บทที่ 495 แผนการของเรด้า

รักหวานอมเปรี้ยว

มันเป็นอุบัติเหตุ เธอไม่ตั้งใจจะกระโจนใส่เขาแบบนั้น

และในฐานะสุภาพบุรุษ เขาควรจะเข้ามารับเธอไว้ไม่ใช่หรือ?

ก่อนที่จะมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ เธอก็คิดอยากจะใกล้ชิดกับเขามาโดยตลอด เนื่องด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงแอบเตรียมการเอาไว้

แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อเดินเข้าไปถึงในห้องรับรอง ด้วยความโง่เง่าของตัวเธอเองทำให้เขารู้สึกโมโห เธอจึงไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้แม้แต่นิดเดียว

และก็คาดไม่ถึงอีกเช่นกันว่าสวรรค์จะเมตตาเข้าข้างเธอสร้างโอกาสนี้ให้กับเธอ

นั่นหมายความว่าแม้แต่เบื้องบนก็ต้องการให้ทั้งสองอยู่เป็นคู่ครองกันใช่หรือไม่?

ดังนั้นการเตรียมการในตอนแรกของเธอ ก็สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

เมื่อคิดได้ดังนั้น เรด้าก็รีบเก็บความตื่นเต้นบนใบหน้าของเธอไป แล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นความตื่นตระหนก เพื่อป้องกันไม่ให้เขาจับได้ ไม่อย่างนั้นคงจะผิดแผนและล้มเหลว

“ประธานเปปเปอร์คะ ช่วยฉันด้วย!” เรด้ามองไปทางเปปเปอร์แล้วตะโกนขึ้น น้ำเสียงของเธอดูสั่นคลอนราวกับว่ากำลังหวาดกลัว

แต่เปปเปอร์ฟังไม่ออกถึงความหวาดกลัวใดทั้งสิ้น ในทางกลับกันรู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอกระตุ้นแก้วหูเหลือเกิน

กระตุ้นให้เขารีบเข้ามารับเธอเอาไว้

แววตาของเปปเปอร์แฝงความรังเกียจและเบื่อหน่ายก่อนจะก้าวขาเดินตรงออกไปทันที

เรด้าเข้าใจความคิดของเขา เธอจึงเบิกตากว้างแสดงสีหน้าออกมาอย่างเหลือเชื่อ

เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าเขาจะเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ เห็นคนตกทุกข์ได้ยากก็ไม่คิดช่วย เขาไม่สงสารสุภาพสตรีบ้างหรือไง!

เขา…… เขาเป็นผู้ชายหรือเปล่า?

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นเรด้าก็ไม่คิดจะปล่อยเปปเปอร์ไป

เธอจำเป็นจะต้องจับเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะล้มลงไปที่พื้น

สิ่งที่รอรับเธอก็คือพื้นอันเยือกเย็น

หากว่าเธอล้มลงไปแบบนี้ ซิลิโคนในจมูกของเธอไม่ทะลุออกมาก็คงจะแปลก อีกทั้งซิลิโคนที่หน้าอกของเธอก็อาจแตกได้

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ใบหน้าของเรด้าก็ซีดเผือดทันใด เธอไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงและความเร็วมาจากที่ไหนวินาทีที่เปปเปอร์กำลังจะหลีกเธอ เธอก็รีบเข้าไปคว้าแขนของเขาไว้และเอนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“แชะ!”

ขณะเดียวกัน บริเวณหลังพุ่มไม้ในสวนดอกไม้ที่ไม่ไกลออกไปนัก มีปาปารัสซี่คนหนึ่งกดปุ่มชัตเตอร์ถ่ายภาพเมื่อครูเอาไว้ จากนั้น ชายหนุ่มก็มองดูภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มออกมาจนเห็นฟันสีเหลือง ดวงตาหรี่เล็กเสียจนเป็นเส้นเดียวกัน ก่อนจะเก็บ กล้องถ่ายรูปลงไปในกระเป๋าแล้วย่องเดินจากไป

ดูเหมือนว่าโทรศัพท์มือถือในมือของเธอจะสั่น เรด้า เหลือบมองไปทางพุ่มไม้ เธอปล่อยมือออกก่อนที่เปปเปอร์จะโมโหแล้วสะบัดมือเธอทิ้ง จากนั้นเธอก็ถอยออกไปสองเก้า ยืนนิ่งทำท่าทางเหมือนตกอกตกใจดวงตาแดงเรื่อ รีบโค้งขอโทษเปปเปอร์ไม่หยุด “ขอโทษค่ะประธานเปปเปอร์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ……”

เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาเพียงแค่หรี่ตาลงแล้วจองที่เธอด้วยความเย็นชา

เรด้า รู้สึกได้ถึงแววตาอันเย็นชาที่อยู่เหนือศีรษะเธอ ตอนนี้แม้แต่หนังศีรษะของเธอก็เย็นวูบวาบ หัวใจหดเกร็ง

ประธานเปปเปอร์……คงจะไม่ลงมือทำร้ายใครหรอกใช่ไหม?

