ส่วนที่ 5 ตอนที่ 63 เข็มที่กลางหลัง

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

ตระกูลอวิ๋นไม่เคยมีพวกไม่เอาไหน ลองดูคนรับใช้คนนี้ที่ภายนอกดูภักดีมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ เมื่อเหล่ากั๋วกงออกคำสั่งนั่นก็คือคำสั่งทหาร จำเป็นต้องทำตาม เพื่อทำตามคำสั่งแล้วแม้แต่เจ้านายยังต้องลงมือเลย ช่างเป็นคนรับใช้ตัวอย่างที่รักษาคำสั่งดั่งชีวิตจริงๆ สำหรับอวี้ฉือเหล่ากั๋วกงนั้นจะยังคงมีสติอยู่หรือไม่นั้นก็ไม่อาจรู้ได้

 

 

อวิ๋นเยี่ยดื่มเหล้าไปหนึ่งไหแล้วเช็ดปากและจากไป ได้จังหวะพอดีกำลังกระหายน้ำอยู่เลย ปากไหเหล้าถูกทาไว้ด้วยเหล้าข้าวเหนียวหมักที่ดีกรีแรงซึ่งได้อุณหภูมิเหมาะพอดื่ม คนรับใช้เหล่านี้มักจะเข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ ปากก็ชมเปาะพลางทิ้งให้หนิวเจี้ยนหู่ที่กอดไหเหล้ายืนอึ้งอยู่เอาไว้ตรงนั้น ออกไปต้อนรับแขกเพียงลำพัง

 

 

หลี่จิ้งโยนถั่วปากอ้าเข้าปากทีละเม็ดๆ ไม่ได้สนใจในอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเลยแม้แต่นิดเดียว อวี้ฉือกงตอนนี้ได้ปราบราชาขี้เมาไปสี่หรือห้าคนแล้ว ตอนนี้กำลังพยายามดึงเฉียนทงอยู่โดยบอกว่าเขาเป็นคนที่หก เฉียนทงน้อมตัวลง ปล่อยให้อุ้งตีนหมีของอวี้ฉือกงตบหลังของเขาไปมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่ได้ลดลงเลย ในตระกูลอวิ๋นไม่มีใครแล้ว นี่เป็นปัญหาใหญ่มาก การจะหาพ่อบ้านได้สักคนมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย หากต้องพังด้วยมือของอวี้ฉือจอมโง่มันไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ แต่ก็จะดูโหดร้ายเกินไปที่จะส่งสาวใช้สองสามคนไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา อวิ๋นเยี่ยจึงจำเป็นต้องมารับหน้าเอง

 

 

หลี่เซี่ยวกงนั้นเป็นคนที่ไม่เลวเลย ก่อนที่อวิ๋นเยี่ยจะเข้ามา เขาก็ได้รินเหล้าไว้เต็มๆ สามจอกใหญ่ๆ ทั้งยังหยิบขาหมูจากจานมาครึ่งขาและวางไว้ข้างๆ “ผู้ชายตระกูลอวิ๋นนั้นมีน้อย ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าฐานที่ชักช้า แต่งงานนี่นะ ต้องโดนเช่นนี้กันทุกคน ถ้ายังไม่ได้กินอะไรก็กินขาหมูก่อน เหล้าสามชามนี้ต้องดื่มให้หมดแล้วเรื่องจะจบ แล้วไปหาคนรับใช้ที่พอจะใช้การได้มารับหน้าแทน ฮึ”

 

 

ซึ่งนี่ไม่มีอะไรให้อธิบาย จึงเทเหล้าสามจอกลงในชามเล็กและรินเพิ่มอีกสามจอก อวิ๋นเยี่ยโค้งกายคำนับผู้อาวุโสแห่งกองทัพที่มาร่วมพิธีแต่งงานของเขาและพูดว่า “ผู้อาวุโสทุกท่านมาแสดงความยินดีกับผู้น้อย แต่ตระกูลอวิ๋นดูแลไม่ทั่วถึงจริงๆ จึงขออนุญาตให้ผู้เยาว์ได้ขอขมาด้วย” เมื่อพูดจบก็ยกชมขึ้นดื่มหมดในคราวเดียว

 

 

