SD:บทที่ 67 เขาคือใคร
ตำรวจและนักสู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่พวกเขายื่นห่างเพื่อหลีกทางให้ ซู ฉิวไป่ ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในประตูบาร์ คนขับรถรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยดูเหมือนสถานการณ์รุนแรงเกินไป
เมื่อได้เดินผ่านกลุ่มตำรวจติดอาวุธแล้วคุณจะเข้าใจ….
ในตอนแรกยังมีคนติดตามอยู่ข้างหลังเขา แต่พวกเขาหยุดลงเมื่อเดินมาถึงประตู ซู ฉิวไป่ ลังเลชั่วครู่ก่อนจะเดินเข้าไป
กู่ จ้านชุน ให้เขาดูวีดีโอก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่า ซู ฉิวไป่ จะ จะเคยเห็นคนจำนวนมากคล้ายกับพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้เช่นเดียวกับพวกเขา หากสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นคงไม่มีปัญหา แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะไม่เป็นมิตร และถ้าคนอยู่ข้างในเห็นเขาเป็นศัตรูล่ะ!
หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ เดินเข้ามาในบาร์เขาเห็นชายทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายวัยกลางคนที่อยู่ในเสื้อคลุมปักลายมังกรยืนอยู่ตรงกลาง เขามีรังสีดุร้ายที่สามารถรู้สึกได้ตั้งแต่ระยะไกล ผู้หญิงที่อยู่ในเครื่องแบบตำรวจยังคงอยู่ถัดจากเขาเนื่องจากเป็นตัวประกัน
แม้ว่าเธอจะดูซุ่มซ่าม แต่เธอก็ค่อนข้างน่ารัก!
ชายทั้ง 4 คนก็มองมาที่ ซู ฉิวไป่ ด้วยเช่นกัน หลายปีในการต่อสู้ในสงครามของพวกเขาทำให้พวกเขามีความตระหนักรู้ ดังนั้นก่อนที่ ซู ฉิวไป่ จะเดินเข้ามาพวกเขาก็รู้สึกถึงบุคคลด้านนอก ดังนั้นพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ อย่างไรก็ตามพวกเขาเงยหน้าขึ้นพวกเขาสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายเดินเข้ามาเพียงคนเดียว
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าผมควรเรียกฝ่าบาทของพวกคุณว่าอย่างไร”
ในความเงียบสงบ ซู ฉิวไป่ ยืนอยู่ห่างออกไป 10 เมตรและถามพวกเขาด้วยรอยยิ้ม…แต่กลับไม่มีใครพูด
“เอ่อ..อาจมีการเข้าใจผิดกันแต่ไม่มีใครพยายามที่จะทำร้ายคุณ!ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปก่อนแล้วผมจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังภายหลัง!”
ซู ฉิวไป่ รู้สึกพูดไม่ออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสายตาของชายวัยกลางคนที่อยู่ในเสื้อคลุมปักลายมังกรจ้องมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนตายไปแล้ว สายที่อยู่ด้านซ้ายทำให้ ซู ฉิวไป่ รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งเขารู้สึกถึงความเยือกเย็นจากระยะไกล
ซู ฉิวไป่ ยังคงพูดต่อไปแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบๆ
ซู ฉิวไป่ ก้าวไปด้านหน้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่ขณะเดียวกันคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ขยับตัวจากนั้นมีวัตถุสีดำพุ่งตรงออกมา ถ้า ซู ฉิวไป่ ไม่สามารถหดหัวของเขาได้เร็วพอหัวของเขาคงกระเด็นออกไปอย่างแน่นอน และเมื่อเขาสังเกตวัตถุสีดำนั้นเขาก็เห็นว่า มันคือปืนพก
เวรล่ะ…พวกเขาต้องการที่จะฆ่าฉัน!
ซู ฉิวไป่ เข้าใจคนเหล่านั้นชัดเจนว่าพวกเขาไม่เป็นมิตร มันไม่มีความหมายที่เขาจะอธิบายตัวเองอีกต่อไปแต่เขาไม่สามารถปล่อยให้คนเหล่านี้อยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องพูดถึงตำรวจที่เป็นตัวประกัน
ซู ฉิวไป่ รู้สึกขมขื่นแม้ว่าเขาต้องการที่จะออกไปจากที่นี่แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของตำรวจสาว เขาอดคิดถึงผลที่ตามมาจากการล้มเหลวของภารกิจมันทำให้ ซู ฉิวไป่ ถอนหายใจและมองไปยังฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปและให้ผมเป็นตัวประกันแทน จากนั้นมาคุยกันดีกว่า”
คนขับรถพูดด้วยความจริงใจ
ชายทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามยังคงเงียบแต่ เซี่ย เซี่ยวโม่ ได้ยินคำพูดของ ซู ฉิวไป่ เธอค่อนข้างรู้สึกซึ้งใจ แม้ว่าเธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครแต่เธอไม่ได้คาดหวังให้เขามาเป็นตัวประกันแทนเธอ
ฉันต้องขอบคุณเขาหลังจากเรื่องนี้จบลง!
ด้วยความคิดนั้นทำให้เธอมีความหวัง เธอรู้สึกประหม่ามากจนแทบหายใจไม่ออก หลังจากรอมานานก็ยังไม่มีคำตอบ ซู ฉิวไป่ รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
หากเขาไม่สามารถจัดการกับคนพวกนี้ คนข้างนอกก็จะเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วยเช่นกันอาจมีการบาดเจ็บและสถานการณ์อาจไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป แต่การต่อสู้กับพวกเขา พลังของ กู่ จ้านชุน ยังไม่เพียงพอ
ฉันยังไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะเดินทางผ่านช่องมิติเวลาไปยังภูเขาเหลียงซาน ไม่เช่นนั้นฉันจะไปขอให้ อู่ซง และ นักบวชดอกไม้ให้มาช่วยปราบปรามคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่เขากำลังขบคิดเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ภูเขาเหลียงซาน ก็มีกลุ่มคนอีกพวกหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาในใจของ ซู ฉิวไป่
ใช่แล้ว…ฉันลืมไปได้ยังไง!
มีจักรพรรดิคนเดียวอยู่ที่นี่ แต่ ซู ฉิวไป่ มีจักรพรรดิอยู่ฝ่ายเขาถึง 4 คน แม้ว่าจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ให้จักรพรรดิเหล่านั้นต่อสู้กันและกัน…แต่ใครจะไปแคร์ล่ะ!ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ในการแก้ปัญหาแล้ว ตอนนี้เขามีแต่ความคิดนี้เท่านั้น หลังจากคนเหล่านี้ยอมแพ้ฉันจะอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟังอีกที!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซู ฉิวไป่ หันกลับไปแต่ก่อนที่เขาจะออกไปเขาได้ตะโกนไปยังอีกฝ่ายว่า
“รอก่อน เดี๋ยวผมกลับมา!”
จากนั้นเขาก็ออกไป…ชายทั้ง 4 คนและ เซี่ย เซี่ยวโม่ รู้สึกงุนงง
นี่เป็นการต่อสู้ระดับประถมใช่หรือไม่ ?
เมื่อ กู่ จ้านชุน และตำรวจคนอื่นสังเกตเห็น ซู ฉิวไป่ ออกมาพวกเขาทั้งหมดรีบเข้าไปสอบถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ซู ฉิวไป่ ทำได้เพียงส่ายหัวเขาไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์ให้คนเหล่านี้ฟังได้อย่างไร
“อย่าเพิ่งเข้าไปด้านในมันอันตรายมาก พวกเขาจะไม่ทำร้ายตัวประกันในตอนนี้ เดี๋ยวผมกลับมา!”
หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ เตือน กู่ จ้านชุน คนอื่นอาจไม่เข้าใจแต่ กู่ จ้านชุน เราบางสิ่งบางอย่างได้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย โดยไม่ต้องถาม ซู ฉิวไป่ ต้องไปหาเหล่าพี่ชายของเขาอย่างแน่นอนจากนั้นเขาจะเข้าไปด้านในอีกครั้งและต่อสู้กับคนพวกนี้!
กู่ จ้านชุน เล่าถึงพี่น้องของ ซู ฉิวไป่ ซึ่งดูเหมือนราวกับเป็นทายาทของปีศาจและสั่งการทุกคนอย่างรวดเร็ว เมื่อซู ฉิวไป่ กลับมาห้ามใครทำให้คนที่มากับ ซู ฉิวไป่ รำคาญ และอย่าสงสัยหากเห็นอะไรแปลกๆ!
ในไม่ช้าตำรวจทั้งหมดก็ได้รับคำสั่ง แม้พวกเขาจะเคารพในคำสั่งของ กู่ จ้านชุน แต่พวกเขาก็อดที่จะงงกับสถานการณ์ไม่ได้
คนขับรถแท็กซี่คนนี้ทำอะไรกันแน่?ทำไมผู้บังคับบัญชาการพึ่งสั่งอะไรแปลกๆแบบนี้?
ซู ฉิวไป่ ขับรถออกจากถนนและตรงไปยังบ้านพักตากอากาศของเขา ในตอนนี้เขาอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งหนึ่ง
จักรพรรดิที่อยู่ในบาร์คือใคร?