เมื่อคิดได้ดังนั้น เรด้าก็รีบยืดตัวตรงแล้วถอยกลับไปสองเก้าโดยไม่รู้ตัว เธอกล่าวกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวังว่า “ประธานเปปเปอร์คะ……”

“คุณกลับไปบอกกับชนศักดิ์นะว่าไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันอีกต่อไป ให้เขาเดินทางมาบริษัทตระกูลนวบดินทร์ในวันพรุ่งนี้เพื่อเซ็นหนังสือผิดสัญญา” เปปเปอร์มองไปทางแขนเสื้อของตนที่มีรอยยับยู่ยี่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก

ตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะแขนข้างซ้ายของเขายังคงใส่เฝือกอยู่ คาดว่าเขาคงจะโยนเสื้อทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

ช่างน่าขยะแขยงเหลือเกิน

อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ เมื่อสักครู่เขาตั้งใจจะหลบเธอขนาดนั้น แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงเข้ามาคว้าแขนเขาเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจ

เขาไม่สามารถทำอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ แต่สำหรับชนศักดิ์เขาไม่จำเป็นจะต้องไปคิดมาก

เมื่อได้ยินเปปเปอร์บอกว่าสิ้นสุดความร่วมมือ เรด้าก็ทำสีหน้าซีดเผือด

ตอนนี้เธอรู้ว่าต่อให้เธออ้อนวอนแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

เพราะเขาได้พูดออกมาถึงการลงนามผิดสัญญาแล้ว นั่นก็หมายความว่าทุกสิ่งอย่างไม่มีโอกาสที่จะดีขึ้นได้เลย

เธอทำเรื่องผิดพลาดขึ้นอีกแล้ว

บางทีเมื่อครู่หากเธอเข้าไปอ้อนวอนดีๆ เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้

แต่เมื่อครู่ที่เธอเข้าไปดึงเขาเอาไว้ ทำให้ความน่าจะเป็นนั้นถูกยุติลง และตัดขาดความร่วมมือระหว่างตระกูลจักรีศานส์ และตระกูลนวบดินทร์ ถ้าหากว่าพ่อของเธอรู้เข้า คงจะเอาเธอตายแน่

เมื่อนึกถึงพ่อของเธอที่โหดร้ายไม่ต่างกับมาเฟีย เรด้าก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

แต่ในไม่ช้าดูเหมือนเธอคิดอะไรขึ้นมาได้ แววตาเธอเป็นประกายวาบก่อนจะสงบลง

เธอมองไปทางเปปเปอร์แล้วตอบอย่างหวาดกลัวว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

เปปเปอร์ไม่ได้สนใจเธออีก เขาเพียงเหลือบไปมองดูแขนเสื้อที่ยับย่นแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเดินไปทางรถ Maybach ที่จอดอยู่ข้างทาง

ตอนที่เรด้าเดินทางมานั้น เธอเดินทางมาพร้อมกับเขา แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าจะกลับไปพร้อมเขา

เกรงว่าต่อให้เธอเดินตรงเข้าไปก็คงจะถูกเขาขับไล่ลงจากรถอยู่ดี

ด้วยเหตุนี้เองเรด้ารู้ตัวดี จึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนและมองดูเขาขับรถจากไป

หลังจากที่ Maybach คันนั้นขับออกไปแล้ว เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก

อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์ เสียงผู้ชายวัยกลางคนอันหยาบกร้านดังขึ้น “ด้างานเลี้ยงกับประธานเปปเปอร์เป็นอย่างไรบ้าง?”

