอยากทำธุรกิจอยู่ไหม มัวแต่มองหนุ่มหล่อระหว่างทางอยู่หรือไง”

“นาย…ตำรวจหม่า” เริ่นจื่อหลิงส่ายหัวยิ้มตาหยีมองไปทางหม่าโฮ่วเต๋อ มองจนด้านหลังของเซอร์หม่ารู้สึกเย็นวาบ “ขอโทษค่ะ นายตำรวจหม่า ฉันเจอหนุ่มหล่อระหว่างทางจนละสายตาไปไม่ได้จริงๆ คุณอย่าตำหนิฉันเลยนะคะ…”

“มะ…ไม่หรอก” หม่าโฮ่วเต๋อมือเท้าเย็นไปหมด เขากระแอมไอแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่เป็นไร คราวหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน”

“อืม งั้น นายตำรวจหม่า รบกวนจ่ายเงินด้วยค่ะ” เริ่นจื่อหลิงหัวเราะคิกคักแล้วพูดต่อ “ขอบคุณมากสำหรับสองร้อยสามสิบสามหยวน”

“อะไรนะ? กล่องเล็กนี่ตั้งสองร้อยสามสิบสามหยวนเลยหรือ? นี่มันปล้นกันชัดๆ!”

“ไอหยา นาย…ตำรวจหม่า ร้านเราเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่วัตถุดิบเป็นของดีทั้งนั้น นาย…ตำรวจหม่าสั่งนี่ไว้แล้วนะคะ? ฉันเห็นว่าคุณ…เป็นลูกค้าเก่าของเรา ยอมลดให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วเชียวนะคะ”

หม่าโฮ่วเต๋อ…เซอร์หม่ามองสีหน้าประหลาดใจของหวังเย่ว์ชวนแวบหนึ่ง เขาทำได้เพียงควักเงินออกมาจากกระเป๋าแบบน้ำตาตกใน

“สองร้อยห้าสิบ ไม่ต้องทอน!”

เริ่นจื่อหลิงยัดกล่องคุกกี้ใส่มือหม่าโฮ่วเต๋อ โบกมือแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะ นาย…ตำรวจหม่า”

“มะ…ไม่ต้องเกรงใจ…” เมื่อเห็นว่าเริ่นจื่อหลิงหันหลังจากไปแล้วจริงๆ หม่าโฮ่วเต๋อจึงค่อยถอนหายใจ แต่หวังเย่ว์ชวนยังยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม หม่าโฮ่วเต๋อจึงหันกลับทั้งตัวแข็งทื่อ “เอ่อ…เพื่อนร่วมงานหวัง คุณจะกินสักหน่อยไหม”

“ไม่เป็นไร ผมยังไม่หิว” หวังเย่ว์ชวนส่ายหน้า แล้วเขาก็เดินเข้าไป

ทันใดนั้นเซอร์หม่าก็ตัวสั่น สักพักก็ยกกล่องขึ้นสูง ทำท่าจะโยนทิ้งลงบนพื้น…แต่ก็ชะงักมือไว้เสียก่อน

คุกกี้ราคาสองร้อยห้าสิบหยวน เขาทิ้งไม่ลงหรอก

แต่ทันใดนั้น เซอร์หม่าก็ได้รับข้อความจากเริ่นจื่อหลิงว่า [ฉันรู้ว่าจ้าวหรูอยู่ที่ไหน]

กลุ่มหมอกควันสีดำลอยเข้ามาในสมาคม หลังก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างแล้ว ก็ปรากฏให้เห็นใบหน้าคล้ายแม่มดชรา…ภูตดำหมายเลขสิบแปด

ภูตดำหมายเลขสิบแปดมองไปยังห้องรับแขกของสมาคมแวบหนึ่ง กลับไม่เห็นเจ้าของร้านนั่งอยู่ที่นี่

มีเพียงคุณโยวเย่ที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ตรงเคาน์เตอร์ และลูกค้าอีกคนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องเงียบๆ

โยวเย่พูดอย่างเฉยเมยว่า “หมายเลยสิบแปด มีธุระจะคุยกับนายท่านเหรอ ตอนนี้นายท่านยังไม่กลับมา”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดพยักหน้า “คุณหนูโยวเย่ก็ได้เหมือนกันค่ะ คือว่าหลายวันนี้ฉันหาข้อมูลลูกค้ามาได้…”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดล้วงการ์ดข้อมูลออกมาสามใบ

“คุณภาพสูงเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” โยวเย่พยักหน้า “วางไว้สิ รอนายท่านกลับมา ฉันจะมอบให้เขาเอง”

“รับทราบค่ะ” ภูตดำหมายเลขสิบแปดพยักหน้าด้วยความเคารพ “งั้นฉันไปหาลูกค้าใหม่ต่อแล้วนะคะ”

“ไปเถอะ” คุณสาวใช้โบกมือ

ภูตดำหมายเลขสิบแปดไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ก่อนออกจากประตูไป เธอกลับหันมาถามอย่างประหลาดใจว่า “จริงสิ คุณหนูโยวเย่ ทูตภูตดำมาใหม่หายไปไหนล่ะคะ?”