หลี่จิ้งที่นั่งเคี้ยวถั่วปากอ้าค่อยๆ พูดช้าๆ กับเหล่าแม่ทัพที่ร่วมโต๊ะว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะกะล่อน แต่ก็ยังมีความรับผิดชอบ บนทุ่งหญ้าสามารถกัดฟันตัดนิ้วมือนิ้วเท้าของทหารนับร้อยได้โดยหน้าไม่ถอดสี อาศัยอยู่ในกระท่อมน้ำแข็งตลอดฤดูหนาวก็ไม่บ่นลำบากสักคำ นับได้ว่ามีประสบการณ์อยู่บ้าง ภายหน้าต้องไปสนามรบให้มากกว่านี้ ตอนนี้แต่งงานแล้ว หลังจากใช้ชีวิตคู่สักปีมีผู้สืบทอดจึงจะเป็นเวลาที่เหมาะจะใช้เจ้าหนุ่มคนนี้ให้ถึงตายได้ ไม่ว่าไปตกอยู่ในมือของพี่น้องท่านใดก็ไม่ต้องเกรงใจ พวกที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดไม่ว่าอย่างไรก็ได้ผลประโยชน์ ไม่ว่าท่านจะให้เขาทำอะไรก็ตามเขาก็ทำจะให้ได้อย่างเรียบร้อยงดงาม ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากเท่าไหร่หากมอบหมายให้เขาก็ยิ่งมั่นใจได้”

 

 

แม่ทัพหลี่ต้าเลี่ยงตั้งค่ายประจำการอยู่ที่เจียวโจวมาโดยตลอด ยากนักที่จะกลับเมืองหลวง หลังจากเข้าเฝ้าแล้วก็เก็บตัวอยู่เป็นเพื่อนภรรยาและลูกๆ อยู่ที่หมู่บ้านนอกเมือง ประจวบเหมาะมาเจอกับงานแต่งงานของอวิ๋นเยี่ย สองวันก่อนอวิ๋นเยี่ยนำเทียบเชิญไปเชิญด้วยตนเองถึงที่บ้าน เขาจึงยอมก้าวเท้าออกจากบ้าน หลี่ต้าเลี่ยงลูบเคราและพูดกับฉินฉยงว่า “พี่ซูเป่า ดูไปแล้วสุขภาพดีขึ้นมาก ได้ยินมาว่านี่เป็นฝีมือของเจ้าหนุ่มคนนี้ เรื่องเล่าลือภายนอกยากจะเชื่อถือได้ เรื่องโรคของลูกข้าพวกท่านก็รู้ดี ไม่รู้ว่าเขาพอจะมีวิธีช่วยได้หรือไม่”

 

 

ฉินฉยงนั่ง รอให้รุ่นเหนียงเขี่ยก้างปลาออกให้เขา ร่างกายอ่อนแอมาก มือสั่นเทาไม่หยุดจึงไม่สามารถทำเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้ การที่หญิงในครอบครัวจะอยู่ข้างกายผู้สูงอายุเพื่อคอยรับใช้นั้นถือเป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไปในต้าถัง แต่รุ่นเหนียงนั้นชอบจะมาดูแลตระกูลฉิน มีผู้อาวุโสที่นั่งอยู่เต็มโต๊ะแต่นางเลือกที่จะนำก้างปลาออกให้เหล่าฉินเพียงคนเดียว ปลาเฉาจะมีก้างสักเท่าไหร่กัน นางก็นั่งเขี่ยก้างปลาออกอยู่ค่อนวัน

 

 

สิ่งนี้ทำให้เหล่าฉินได้หน้าเป็นอย่างมาก ใบหน้าสีเหลืองของเขาเริ่มมีสีแดงแล้ว เมื่อได้ยินสหายเก่าถามเช่นนี้ เขาจึงพูดกับอวิ๋นเยี่ยตรงๆ ว่า “ลูกชายที่เป็นคนดูแลครอบครัวของท่านอาหลี่เจ้าเป็นเด็กดีมาก เพียงแต่เป็นคนพูดติดขัด ทุกครั้งที่พูดมักทำให้คนร้อนใจไปด้วย เจ้าช่วยหาเวลาไปดูหน่อย หากรักษาโรคได้ ท่านอาหลี่ของเจ้าจะซาบซึ้งเจ้าไปตลอดชีวิต รวมถึงตาเฒ่าอย่างพวกเราก็ถือว่าเป็นหนี้น้ำใจเจ้าด้วยเช่นกัน”