เรด้าพยายามต่อต้านความหวาดกลัวในใจแล้วกัดฟันตอบกลับว่า “พ่อคะ หนู ทำให้ความร่วมมือของบริษัทเรากับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ล้มเหลว ประธานเปปเปอร์บอกว่าวันพรุ่งนี้ให้พ่อเดินทางไปที่บริษัทนวบดินทร์เพื่อลงนามการผิดสัญญา……”

“อะไรนะ?!” เสียงจากปลายสายดังขึ้นทันใด ทั้งแหลมคมและดูดุร้าย “เรด้า เจ้าตัวซวย แกกล้าทำให้ความร่วมมือที่กว่าฉันจะได้รับมาจบเห่ แกเชื่อไหมว่าฉันจะถลกหนังแกออกเดี๋ยวนี้!”

สีหน้าของเรด้าซีดเผือด ในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่เพื่อจุดประสงค์ของเธอในต่อไปนี้ เธอจึงได้พยายามสูดลมหายใจเข้า อดทนต่อความหวาดกลัวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “พ่อคะ หนูรู้ว่าหนูผิดไปแล้วแต่หนูก็มีวิธีชดเชย”

“แกมีวิธีอะไร?” เห็นได้ชัดว่าปลายสายดูไม่เชื่อเธอเท่าไรนัก

เรด้ากำมือแน่นแล้วพูดว่า “หนูให้คนถ่ายรูปของหนูและประธานเปปเปอร์ตอนที่ใกล้ชิดกันเอาไว้ พวกเราสามารถนำภาพนี้เผยแพร่ไปทางอินเทอร์เน็ต และใช้โอกาสนี้ในการโฆษณาออกไป บางทีหนูกับประธานเปปเปอร์อาจจะได้แต่งงานกันจริงๆ ก็ได้”

ชนศักดิ์ได้ยินดังนั้นดวงตาก็เป็นประกาย ความหงุดหงิดซึ่งลุกเป็นไฟเมื่อครู่ของเขาหายไปทันที เปลี่ยนกลับมาเป็นพ่อที่อ่อนโยนอีกครั้ง “ด้า วิธีนี้ยอดเยี่ยมทีเดียว ด้าทำได้ดีมากนะ”

เมื่อเรด้ารู้ว่าเขาไม่เอาผิดเรื่องที่ตนทำให้ความร่วมมือต้องจบสิ้นแล้ว เธอจึงได้วางใจลง หัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อครู่ในที่สุดก็สงบลง ตอนนี้เธอกลับมาสู่สภาวะเดิมแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะพ่อ”

“เอาล่ะตอนนี้อยู่ที่ไหน รีบกลับมาเจรจากันถึงวิธีว่าจะทำยังไงกันต่อ”

“ค่ะ”

เรด้าวางโทรศัพท์มือถือของเธอลงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาลงบันไดเดินไปที่ถนน

เช้าวันที่สอง เมื่อเดินทางมาถึงบริษัท

เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ ก็พบว่าที่ห้องของเลขามีหลายคนกำลังยืนอยู่ที่โต๊ะ แต่ละคนยืนถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้เหมือนกำลังสนทนาอะไรที่ค่อนข้างครึกครื้น

มายมิ้นท์เหมือนได้ยินคำบางอย่างซึ่งค่อนข้างคลุมเครือว่าประธานเปปเปอร์และงานหมั้นอะไรทำนองนี้

คำพูดเหล่านี้ทำให้มายมิ้นท์รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันใด เธอรีบเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นี่เวลาทำงาน พวกคุณมายืนอยู่แถวนี้ทำไม ทำไมถึงไม่กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง?”

คนเหล่านั้นล้วนเป็นเลขาของเธอ หรือไม่ก็เป็นผู้ช่วยเลขา

ห้องทำงานของพวกเขาอยู่ข้างห้องทำงานของเธอ เป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ และซินดี้คือหัวหน้าของทุกคน

เมื่อพวกเขาทั้งหลายได้ยินเสียงของมายมิ้นท์ก็หน้าเปลี่ยนสี รีบเก็บโทรศัพท์มือถือลง จากนั้นเข้าแถวเรียงกันทักทายมายมิ้นท์ด้วยท่าทางประหม่า “ประธานมายมิ้นท์คะ พวกเราจะไปทำงานเดี๋ยวนี้”

เมื่อพูดจบทุกคนก็แยกย้ายกัน บางคนรีบวิ่งเหยาะๆ กลับไปห้องทำงานของตนเอง

มายมิ้นท์พบว่าทุกคนจากไปแล้วจึงได้เอื้อมมือไปดึงผู้ช่วยคนหนึ่งเอาไว้แล้วถามว่า “เมื่อสักครู่พวกเธอคุยเรื่องอะไรกันอยู่?”