“เธอพูดถึงไท่อินจื่อเหรอ” โยวเย่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เขาน่าจะสบายดีทีเดียว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

ภูตดำเชื่อคำพูดของคุณสาวใช้ท่านนี้…

แต่ยังอดตัวสั่นไม่ได้ สักพักก็ลอยออกไปจากสมาคม

เสียงไม้เคาะชวนให้ขนลุกดังขึ้น

อย่าเข้าใจผิด ที่จริงที่นี่ไม่ได้มีเสียงไม้เคาะ นี่เป็นแค่เสียงถอดรองเท้าแตะเท่านั้น ไท่อินจื่อที่นั่งอยู่ด้วยท่าทางเรียบร้อย ตบรองเท้าแตะในมืออย่างแรง…ภายในห้องกิจกรรมนักโทษ

“…เสียงคันธนูดังขึ้น ลูกธนูบินออกไปดังฟิ้ววว ปักลงบนต้นไม้เล็กสองสามต้น ตอนนั้นเอง! ในค่ายก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้น ผู้คนตกใจจนเหงื่อแตกตัวเย็นเฉียบ! และแล้ว! พวกคุณว่ายังไงต่อ?”

 “ยังไงล่ะ?”

มีคนรีบท่ามกลางนักโทษสูงวัยกลุ่มหนึ่ง

เหล่าเฝิงใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยมมาตลอด แต่จู่ๆ หลายวันมานี้ก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา…แม้แต่นิทานที่เหล่าเฝิงเล่าก็ยังน่าฟังยิ่ง

นิทานที่เล่าคือสามก๊ก

“อืม…น้ำ!” ไท่อินจื่อกระแอมทีหนึ่ง น้ำแก้วหนึ่งก็ถูกส่งมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

ไท่อินจื่อดื่มน้ำจนชุ่มคอแล้ว เวลานี้เขาก็ตบรองเท้าแตะในมืออย่างแรง เสียงดังป้าบๆ

แต่ในเวลานี้ โจวเสี่ยวคุนกลับเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เขาเดินมาอยู่ข้างๆ ไท่อินจื่อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจมากว่า “แย่แล้ว พี่ พี่ เจ้าอ้วนจางมาหาพี่!”

“เจ้าอ้วนจางไหน? ฉันยังเล่าไม่ถึงตอนที่เวินโหวออกมาเลย! มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุย!” ไท่อินจื่อตะคอกอย่างไม่พอใจ

“ก็เจ้าอ้วนจางที่อยู่ห้องข้างๆ นั่นยังไงล่ะครับ!” โจวเสี่ยวคุนตอบด้วยท่าทีหวาดกลัว “พี่ พี่ลืมไม่ได้นะ เรื่องที่พี่แย่งบุหรี่ยี่ห้อล่ายลี่ซานเขาไปหกมวนมื่อวานไงล่ะ? เขาเป็นคนของเจ้าอ้วนจาง!”

แม้จะไม่รู้ว่าหลายวันมานี้พี่ชายคนนี้กระวนกระวายเรื่องอะไรกันแน่ แต่ดูเหมือนผิดปกติเกินไปแล้ว

พอดูการแสดงของพี่ชายเมื่อวานนี้แล้ว…โจวเสี่ยวคุนสาบานเลยว่า เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ชายคนนี้จะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ปกปิดได้มิดชิดมาก!

เขากะพริบตา ทำบุหรี่ล่ายลี่ซานของคนอื่นร่วงลงพื้น!

คงไม่ใช่…เก็บกดความเศร้าและความโกรธไว้จนระเบิดออกมานะ?

“คนไหนคือเหล่าเฝิง ออกมาเดี๋ยวนี้! ฉันสัญญาว่าจะไม่ตีแกจนตาย!”

เวลานี้เสียงหยาบกระด้างก็ดังขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด “กล้าแตะคนของเจ้าอ้วนจาง อยากตายนักใช่ไหม!!”