ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 470 ไฟลามคิ้ว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

บัดนี้ผิวน้ำเหนือทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออก เกิดคลื่นถาโถมจนมองไม่เห็นแม้แต่เกาะ

ในการรุกรานครั้งแล้วครั้งเล่าของปีศาจอัคคี เกาะของที่นี่ถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองไปตั้งแต่ต้นแล้ว

บนผิวทะเลที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกในตอนนี้ มีฟองอากาศขนาดใหญ่ฟองแล้วฟองเล่าเดือดปุดๆ มหาสมุทรทั้งหมดคล้ายกับกำลังเดือดพล่าน

ท้องฟ้าเหนือทะเลหายไปแล้ว มีเพียงแต่เปลวไฟโหมไหม้อย่างบ้าคลั่งเท่านั้น

ปีศาจอัคคีที่แข็งแกร่งจำนวนมากเคลื่อนไหวอยู่กลางทองฟ้า กระจายตัวไปทั่วสี่ทิศแปดทาง นำพากลิ่นอายทำลายล้างและภัยพิบัติมาถึง

จ้าวปีศาจอัคคีที่นำหน้า มีศีรษะเป็นเสือ ร่างเป็นมนุษย์ หน้าตาดุร้ายน่ากลัว ส่งเสียงคำรามคิดต่อกัน

จู่ๆ ร่างกายของมันก็หยุดนิ่งกลางอากาศ

วินาทีต่อมา ไฟจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากด้านหลังมัน

ท้ายทอย คอ หลัง หลังเอว สะโพก แขนขา ปลายเท้า…ทุกส่วนล้วนมีไฟหลายสายพุ่งออกมา

เปลวไฟจับตัวกันกลางอากาศด้านหลังจ้าวปีศาจอัคคีตัวนี้ เกิดเป็นภาพที่มีสีสันงามตาภาพหนึ่ง

ม้วนภาพที่เกิดจากเปลวไฟเผาไหม้โดนสิ้นเชิง ปรากฏรูปภูเขาและแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ตระการตา

ภาพเปลวไฟจับตัวกันกลางอากาศ ส่องสว่างเจิดจ้า น่าทึ่งเกินบรรยาย ไม่สลายไปอยู่เนิ่นนาน

ในความสวยงามถึงขีดสุดนี้ยิ่งซ่อนไว้ด้วยพลังอันน่ากลัวคล้ายกับกรงขัง มีปีศาจอัคคีที่ตามหลังมาพุ่งมาถึง ยังไม่ทันหยุดเคลื่อนไหว ก็พุ่งเข้าไปใน ‘ภาพเพลิง’ ใบนั้น คล้ายกับเข้าไปยังโลกอีกโลกหนึ่ง

ถึงแม้ว่าปีศาจอัคคีจะไม่กลัวเปลวเพลิง แต่ว่าเมื่ออยู่ด้านในโลกของแม่น้ำและภูเขาที่เกิดขึ้นจากเปลวไฟทั้งหมด กลับมีพลังหลายสายคอยจู่โจม ก่อเกิดเป็นสภาวะโจมตีอันดุดัน

แสงไฟของจ้าวปีศาจอัคคีตัวก่อนหน้าดับลงอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามหายไป ร่างพุ่งลงไปที่ผิวทะเลเบื้องล่าง ไม่มีกลิ่นอายของชีวิตอีกต่อไป

ชายชราที่มีใบหน้าสง่างามผู้หนึ่ง ไพล่สองมือไว้ด้านหลัง ปรากฏตัวกลางท้องฟ้าอย่างช้าๆ

อีกทิศทางหนึ่ง ปีศาจอัคคีจำนวนมากกำลังบินด้วยความรวดเร็ว จู่ๆ ก็รู้สึกไม่เข้าทีอย่างบอกไม่ถูก

พวกมันที่เป็นปีศาจซึ่งมีพรสวรรค์ด้านวิญญาณไฟ สัมผัสได้ว่าฉับพลันมีไอน้ำที่อยู่ในอากาศรอบๆ เพิ่มขึ้นมาก

ยังไม่ทันตอบโต้อะไร บนผิวของพวกมันก็มีสะเก็ดไฟหลายกลุ่มระเบิดออกมา

เลือดสดๆ ฉีดพุ่งเหมือนกับผิวของคนที่แตกร้าว

พลังงานที่เล็กละเอียดแต่ยิ่งใหญ่ ไร้รูปร่างแต่ยากต้านทาน ครอบคลุมทั่วทั้งร่างของปีศาจอัคคีเหล่านี้เอาไว้ในชั่วพริบตา

