ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 471 ช่วงชิงเวลา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

สถานการณ์ที่ทะเลตะวันออกคับขันยิ่งนัก ในเมื่อตัดสินใจแล้ว หวงกวงเลี่ยกับอันชิงหลินก็ผละไปอย่างรวดเร็ว

ยอดฝีมือระดับสูงทุกคนจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และหอคลื่นโหมที่มาปฐพีพิภพกับพวกเขา ยังคงรั้งอยู่ที่เดิม เพื่อจัดการมารร้ายที่เกิดขึ้นมาจากโซ่สีดำเหล่านั้นต่อ

หยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่ยืนอยู่เหนือเหวลึกด้วยกัน คนทั้งสองยื่นฝ่ามือออกมาอย่างพร้อมเพรียง ดำเนินการสะกดต่อ

พลังของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองช่วยเหลือผนึกที่มีรูปร่างเหมือนดวงอาทิตย์สีทองเบื้องล่าง กดดันหมอกสีดำในเหวลึกที่คิดจะทะลักขึ้นด้านบน เพื่อพุ่งออกจากปฐพีพิภพ

ดวงอาทิตย์สีทองส่องแสงระยิบระยับ คล้ายกับว่าแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนสาดแสงไปสี่ทิศแปดทาง ขับไล่หมอกดำอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้หากอยู่เหนือปฐพีพิภพด้านนอกเหวลึก แล้วมองลงมาจากฟากฟ้า จะเห็นว่าธารแสงสีทองบนปฐพีพิภพที่มีแสงจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวตัดสลับกันยิ่งมายิ่งหนาแน่น ยิ่งมายิ่งมากขึ้น ส่วนธารแสงสีดำยิ่งมายิ่งเบาบาง ยิ่งมายิ่งน้อยลง

หลังจากเวลาผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ธารแสงสีทองก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นเบาบาง

เส้นแสงที่ครอบคลุมแผ่นดินที่มืดมิดคล้ายกับใยแมงมุม กำลังค่อยๆ สลายไปอย่างมัวซัว

ดวงอาทิตย์สีทองบริสุทธ์ที่อยู่ในเหวลึกกำลังจมลงด้านล่างอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ดุร้ายบ้าคลั่งที่ไหลออกมาจากในหมอกดำเบื้องล่างต่อต้านรุนแรงขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป ที่ว่างที่หมอกสีดำกับดวงอาทิตชนกัน ถึงกับแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง

ที่ว่างที่แตกร้าวพลันกับสู่สภาพเดิม แต่จากนั้นก็แตกร้าวอีกครั้ง กลับไปกลับมาเช่นนี้ไม่หยุดยั้ง

พลังที่เหมือนการทำลายล้างนั้นม้วนเข้าไปด้านใน พริบตาเดียวก็ถูกฉีกกระชากไปพร้อมกับที่ว่างนั้น ทำให้คนแค่เพียงชมดูต้องเกิดความคิดถอยหนี

แต่ว่าผนึกที่เกิดขึ้นจากดวงอาทิตย์สีทองยังคงแข็งแกร่ง โดยมีกระตุ้นของหยวนเจิ้งเฟิงและเฉินลี่ กดอัดการเคลื่อนไหวที่มาจากยมโลกลงไปอีกครั้ง

โซ่สีดำหลายสายที่เหยียดออกไปรอบๆ บัดนี้ส่ายไปมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับหนวด

เส้นสายอาคมสีดำหลายสายที่ประกอบขึ้นเป็นโซ่หยุดหมุนวน ลำแสงสีแดงบนพื้นผิวกะพริบอย่างต่อเนื่อง

มารร้ายจำนวนมากที่เกิดขึ้นมาจากบนโซ่สีดำ ถูกยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์เผ่ามนุษย์ที่อยู่ที่นี่ทำลายสิ้น

แต่ว่ามารร้ายเหล่านี้เหมือนฆ่าไม่มีวันหมด นอกจากจะไม่หายไปแล้ว พอตัวด้านหน้าถูกทำลาย ตัวด้านหลังก็หนุนเนื่องกันอย่างต่อเนื่อง

มารร้ายส่งเสียงคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า เหวลึกปั่นป่วนอยู่ชั่วขณะ

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์รับมือด้วยความใจเย็น มิได้ฝืนสู้ เพียงกันมารร้ายเอาไว้ด้านนอก ไม่ให้พวกมันรบกวนผนึก

เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งร่างลงไปถึงด้านบนดวงอาทิตย์สีทอง ที่ตรงนั้น แสงสีทองและสีดำที่วนเวียนอยู่ทั่วร่างกายของฟางจุ่น กำลังเคลื่อนขึ้นลงตามดวงอาทิตย์สีทอง

“อาจารย์ลุงสอง” เยี่ยนจ้าวเกอประกบมือแล้วฟันลง ตัดแถบแสงที่เหมือนกับโซ่บนร่างฟางจุ่นไปขาดหลายเส้น

ทว่าแถบแสงสั่นไหว แล้วเกี่ยวขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

ฟางจุ่นเอ่ยขึ้น “ยังมิต้องรีบ รอผนึกสำเร็จค่อยแก้ไขก็ยังไม่สาย”

ชายหนุ่มพยักหน้า และทำความเข้าใจกับความรู้สึกขณะที่ฟันแถบแสงขาด เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของพลังด้านใน

ฟางจุ่นก้มหน้ามองดวงอาทิตย์สีทองเบื้องล่าง จากนั้นก็มองหยวนเจิ้งเฟิงและเฉินลี่ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ในที่สุดทางปฐพีพิภพก็นับได้ว่าน่าหวาดเสียวแต่ไม่มีอันตราย”

“กลับเป็นทางทะเลตะวันออก ถึงแม้การรุกคืบของปีศาจอัคคีจะถูกหยุดไว้ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีพวกมันส่วนหนึ่งตรึงยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ของพวกเรา อีกส่วนหนึ่งสร้างความวุ่นวายไปทั่ว”

“ไม่ใช่แค่วารีพิภพเท่านั้น บึงพิภพและอัสนีพิภพก็อาจจะถูกจู่โจมเช่นกัน พวกเราต้องการพลังมากพอไว้หยุดยั้ง หากให้พวกมันขึ้นมาบนแผ่นดิน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะรุนแรงยิ่งกว่าที่มหาสมุทรเสียอีก”

“หลังจากจัดการเรื่องราวทางด้านปฐพีพิภพเสร็จแล้ว อาจารย์กับเฉินลี่จำเป็นต้องรีบไปทะเลตะวันออกโดยไม่หยุดพักทันที”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ลดเสียงลง “ทางด้านปฐพีพิภพจะประมาทไม่ได้เช่นกัน อีกฝ่ายอาจจะโต้ตอบอย่างจนตรอกในช่วงนาทีสุดท้ายก็ได้”

ฟางจุ่นพยักหน้า “พูดถูกต้องแล้ว”

ในขณะที่กดอันผนึกแข่งกับเวลาที่ปฐพีพิภพนั่นเอง สงครามบนทะเลตะวันออกก็มาถึงช่วงดุเดือด

ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกตอนนี้ไร้ผู้คน น่านน้ำของเมืองมหานทีที่เชื่อมต่อระหว่างทะเลชั้นนอกและทะเลชั้นในก็รกร้างเช่นกัน

เมืองมหานที หนึ่งในเก้าเมืองของวารีพิภพ กับเกาะที่มันตั้งอยู่ได้หายไปแล้ว

แม้แต่น่านน้ำเมืองทะเลมรกตก็หมดหนทาง

เมืองทะเลมรกตประสบเพทภัยอีกครั้ง อีกทั้งยังรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วด้วย

ราชันปีศาจอัคคีที่มีระดับเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สี่ตัว ล้อมรอบเมืองทะเลมรกตบนเกาะมังกรตะวันออกเอาไว้โดยมีจิ่งจงเป็นผู้นำ

ภายใต้การนำของพวกมัน ราชันปีศาจกับจ้าวปีศาจอัคคีตัวอื่นต่างก็เปิดการโจมตีเมืองทะเลมรกตอย่างบ้าคลั่งด้วยสภวะเหมือนกระแสคลื่น

เมืองทะเลมรกตได้เปิดใช้ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด ทะเลสีมรกตไร้สิ้นสุดป้องกันเพลิงโหมไว้ด้านนอก

ที่ใจกลางค่ายกล จอมยุทธ์ทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงคอยควบคุมสถานการณ์ รอบๆ ตัวมีกระบี่ไร้รูปร่างหมุนวน แสงส่องสว่างไม่ขาดสายดั่งกระแสธาร รวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลมรกตรอบๆ

มีซ่งอู๋เลี่ยงพร้อมกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ กระบี่สัตยาทะเลมรกต คอยบัญชาการอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง และกระตุ้นค่ายกลด้วยตัวเอง พลังของค่ายกลจึงย่อมเทียบกับอดีตไม่ได้

ปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อยืนอยู่ด้านข้างซ่งอู่เลี่ยง แขนข้างหนึ่งไพล่ไว้ด้านหลัง อีกข้างหนึ่งวาดกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง

ม้วนภาพจำนวนมากสลักติดอากาศ กลายเป็นความจริงอย่างไม่หยุดยั้ง

ผู้อาวุโสม่อในตอนนี้เพียงวาดสิ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือท้องทะเลไร้สิ้นสุด

ม้วนภาพนับไม่ถ้วนล้วนเป็นน้ำทะเลกว้างใหญ่เหลือประมาณ พวกมันหลอมรวมกับค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด ร่วมกันป้องกันเพลิงโหมที่ม้วนพัดไปทั่ว

ชั่วขณะนั้น หากมองออกไปไกล จะเห็นบนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรเป็นสีแดงฉาน เต็มไปด้วยเพลิงผลาญ ส่วนเบื้องล่างเป็นน้ำทะเลกว้างใหญ่

ขอบเขตของฟ้าและทะเลหายไปแล้ว น้ำกับไฟชนกันอย่างต่อเนื่อง

ไอน้ำสีขาวเพิ่งจะลอยออกมา ก็ถูกเพลิงโหมกับน้ำทะเลที่ทะลักตามขึ้นมากลืนกินทันที

แม้ว่าซ่งอู๋เลี่ยงจะอาศัยความได้เปรียบด้านชัยภูมิจากค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด อีกทั้งยังมีผู้อาวุโสม่อคอยช่วยเหลือ ก็ยังมิอาจทำอะไรอีกฝ่ายที่มีจำนวนมากเกินไปได้

ภายใต้สภาวะโจมตีอย่างบ้าคลั่งโดยเพลิงผลาญ ค่ายกลคุ้มภูผาของเมืองทะเลมรกตสั่นคลอน พอป้องกันซ้าย ขวาก็เกิดปัญหา ถูกฉีกกระชากเป็นรอยแตกอย่างต่อเนื่อง

ด้านในค่ายกล เมิ่งหวานแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ใช้มงกุฎแห่งจันทรา เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยียนใช้ขวานจามสวรรค์ ทุกคนต่างลงมือหยุดปีศาจอัคคีที่คิดจะทะลวงเข้ามาจากรอยแตก

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้อย่างดุเดือดอย่างต่อเนื่อง พวกซ่งอู๋เลี่ยงกับผู้อาวุโสม่อ จะมากจะน้อยก็ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น

แต่ว่าในตอนนี้พวกเขาได้แต่กัดฟันฝืน

ในยามนี้ สภาวะโจมตีของปีศาจอัคคีอ่อนลงเล็กน้อย

สายตาของพวกจิ่งจงที่เป็นราชันปีศาจมองไปยังจุดตัดของทะเลและท้องฟ้าทางตะวันตก เห็นเหมือนมีดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก พระอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยแสงสว่างพลันปรากฏขึ้น

รอบๆ ดวงอาทิตย์ มีเมฆหมอกสีขาวมากมายวนเวียน แต่ไม่สลายไปเพราะการส่องสว่างของแสงอาทิตย์

เป็นหวงกวงเลี่ยและอันชิงหลินมาถึงแล้ว

ปีศาจอัคคีคิดจะแบ่งยอดฝีมือระดับสูงไปขัดขวาง พวกจิ่งจงเริ่มหันหัวหอก คิดจะจัดการพวกหวงกวงเลี่ยที่ดูไร้พลัง เพราะไม่มีการสนับสนุนจากค่ายกล

ทว่าค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดที่ถูกสั่นสะเทือนมาโดยตลอด และกำลังสั่นไหวเกือบพังทลาย พลันระเบิดพลังโต้กลับ

กระแสน้ำทะเลไร้สิ้นสุดขยายออกไปไกลกว่าเดิม ก่อนจะม้วนไปทางหวงกวงเลี่ยและอันชิงหลิน

ยามนี้หวงกวงเลี่ยและอันชิงหลินส่งพลังอย่างรุนแรงเช่นกัน รวมเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนในเมืองทะเลมรกต