SD:บทที่ 68  จักรพรรดิฉินตายอย่างไร

 

นักฆ่าระดับพระเจ้า ไป๋ฉี?

ไป๋ฉีสามารถฆ่าคน 450,000 คนในสงครามรัฐเฉา

แม้แต่ ซู ฉิวไป่ ที่ได้ยินชื่อยังรู้สึกเสียวสันหลัง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจเมื่อยืนอยู่ห่างจากชายคนนั้นในบาร์

ซู ฉิวไป่ จำได้ทันทีว่าเขาพูดพล่ามเป็นเวลานานแต่คนในบาร์กลับแสดงถึงความเป็นศัตรูและล้อเล่นกับชีวิตของเขา!

“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

จักรพรรดิเจงกิสข่าน รีบไปถือคันธนูที่แขวนอยู่บนกำแพงและถามขึ้นทันที ฉินซือเป่า ได้นำกระบองทองของเขาออกมาในขณะเดียวกัน ยูจิกงก็เริ่มเช็ดแส้เหล็กคู่ของเขา!

เพียงชั่วครู่ภายในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความลึกลับ  ซู ฉิวไป่ เฝ้าดูจักรพรรดิเหล่านั้นเริ่มคันไม้คันมือ เขามีความรู้สึกไม่ดีจริงๆเห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิที่เข้ากันก่อนหน้านี้ทำไมพวกเขาถึงเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินชื่อ ฉินฉื่อหวังตี้

เขาคิดว่าเขาไม่ควรขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้

“พวกคุณกำลังทำอะไร ผมบอกให้พวกคุณไปช่วยโน้มน้าวเขาไม่ใช่ให้ไปต่อสู้”

ซู ฉิวไป่ พยายามปิดกั้นพวกเขาและเตือนอย่างรวดเร็ว

“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าโตขึ้นมาก็ได้ยินเรื่องราวของจักรพรรดิเจิ้ง ข้าฝันที่จะได้เห็นบุคคลนี้มาตลอด ถ้าข้าสามารถประลองฝีมือกับเขาได้ข้าจะไม่เสียใจเลยในชีวิตนี้!ข้าไม่คาดคิดว่าโอกาสจะมาถึงในวันนี้!”

คนที่พูดคือจักรพรรดิไทจง แห่งราชวงศ์ถัง  ซู ฉิวไป่ กำลังจ้องมองจักรพรรดิที่ส่องประกายพันปีก่อนในประวัติศาสตร์จีน ในขณะนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะทำสงครามจนไม่สามารถควบคุมได้!

“ข้าด้วย!ไม่มีใครอยากพลาดการต่อสู้กับจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฉิน!”

“ใช่แล้วพวกเราจะสู้กับเขา มันคุ้มค่าที่เกิดมา!”

จักรพรรดิหลิวเช่อ และจักรพรรดิเฉียนหลงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

หลายคนในปัจจุบันต่างคิดว่าจักรพรรดิแห่งประวัติศาสตร์จีนนั้นส่วนใหญ่หลงไหลในสุรา นารี  ซู ฉิวไป่ เองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน  แต่ในเวลานี้เขาได้เห็นถึงพลังของจักรพรรดิผู้ทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์!

จักรพรรดิเจงกิสข่านและนายพลทั้ง 3 คนของจักรพรรดิราชวงศ์ถังสนใจ ไป๋ฉีและหวังเจียนเป็นอย่างมาก

“ข้าขอบอกไว้ก่อน ไป๋ฉี เป็นของข้า เจ้าห้ามแย่งเขาไปจากข้า!”

“ข้าจะจัดการหวังเจียน!”

“ถ้าอย่างนั้นเม็งวูก็เป็นของข้า!”

……

ซู ฉิวไป่ รู้สึกว่าเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในตอนนี้ แต่เขาไม่มีความคิดอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว

ซู ฉิวไป่ รู้ว่าชายในชุดคลุมปักลายมังกรนั้นเป็นจักรพรรดิเจิ้งและเขายังนำนายพลไป๋ฉีและหวังเจียนมาด้วยเช่นกัน  ซู ฉิวไป่ รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวพวกเขาแม้แต่คนเดียว ตอนนั้นเขาหวังว่าหลังจากที่เขานำจักรพรรดิเหล่านี้ไปที่บาร์พวกเขาจะสามารถอธิบายสถานการณ์ได้

ด้วยความคิดเช่นนี้เขาจึงโบกมือส่งสัญญาณให้กับ เฉา ตั้วเฟย เพื่อขอให้เขาเตรียมขับรถ

เฉา ตั้วเฟย รู้สึกอึดอัดใจ ในตอนแรกเมื่อได้ยินว่าพวกเขาเป็นจักรพรรดิ เฉา ตั้วเฟย คิดว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นคนบ้าแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดก่อนหน้านี้ทำไมรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นจักรพรรดิจริงๆ!