 

 

ที่แท้เป็นคนติดอ่าง นี่เป็นภาวะบกพร่องทางการสื่อความซึ่งเป็นการสูญเสียความสามารถใช้การใช้หรือเข้าใจคำพูด ไม่ใช่โรค หลังจากผ่านการอบรมและการชี้นำแล้ว ขอเพียงสามารถลบต้นเหตุแห่งความกลัวของเขาทิ้งไปได้อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้เร็วเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่การสนทนาทั่วไปจะไม่มีปัญหาใดๆ ในยุคปัจจุบันมีแผ่นโฆษณาเล็กๆ สำหรับการรักษาอาการพูดติดอ่างอยู่เต็มเสาไฟฟ้า โรคเล็กๆ ที่พวกแพทย์ทหารกว่างโจวสามารถรักษาให้หายขาดได้ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะทำไม่ได้ นอกจากนี้ก็เคยได้ยินเรื่องการพูดติดอ่างของหลี่ว่านหลี่มานานแล้ว เพียงแต่คนเขาไม่มาหาเรา เราก็ไม่สามารถไปถามได้ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจเป็นการล่วงเกินผู้อื่นเข้าและจะได้กลายเป็นแพทย์ทหารกว่างโจวจริงๆ นอกจากนี้พี่หลี่ว่านหลี่เผิงเฉิงตนเองก็ชอบพูดว่าไม่มีปัญหา ทั้งยังร้องเพลงได้ไม่เลวด้วย แต่พูดคุยกับคนอื่นไม่ได้ เมื่อพูดก็จะติดอ่างทันที ตระกูลเฉิงและหลี่นั้นเป็นสหายกันมาหลายชั่วคน เฉิงฉู่มั่วก็ไม่ยอมไปเล่นกับเขาโดยบอกว่าไม่ชอบเพราะคุยด้วยแล้วเหนื่อยมาก

 

 

“ข้าเองก็ว่าเพราะเหตุใดพี่เผิงเฉิงจึงบ่ายเบี่ยงไม่ยินดีที่จะมาสำนักศึกษา ที่แท้มีเรื่องนี้เป็นเหตุรวมอยู่ในนั้นด้วย เมื่อท่านอาหลี่กลับไปแล้วรบกวนท่านส่งเผิงเฉิงมาที่นี่ หนึ่งปีให้หลังหลานชายจะส่งมอบลูกชายที่พูดได้อย่างคล่องแคล่วให้แก่ท่าน”

 

 

“ที่นี่มีผู้อาวุโสมากมาย ข้าน้อยย่อมไม่กล้าคุยโม้โอ้อวด” หลี่ต้าเลี่ยงไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร เขาเชิญหมอชื่อดังมานับไม่ถ้วน คนนี้บอกว่าเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ อีกคนก็บอกว่าเป็นโรคเกี่ยวกับปอด กินยามากมายแต่ก็ไม่เห็นว่าอาการจะดีขึ้น ซ้ำร้ายยิ่งรุนแรงมากขึ้นด้วย เคยมีตัวอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อนจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้สึกสงสัยอยู่บ้างกับการที่อวิ๋นเยี่ยรับปากอย่างง่ายดาย

 

 

ฉินฉยงที่กำลังรับประทานปลาอยู่ก็เงยหน้า พูดกับหลี่ต้าเลี่ยงว่า “เขารับปากแล้วก็เป็นเรื่องของเขา เจ้าจะสนใจอะไรมากมาย หนึ่งปีผ่านไปเจ้าคอยตรวจสอบผลลัพธ์ก็พอ เรื่องอื่นนั้นไม่ต้องไปสนใจ ไม่เช่นนั้นเรามาพนันกัน หนึ่งปีให้หลังมาดูคำตอบกัน พี่ชายขอพนันว่าโรคของเสี่ยวเผิงจะต้องได้รับการรักษาจนหายขาด ส่วนของเดิมพันก็เป็นแมวป่าสองตัวของเจ้า ข้าสัญญากับแม่หนูรุ่นเหนียงไว้ว่าจะให้นางหนึ่งตัว มิฉะนั้นข้าคงกินปลาด้วยความรู้สึกผิด”