เขาพยายามค้นหาคำตอบในสมองของเขาแต่ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์ สุดท้ายและประวัติความเป็นมาของประวัติศาสตร์ถูกหลงลืมไปกับช่วงเรียนโรงเรียนของเขาไปแล้ว
หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์ ซู ฉิวไป่ มั่นใจว่าจักรพรรดิเหล่านั้นคงกำลังทำลายห้องนั่งเล่นอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าไปในบ้านสถานการณ์กลับข่มขืนอย่างไม่คาดคิด ทุกคนรวมตัวกัน เขาไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิเหล่านี้กำลังทำอะไร
“ของข้า…”
“ไม่…”
“ ไพ่คู่คิง! ฮ่าฮ่า …ข้าชนะ!”
นี่คือเสียงตะโกนครั้งสุดท้ายของจักรพรรดิหลิวเช่อ
ซู ฉิวไป่ รู้สึกตะลึงกับภาพที่เห็น เฮ้ย… Dou Dizhu! (เกมไพ่)
ในขณะเดียวกันเขาก็เห็น เฉา ตั้วเฟย เดินออกมาจากห้องน้ำและเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหล่านั้นกำลังสับไพ่เพื่อรอเล่นเกมถัดไป ซู ฉิวไป่ ก็หยุดพวกเขาทันที
“ผมพบจักรพรรดิองค์สุดท้ายแล้ว แต่มีปัญหาบางอย่าง เขาไม่เชื่อผม..หากไม่มีวิธีพาเขามาที่นี่จะไม่มีใครสามารถกลับบ้านได้”
ซู ฉิวไป่ อธิบายเหตุการณ์ทันทีทำให้จักรพรรดิคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจ
“ใคร?เขาคือจักรพรรดิองค์ไหน?”
จักรพรรดิเฉียนหลงเงยหน้าขึ้นและถาม ซู ฉิวไป่
“ ผม…โอ้ใช่ ผมมีรูปถ่าย!”
หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ พูดเขาก็จำได้ว่าเขามีภาพถ่ายจาก กู่ จ้านชุน อย่างไรก็ตามหลังจากที่แสดงรูปถ่ายแล้ว ซู ฉิวไป่ เพิ่งรู้ตัวว่า แล้วจักรพรรดิเหล่านี้จะเคยเห็นรูปร่างหน้าตาของจักรพรรดิองค์นี้ได้ยังไง?
แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อดูรูปถ่าย ซู ฉิวไป่ ได้แต่นี่เงียบๆ
ทันใดนั้นจักรพรรดิหลิวเช่อ ก็ตะโกนออกมาว่า
“เขานั่นเอง!”
ทันทีที่เขาตะโกนออกมาทุกคนก็หันมามองหน้าเขา
เขาเป็นคนแรกที่ได้เป็นจักรพรรดิ!
“เขาคือใคร?มาจากราชวงศ์ไหน”
จักรพรรดิเจงกิสข่านถามอย่างกระตือรือร้น
“ ฉินฉื่อหวังตี้ จักรพรรดิเจิ้ง” (จิ๋นซีฮ่องเต้)
จักรพรรดิหลิวเช่อ พูดออกมาอย่างช้าๆ เมื่อพูดดังนั้นทุกคนใช้เวลาสักครู่ในการขบคิดการแสดงออกบนใบหน้าของแต่ละคนเคร่งขรึม
สามารถสรุปถึงความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งระหว่าง จิ๋นซีฮ่องเต้กับจักรพรรดิที่เหลือนั่นคือ ฉินฉื่อหวังตี้เป็นคนแรกที่ใช้ชื่อ “จักรพรรดิ” ทุกคนรู้ว่าใครคือ จักรพรรดิฉินฉื่อหวังตี้ แต่เขากลับไม่รู้จักจักรพรรดิคนอื่นเลย
อาจกล่าวได้ว่าทุกคนที่เป็นจักรพรรดิพยายามดำเนินตามรอยเท้าของ ฉินฉื่อหวังตี้
หลังจากนั้นเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่เงียบงัน
เฉิงเหยาจิ้น พูดออกมาอย่างกระตือรือร้น
“หากเขาคือจักรพรรดิเจิ้งจริงๆ อีก 2 คนควรจะเป็น หวังเจียน และเม็งวู และนี่อาจคือ ไป๋ฉี (ทั้ง 3เป็นนายพลที่ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฉิน)
ในขณะที่อธิบายเฉิงเหยาจิ้นก็ชี้นิ้วของเขาไปยังชายที่ดูเย็นชาที่ยืนอยู่ข้างๆจักรพรรดิเจิ้ง!
——————————————