เขารู้ดีว่าเจ้านายของเขานั้นมักมีความลับมากมายแต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะถาม เฉิงเหยาจิ้น ชายคนนี้เคยโยนเขาขึ้นบนท้องฟ้ามาก่อน เฉา ตั้วเฟย รู้สึกเข้าใจยากมากยิ่งขึ้น เขาถือกุญแจรถติดตาม ซู ฉิวไป่ ไป

20 นาทีต่อมา  ซู ฉิวไป่ และ เฉา ตั้วเฟย ขับรถฝ่าวงล้อมเข้ามายังทางเข้าของบาร์โดยตรง

กู่ จ้านชุน กำลังรอคอยพวกเขาอยู่และเมื่อเห็นรถมาถึงเขารีบต้อนรับด้วยความตื่นเต้น เขากำลังเดาว่า ซู ฉิวไป่ ไปตามพี่ชายคนไหนของเขามาในเวลานี้?หรือจะเป็นคนหัวล้านที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง? หรือจะเป็นชายผิวดำที่มีขวานยักษ์ 2 ด้าม

อย่างไรก็ตามเขาต้องตกตะลึงหลังจากเห็นคนลงจากรถ หากเขาเห็นคนเหล่านี้จากสถานที่อื่นเขาคงคิดว่าคนเหล่านี้เป็นนักแสดงแต่เมื่อเห็นพวกเขาในเวลานี้  กู่ จ้านชุน ได้แต่ตัวสั่น เขารู้สึกขนลุกและเสียวสันหลัง

เจ้าหน้าที่ตำรวจธรรมดาเหล่านี้ไม่รู้สึกอะไรเลยแต่เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก

คนหนึ่งถือคฑาทองคำอีกคนนึง ถือแส้เหล็กและมีแม้กระทั่ง..คันธนู!

“คุณซู พวกเขาเหล่านี้คือ…?”

กู่ จ้านชุน กว่าจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับคนเหล่านี้และเขายังไม่รู้จักต้นกำเนิดของคนเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงถาม ซู ฉิวไป่ อย่างรวดเร็ว

“นี่คือเพื่อนของผม คุณไม่ต้องกังวลไป แต่คุณต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเข้ามาขัดขวางในระหว่างที่ผมกำลังจัดการกับสถานการณ์นี้”

หลังจากพูดกับ กู่ จ้านชุน  แล้ว ซู ฉิวไป่ มองไปด้านหลังและสังเกตุเห็นว่าจักรพรรดิทุกคนมองไปที่บาร์อย่างจริงจังดูเหมือนพวกเขารู้สึกถึงรังสีการฆ่าฟันที่แผ่กระจายออกมา

ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิเจิงยังคงจ้องมองมาที่ประตู เขารู้สึกถึงพลังชนิดหนึ่งที่เปล่งประกายจากด้านนอก ไป๋ฉีตะโกนขึ้นอย่างเยือกเย็นในขณะที่หวังเจียนและเม็งวูกำมือแน่น

ระดับความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากทำให้การรับรู้คู่ต่อสู้นั้นชัดเจนมาก ดังนั้นก่อนที่จะพบคู่ต่อสู้พวกเขาเองก็พร้อมที่จะสู้เช่นกัน

“ไปกันเถอะ..ตามผมมา”

ซู ฉิวไป่ ยิ้มอย่างขมขื่นจากนั้นบอกจักรพรรดิที่อยู่ด้านหลังของเขาและเดินนำไปสู่บาร์ มันเป็นภาพที่แปลกจริงๆกลุ่มตำรวจติดอาวุธเฝ้าดูชาย 7 คนที่แต่งตัวแปลกประหลาดตามหลัง ซู ฉิวไป่ เข้าไปสู่บาร์ด้านหน้า

ด้านในเมื่อทั้งสองฝ่ายพบกันความกดดันในอากาศดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจนแทบระเบิด!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจักรพรรดิเจิ้งก้าวมาข้างหน้าและไป๋ฉีเหล่ตามองเล็กน้อย

จักรพรรดิคนอื่นๆก้าวไปด้านหน้า จากนั้น ฉินซือเป่าและยูจิกงที่อยู่ด้านหลังยกอาวุธขึ้น จักรพรรดิเจ่งกิสข่านก็ยกคันธนูยาวของเขาขึ้นเช่นกัน

พวกเขาอยู่ห่างกันมากกว่า 10 เมตร สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก

ซู ฉิวไป่ อยากจะตบหัวตัวเอง เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ตลอดทางแต่แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ!

เขารีบตะโกนขึ้นมาทันทีว่า

“ทุกคน ใจเย็นก่อน และฟังผม!”

เขาตะโกนขึ้นขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางคนทั้งสองฝ่าย หากเขาไม่อธิบายสถานการณ์อย่างถูกต้องจะมีผู้เสียชีวิตจากการต่อสู้ คนเหล่านี้ฆ่าคนมาหลายพันคนดังนั้นการฆ่าใครสักคนจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา

จักรพรรดิฉินเคยพูด :เมื่อจักรพรรดิพิโรธจะต้องมีศพนับล้าน!

หากคนเหล่านี้เป็นเพียงผู้เดียวที่อยู่ในบาร์แห่งนี้คงไม่มีปัญหาสำหรับ ซู ฉิวไป่ ที่จะอธิบายเหตุการณ์อย่างเปิดเผย  เขาคงไม่ต้องกังวลอะไรแต่มีตำรวจหญิงคนหนึ่งถูกจับเป็นตัวประกันหากเขาพูดความจริงอาจมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไม่จำเป็น

ดังนั้น ซู ฉิวไป่ ลังเลก่อนที่จะพูดกับจักรพรรดิเจิ้งอีกครั้ง

“ผมขอพูดซ้ำอีกครั้ง ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปก่อนแล้วผมจะอธิบายให้คุณฟังว่าเกิดอะไรขึ้น คุณต้องอยากรู้แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร”

ดวงตาของจักรพรรดิเจิ้งมุ่งตรงมาที่ ซู ฉิวไป่ เมื่อเขาพูดจบจากนั้นเขาแล้วหันไปมองไป๋ฉี จากนั้น เซี่ย เซี่ยวโม่ ก็ถูกทำให้สลบโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคือ ฉินฉื่อหวังตี้  จักรพรรดิเจิ้ง ส่วนเขาคือ ไป๋ฉี และอีก 2 คนคือหวังเจียนและเม็งวู?”

ซู ฉิวไป่ สูดลมหายใจลึกเขารู้ว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะสามารถอธิบายทุกอย่างหากเขาไม่สามารถอธิบายให้กับจักรพรรดิเจิ้งเข้าใจ ตัวเลือกเดียวที่เหลือก็คือการต่อสู้

มันใช้เวลาเกือบ 5 นาทีหรือมากกว่านั้นทั้งบาร์เต็มไปด้วยคำพูดของ ซู ฉิวไป่ เพียงคนเดียว ดวงตาของจักรพรรดิเจิ้งเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆหลังจากได้เห็นจักรพรรดิคนอื่นๆที่สวมชุดคลุมลายมังกรยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ไป๋ฉีก็ดูเหมือนลดความเย็นชาลง

“ดังนั้นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ วันนี้เป็นวันปีใหม่ปี 2560 คุณไม่ควรอยู่ที่นี่ แต่เป็นเพราะความผิดปกติของมิติและเวลาดังนั้น…คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม”

ซู ฉิวไป่ รู้สึกกระหายน้ํามากหลังจากพูดเป็นเวลานานในที่สุดเขาก็อธิบายสถานการณ์จบ

“เจ้าจงบอกข้าใครเป็นคนฆ่าข้า ในฐานะจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฉิน”

แน่นอนว่าจักรพรรดิองค์แรกนั้นหยิ่งทะนงมากกว่าใครเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาแค่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเขาที่เป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฉิน

ซู ฉิวไป่ ตกตะลึงและรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะ ค้นหาในอินเทอร์เน็ต

“คุณรอเดี๋ยวผมกำลังตรวจสอบ….มันเป็นแบบนี้ ใน คริสตศักราช 207  จักรพรรดิฉินยอมจำนนต่อ หลิวปัง หลิวปังเป็นปู่ของเขา!” จากนั้น ซู ฉิวไป่ ชี้ไปที่จักรพรรดิหลิวเช่อขณะที่พูด

จักรพรรดิหลิวเช่อรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยแต่จักรพรรดิเจิ้งตะโกนออกมา

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเขาจะเป็นจักรพรรดิได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของหลิวเช่อกลายเป็นมืดมน  ซู ฉิวไป่ พยายามควบคุมสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อ อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา จักรพรรดิเจิ้งก็ชี้ไปที่ จักรพรรดิไทจงและจักรพรรดิเฉียนหลง

“ตามลักษณะของพวกเจ้าข้าบอกได้เลยว่าพวกเจ้าคงตายเร็วซะยิ่งกว่าข้าอีก!”