 

 

“ที่บ้านของน้องชายมีอยู่ หากท่านพี่ชอบก็มานำไปได้เลย เหตุใดต้องทำให้วุ่นวายเพียงนั้น คราวนี้ข้ากลับเมืองหลวง ฝ่าบาทจะให้ข้ารับเจ้ากรมแรงงาน จัดการทำความสะอาดความวุ่นวายให้เป็นระเบียบ พึ่งพาบารมีเจ้าหนุ่มคนนี้เหล่าตู้ถูกเขาหลอกจนหัวปั่นไปหมด บ่นโอดครวญจะลาป่วยออกจากราชการ คราวนี้คนกันเองเป็นคนรับงานต่อ เจ้าหนุ่ม ลูกไม้อันแพรวพราวของเจ้าก็เล่นให้น้อยลงหน่อย ปล่อยให้ข้าได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายสักช่วงหนึ่ง”

 

 

หลี่ต้าเลี่ยงรับตำแหน่งเป็นเจ้ากรมแรงงานแล้ว นี่กลับถือเป็นข่าวดี เหล่าพี่น้องในกองทัพต่างหัวเราะร่วน ตลอดเวลาที่ผ่านมาขุนนางฝ่ายบุ๋นไม่ยอมเลิกล้มความพยายามที่จะควบคุมหกกรมในราชสำนักให้ได้ อวิ๋นเยี่ยเป็นคนของกองทัพการกระทำของเขานั้นสอดคล้องกับความต้องการของเหล่าแม่ทัพเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาก่อเรื่องขึ้นแต่กลับไม่ได้ถูกตอบโต้อะไรมากมายนัก และต่างก็มองว่านี่เป็นความประสงค์ของทหาร

 

 

งานแต่งงานดำเนินต่อไป หลี่จิ้งไม่ใช่ว่าไม่กินอะไรเลย แต่เขากินเพียงแค่ปลาและยังกินไปสี่ตัวแล้วด้วย เมื่อจะกลับยังสั่งให้ห่อกลับบ้านด้วย ตั้งแต่กลับมาถึงเมืองหลวง เขากำลังปวดศีรษะเกี่ยวกับเรื่องอาหารและที่พัก ซ่อมแซมสวนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเร็วๆ นี้เขาชอบกินปลาขึ้นมาอวิ๋นเยี่ยจึงทำปลาหลีฮื้อให้ทำจนหลี่จิ้งหนีเตลิดเปิดเปิง อวิ๋นเยี่ยไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ตั้งใจไปถามพ่อครัวโดยเฉพาะจึงได้รู้ว่าในต้าถังไม่อนุญาตให้กินปลาหลีฮื้อ ซึ่งมีพระราชโองการนี้โดยเฉพาะตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน นี่มันกฎบ้าบออะไรกัน ชาวบ้านแต่ละคนมีสีหน้าซีดเหลืองและผอม ปลาหลีฮื้อแต่ละตัวในแม่น้ำได้จะกลายเป็นปีศาจปลากันอยู่แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่คนโง่เรื่องตกปลาอย่างตนเองจะสามารถตกได้ปลาหลีฮื้อหนักถึงเจ็ดแปดจิน ปลาพวกนี้ตอนนี้ไม่กลัวผู้คนแล้ว ถ้ากล้าหย่อนเบ็ดมันก็กล้ากัดเหยื่อ อย่างไรเสียแม้ว่าจับได้ก็จะต้องรีบปล่อยมันไปทันที ทั้งยังห้ามไม่ให้ใครรู้อีก นี่เป็นเพราะฮ่องเต้แซ่หลี่[1] ถ้าหากคนแซ่หมี่[2]เป็นคนครองบัลลังก์ ชาวบ้านทั่วหล้าจะไม่อดตายกันหมดหรือ อวิ๋นเยี่ยตัดสินใจว่าหากคราวหน้ารัชทายาทมาที่นี่ เขาจะต้องทำปลาหลีฮื้อเปรี้ยวหวานให้รัชทายาทกิน รอจนกินหมดแล้วค่อยบอกเขา จะดูว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกินพวกเดียวกันหรือไม่

 

 

หลี่กังถูกสวี่จิ้งจงพยุงขึ้นรถเทียมวัว พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เมามาย หัวเราะคึกคักสนุกสนาน เคารพผู้อาวุโสรักเด็กตอนนี้เหลาสวี่ทำตามได้อย่างดีเยี่ยม การดูแลทุกเรื่องในสำนักศึกษาก็ไม่ขาดตกบกพร่อง หลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีเรื่องการโกงเกิดขึ้นอีกซึ่งทำให้อวิ๋นเยี่ยประหลาดใจมาก ตอนนี้สำนักศึกษาดำเนินการไปได้ด้วยดี สวี่จิ้งจงนั้นมีส่วนช่วยอย่างมาก อาคารขนาดเล็กริมน้ำทำให้ทั้งครอบครัวของเขายิ้มหน้าบาน บางทีสำนักศึกษาอาจเป็นสถานที่แรกที่ยอมรับเขาจริงๆ วันนี้เป็นวันรับเจ้าสาว ผู้ที่ถือพลองพันผ้าตีเฉิงฉู่มั่วอย่างดุดันที่สุดก็คือภรรยาของเขา ในอดีตไม่มีใครเชิญเขาทั้งครอบครัวมาร่วมงานแต่งงาน แม้จะเชิญก็มีเพียงสวี่จิ้งจงเพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็เกี่ยวข้องกับงานราชการ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมิตรภาพเลย

 

 

เหล่าชาวบ้านก็จากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ได้กินอาหารตั้งแต่เที่ยงจนถึงมืดเป็นที่น่าดีใจมากจริงๆ หมูสามชั้นตุ๋นซอสแดงชามใหญ่ชามแล้วชาวเล่าถูกสั่งออกมาไม่ขาดสายและยังมีหมูสามชั้นพะโล้ที่มันเยิ้ม หากใครกินผักจะโดนดูถูก ผู้ที่กินปลาจะชวนให้คนอื่นอารมณ์เสีย เมื่อเด็กๆ กินเนื้อมากเกินไปอยากจะกินผัดรากบัวแก้เลี่ยน ก็จะถูกบิดาจิ้มด้วยตะเกียบที่หน้าผาก ตักได้ไก่ครึ่งตัวก็วางใส่ชามของลูก…

 

 

ภาพรวมนั้นทุกคนพอใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ระดับกั๋วกงจนถึงชาวบ้านต่างก็พึงพอใจมาก พ่อครัวของตระกูลอวิ๋นไม่ได้รับค่าแรงเปล่าๆ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เดินเชิดหน้าชูตาอยู่นอกตระกูลอวิ๋นได้อย่างเต็มที่ เหล่าจวงถือตะกร้าเดินเล่นอยู่รอบลานบ้านและหยิบไก่ออกมาหนึ่งตัวโยนขึ้นหลังคาบ้านเป็นระยะๆ อวิ๋นเยี่ยเห็นมือยื่นออกมาจากในมุมมืดและจับไก่ไว้แน่นจากนั้นก็หดกลับเข้าไป เหล่าเจียงนั่งอยู่บนเขาจำลองเพียงลำพังและรินเองดื่มเองอยู่คนเดียวด้วยท่าทางภูมิใจมาก เมื่อเห็นว่าอวิ๋นเยี่ยจะเดินเข้ามาก็โบกมือส่งสัญญาณว่าไม่ต้อง

 

 

สวนหลังบ้านเงียบสงบมาก โคมไฟสีแดงเปล่งแสงสลัวดูอบอุ่น สวนหลังบ้านทั้งสวนเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความมงคล เสี่ยวชิวเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูห้องของอวิ๋นเยี่ย นางเพิ่งจะไล่เฉิงฉู่มั่วที่ออกมาจากหลังพุ่มดอกไม้ให้กลับออกไป จั่งซุนชงกำลังรับการรักษาด้วยการนวดเอวอยู่ ถูกเหล่าเจียงดึงออกมาจากด้านหลังเสามีหรือจะโดนเบาๆ ส่วนหนิวเจี้ยนหู่นั้นหาตัวไม่เจอ คนรับใช้ที่เป็นราชาขี้เมานั้นบอกว่าเสี่ยวโหวเหยียทนฤทธิ์เหล้าไม่ไหวจึงเข้านอนแล้ว