พวกมันคิดจะหลบ แต่กลับหลบไม่พ้น เนื่องจากการโจมตีมาจากรอบบริเวณ มาจากทุกมุมในอากาศ แผ่กระจายไปทั่วร่างทุกส่วนของมัน

ชอนไชเข้าไปทุกที่ กระจายอยู่ทุกหนแห่ง และไม่มีที่ใดที่ไปไม่ถึง

ที่มาของคมกระบี่ไร้รูปร่างเหล่านี้ ก็คือไอน้ำกว้างใหญ่ที่กระจายอยู่ในอากาศรอบๆ นั่นเอง

ภายใต้การเผาไหม้โดยเพลิงผลาญ ไอน้ำสมควรถูกทำลายทิ้ง เพียงแต่ต่อหน้าไอน้ำเหล่านี้ เปลวไฟเหมือนกับทำอันใดไม่ได้

บัดนี้ไอน้ำได้กลายเป็นกระบี่คมกริบจำนวนนับไม่ถ้วน ปะทะกับปีศาจอัคคีเหล่านี้ ดำเนินการลอบสังหารทุกด้าน

ไอน้ำที่ดูอ่อนแอและเล็กละเอียด ในวินาทีนี้ดูแข็งแกร่งจนมิอาจทำลาย ความคมกริบทำให้ยอดฝีมือเผ่าปีสาจอัคคีต้านทานไม่ไหว

มีปีศาจอัคคีบางตัวดิ้นรนขัดขืน แต่ว่าไอน้ำนั้นทอดยาวไม่ขาดสาย คล้ายกับมีไม่หมดไม่สิ้น

ขณะที่คมกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทง ร่างของปีศาจอัคคีจำนวนมากก็พังทลาย

คำว่าสับให้กลายเป็นชิ้นๆ มิอาจบรรยายภาพในตอนนี้ได้ เหมือนกับร่างของคนถูกบดกลายเป็นฝนโลหิตอย่างไรอย่างนั้น!

ฝนโลหิตไร้สิ้นสุดระเบิดออกมา ตกลงไปยังท้องทะเลเบื้องล่าง

เจ้าเมืองทะเลมรกต ซ่งอู๋เลี่ยงปรากฏตัวขึ้นมา ลำแสงมายานับไม่ถ้วนหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ปราณกระบี่อันยิ่งใหญ่ที่สายตาของคนมองไม่เห็น บัดนี้แผ่กระจายอยู่ทั่วฟ้าดิน

แสงจันทร์สุกสกาวลอยขึ้นเหนือผิวทะเล ประจัญหน้ากับปีศาจอัคคีมากมายที่จู่โจมเข้ามา

แสงจันทร์ลอยขึ้น ถึงกับช่วงชิงแสงกับดวงอาทิตย์บนฟากฟ้า

เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากเพลิงโหมไร้สิ้นสุดลดต่ำลงอย่างฉับพลัน อากาศจึงให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นที่หายไปตั้งแต่ต้น

ทว่าไม่ทันไร ทิศทางที่พวกปีศาจอัคคีทะลักมา ก็มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งถึงขีดสุดส่งมา ทำให้อุณหภูมิของอากาศสูงขึ้นอีกครั้ง

คลื่นพลังที่แข็งแกร่งนั้นรวมเข้าด้วยกันมากกว่าหนึ่ง มีสภาวะพลังดุดัน เคลื่อนจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกด้วยหมายจะบดขยี้

จากมหาสมุทรไปทางทิศตะวันออก ขอบเขตของท้องฟ้าและทะเลกลายเป็นพร่าเลือน เหลือเพียงแต่สีแดงฉาน ด้วยมีเปลวไฟโหมกระหน่ำครอบคลุมท้องนภา

ซ่งอู๋เลี่ยงกับชายชราผู้สง่างาม เข้าใกล้แสงจันทร์ตรงกลางพร้อมกัน

“ผู้อาวุโสม่อ ตอนนี้พวกเราปลอดภัยไว้ก่อนเถอะ” ซ่งอู๋เลี่ยงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ชายชราผู้สง่างามย่อมเป็นปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อ เขาพยักหน้า แล้วถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ พร้อมกันซ่งอู๋เลี่ยง

เมิ่งหวานที่ครอบครองมงกุฏแห่งจันทรา ในตอนนี้นางย่อมไม่มีความเห็นอื่น คอยระวังตัวพร้อมกับผู้อาวุโสทั้งสอง

ถึงแม้ว่าทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกจะไม่ได้กลายเป็นทะเลเพลิงทั้งหมดเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่ว่าราชันปีศาจที่เทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองเกือบๆ สี่ตัวในตอนนี้ บวกกับราชันปีศาจและจ้าวปีศาจอัคคีตัวอื่น ทำให้พวกซ่งอู๋เลี่ยงมิอาจต้านทานกพลังทำลายล้างไหว ได้แต่ถอยร่นไปทีละก้าว

เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนซึ่งรั้งอยู่ที่วารีพิภพ ฉู่เหยียน เดิมทีเขาอยู่ตรงกลางระหว่างทะเลตะวันออกกับปฐพีพิภพ เตรียมพร้อมสู้รบทั้งสองด้านตลอดเวลา

ในตอนนี้พอได้รับข่าว ฉู่เหยียนก็นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ขวานจามสวรรค์จากเขาไร้พรแดนมาที่ทะเลตะวันออกทันที

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็มีความรู้สึกเหมือนใช้น้ำแก้วหนึ่งดับรถติดไฟ ปีศาจอัคคีรุกคืบไปข้างหน้าตลอดทาง จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ได้แต่ต้องถอยอย่างต่อเนื่อง ละทิ้งทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกอีกครั้ง กลับไปยังเมืองทะเลมรกตที่ทะเลชั้นใน พึ่งพาค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดเป็นป้อมปราการ หยุดการเคลื่อนที่ของปีศาจอัคคี

เมืองทะเลตะวันออกติดอยู่ในสถานการณ์ไม่มั่นคงอีกครั้ง คล้ายกับจะพังทลายได้ตลอดเวลา

ในปฐพีพิภพ พวกหยวนเจิ้งเฟิงที่ได้รับข่าวต่างมองหน้ากันเอง

เทียบกับปฐพีพิภพในตอนนี้แล้ว สถานการณ์ที่ทะเลตะวันออกอันตรายกว่ามาก

บางทีทางด้านปฐพีพิภพอาจจะน่ากังวลมากกว่า แต่ว่าที่ทะเลตะวันออกกลับอยู่ในขั้นไฟลามขนคิ้วแล้ว

หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวเสียงทุ้ม “ขอแค่ผนึกของที่นี่ไม่พังทลาย ย่อมไม่มีเรื่องราวใด แต่ว่าสถานการณ์ของทะเลตะวันออกล่อแหลมยิ่ง นอกจากราชันปีศาจอัคคีที่มีพลังฝึกปรือเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองแล้ว ยังมีราชันปีศาจอัคคีที่เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ขั้นหนึ่งด้วย!”

ผู้คุมหอคลื่นโหม อันชิงหลินพูดกับหวงกวงเลี่ยว่า “หวงตะวันเยือน ข้าจะไปทะเลตะวันออกกับท่าน วิชาวรยุทธ์ของสำนักเราค่อนข้างมีความได้เปรียบในการต่อสู้กับปีศาจอัคคี”

มหาปรมาจารย์แห่งหอคลื่นโหมบางคนกล่าวด้วยความลังเลเล็กน้อย “ถ้าที่นี่มีแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แค่สองคน…”

หยวนเจิ้งเฟิงส่ายหน้า “ผนึกในตอนนี้แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง แตกต่างกับเมื่อก่อนแล้ว ใช้สี่คนเติมพลังจะสะกดได้เร็วกว่า ถ้าใช้สองคนจะช้าไปบ้าง”

“ถ้าผนึกพังเสียหายจริงๆ ข้าก็พูดในแง่ร้าย ต่อให้ทุกคนอยู่ที่นี่หมดก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”

สายตาของหวงกวงเลี่ยมองไปยังหยวนเจิ้งเฟิง

หยวนเจิ้งเฟิงชี้ดวงอาทิตย์สีทองเบื้องล่าง และมองหวงกวงเลี่ยตรงๆ “ตาเฒ่าหวง ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงของวิเศษชิ้นนี้ ข้าเองก็เป็นห่วงเช่นกัน ไม่มีใครไม่ห่วงหรอก ผู้ใดจะไม่ชอบของวิเศษบ้าง”

“แต่ถ้าหากผนึกพังลง อย่าว่าแต่ต่อจากนี้นพยมโลกจะเข้ามาอย่างไร ข้ากับเฉินลี่อยู่ที่นี่ก็พลอยเจอเพทภัยไปด้วย หากเปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้าจะเอาของวิเศษโดยไม่สนใจชีวิตหรือ”

เฉินลี่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

หวงกวงเลี่ยมองดวงอาทิตย์สีทองที่จมลงเบื้องล่างเหวลึกอย่างต่อเนื่อง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ได้”

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนเป็นผู้มีอำนาจ ต่างทำอะไรเด็ดขาด เมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำทันที

หวงกวงเลี่ยกับอันชิงหลินเก็บกวาดงานโดยพลัน จากนั้นก็พุ่งร่างขึ้นด้านบน ผละจากปฐพีพิภพ มุ่งสู่ทะเลตะวันออก