 

 

ซินเย่ว์นั่งนิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียง ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนี้มานานแล้ว อวิ๋นเยี่ยรู้สึกผิดเล็กน้อย งานแต่งงานของตระกูลใหญ่อย่าเรียกว่างานแต่งงาน แต่น่าจะเรียกว่างานสังสรรค์ในสังคมมากกว่า มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ การร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก การลองใจทุกประเภท การเป็นปรปักษ์ทุกชนิดต่างก็เปิดเผยออกมาทีละอย่าง อวิ๋นเยี่ยในเวลานี้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงที่จะรับมือ

 

 

“เหนื่อยไหม” อวิ๋นเยี่ยดึงซินเย่ว์ให้ลุกขึ้นแล้วกอดไว้ในอ้อมแขน ซุกศีรษะไว้ระหว่างซอกคอนาง สูดดมกลิ่นหอมที่ชวนให้เมามายและถามนางเบาๆ

 

 

“เหนื่อยและปวดด้วย” หลังจากพูดจบนางก็เริ่มถอดเสื้อผ้า

 

 

เช่นนี้ก็แลดูใจร้อนเกินไปหน่อยกระมัง อวิ๋นเยี่ยมองซินเย่ว์ที่ถอดเสื้อผ้าด้วยอาการตกตะลึง เบื้องหน้าเห็นนางถอดเสื้อผ้าจนดูเหมือนแกะขาวตัวหนึ่ง จากนั้นก็นอนบนเตียงและเรียกอวิ๋นเยี่ย “ท่านพี่ รีบช่วยข้าด้วย”

 

 

เรื่องนี้ต้องรีบช่วย อวิ๋นเยี่ยถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าไปช่วยคลายความเจ็บปวดของซินเย่ว์ ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะใช้รูปแบบเสือหิวกินอาหารหรือมังกรคู่โผล่พ้นน้ำจึงจะดีกว่ากัน จึงจะสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกตัวเองว่าอดรนทนรอไม่ไหวแล้วอยู่นั้น กลับพบว่าซินเย่ว์พลิกแขนข้างหนึ่งโอบมาที่ด้านหลังเขาด้วยความยากลำบาก ท่าทางแปลกๆ นี่มันอะไรกัน

 

 

เมื่อจ้องมองดูเขาก็โกรธมาก เข็มปักผ้ายาวหนึ่งนิ้วที่ร้อยเชือกห้าสีถูกฝังไว้ที่หลังของซินเย่ว์ เลือดจับตัวแข็งเป็นก้อนแล้ว จึงเอื้อมมือดึงเข็มออกมาและนำผ้าเปียกมาค่อยๆ เช็ดรอยเลือดบนแผ่นหลังของนางอย่างทะนุถนอม รู้ได้ว่านี่เป็นประเพณีประหลาดของพวกทหารฝ่ายบู๊อีกแล้วเพื่อเป็นการข่มขวัญเจ้าสาว ภายหน้าจะได้ดูแลควบคุมได้ง่าย ไม่กล้าวางอำนาจบาตรใหญ่มากเกินควร

 

 

ซินเย่ว์พลิกตัวกลับมานอนอยู่ในอ้อมแขนของอวิ๋นเยี่ย พูดอย่างน่าสงสารว่า “สี่เหนียงบอกว่านี่เป็นประเพณี มีเพียงการทำเช่นนี้จึงจะช่วยคุ้มครองให้ลูกหลานตระกูลอวิ๋นเจริญรุ่งเรืองชั่วลูกชั่วหลาน”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] หลี่ซื่อหมินนั้นแซ่หลี่ ซึ่งปลาหลีฮื้อหรือปลาคาร์พในภาษาจีนอ่านว่า ‘หลีอวี๋’ ซึ่งออกเสียงใกล้เคียงกับแซ่หลี่ จึงถือว่าหากกินปลาหลีอวี๋ก็เหมือนกินคนแซ่หลี่ด้วย

 

 

[2] คำว่าข้าว ในภาษาจีนกลางนั้นออกเสียงว่า ‘หมี่’