ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 472 มหาราชันปีศาจอัคคี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หวงกวงเลี่ยกับอันชิงหลินพุ่งเข้าไปในค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดพร้อมกัน

การระเบิดอันรุนแรงของค่ายกลก่อนหน้า เหมือนกับเป็นแรงเฮือกสุดท้าย หลังจากความรุนแรงแรกสุดผ่านไปแล้ว พลังก็เริ่มอ่อนแอลงอย่างควบคุมไม่ได้

หลังจากรับหวงกวงเลี่ยกับอันชิงหลินเข้ามาในค่ายกลเสร็จ ก็ทำให้การทำงานของค่ายกลชะงักลง

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคีจำนวนมากคำรามพลางพุ่งลงมา พลังงานอันบ้าคลั่งหยุดค่ายกลเอาไว้ในพริบตา ทำให้รูที่ค่ายกลเปิดออกมิอาจหุบลง

ซ่งอู๋เลี่ยงมองหวงกวงเลี่ยแวบหนึ่ง ก่อนจะชี้นิ้วเป็นกระบี่ ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้น ประกายกระบี่ไร้รูปร่างที่ต่อเนื่องดั่งสายธารพลันพุ่งขึ้นท้องฟ้า

หวงกวงเลี่ยเข้ามาในค่ายกลได้แล้ว เขาไม่รอยืนอย่างมั่นคง ก็หมุนตัวไปผลักฝ่ามือหนึ่งออก

แสงสีทองมากมายรวมตัวกันเป็นพลังที่แข็งสุดขีดและเป็นหยางสุดขีด พุ่งขึ้นไปข้างบน ทะลุท้องนภา

ประกายกระบี่ไร้รูปร่างเหล่านั้น ในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงพลังที่อ่อนโยนถึงขีดสุด รวมเป็นหนึ่งกับพลังฝ่ามือของหวงกวงเลี่ย

ถึงแม้จะไม่ได้สอดคล้องกันทั้งหมด แต่พลังอันยิ่งใหญ่หนึ่งแข็งหนึ่งอ่อน หนึ่งหยินหนึ่งหยางก็รวมตัวเข้าด้วยกัน แข็งอ่อนให้กำเนิดซึ่งกันและกัน หยินหยางรวมตัว

ผู้อาวุโสม่อยื่นนิ้วของตนออกมาวาดกลางอากาศ ธารแสงหลายสายสลักกลางอากาศ กลายเป็นม้วนภาพภูเขาลำน้ำมากมาย

การวาดภาพครั้งนี้ไม่มีจิตสังหารแม้แต่น้อย ดูเรียบสงบถึงขีดสุด

ภูเขาและลำน้ำที่อยู่ในภาพวาด ภูเขาสูงแข็งแกร่ง สายน้ำอ่อนโยน เมื่อรวมด้วยกันแล้ว กลับผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

รูปหยินหยางที่ดูเลือนรางคล้ายกับเกิดขึ้นกลางอากาศ

เมื่อถูกภาพภูเขาและลำน้ำนี้ครอบคลุมไว้ การโจมตีของซ่งอู๋เลี่ยงและหวงกวงเลี่ย พลันกลายเป็นผสมผสานกันได้ดีกว่าเดิม เสมือนหยินหยางให้กำเนิดซึ่งกันและกัน

ระหว่างหยินสุดขีดและหยางสุดขีด รวมถึงอ่อนสุดขีดและแข็งสุดขีด บัดนี้ถูกเร่งให้รวมตัวกัน และให้กำเนิดซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังนี้มีสภาวะเพิ่มมากขึ้นขั้นหนึ่ง และมีอานุภาพน่าทึ่งยิ่งขึ้น

อีกด้านหนึ่ง ผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลินชี้นิ้วชี้และนิ้วกลางดุจกระบี่เหมือนกับซ่งอู๋เลี่ยง ขณะใช้ท่ามือกระบี่ ควันสีขาวหลายสายก็แผ่พุ่งออกมา

ประกายกระบี่อันยิ่งใหญ่ดูขมุกขมัวไม่แจ่มชัด แต่กลับทอดยาวไม่ขาดสาย ควันเมฆอันอ่อนโยนแตะใส่เปลวเพลิงกลับไม่สลายไป

แสดงให้เห็นถึงความนิ่มนวลและความจริงแท้ของความเปลี่ยนแปลงอันไร้กฎเกณฑ์จากท่ากระบี่อย่างชัดเจน ทั้งยังมีความเป็นหยินและนุ่มนวลถึงขีดสุด

ประกายกระบี่ที่เหมือนกับเมฆหมอกสีขาว ตามมาด้วยวิชาหมัดถึงตะวันของหวงกวงเลี่ย กับพลังของกระบี่ทะเลมรกตไร้รูปร่าง พุ่งขึ้นข้างบนพร้อมกัน

เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาชูกลุ่มแสงที่เป็นสีดำไร้สิ้นสุดกลุ่มหนึ่งขึ้นสูง

กลุ่มแสงนั้นดูเหมือนไม่มีรูปร่าง เพียงแต่พลังอันหนาหนักและยิ่งใหญ่ที่ส่งออกมาจากในความมืดไร้สิ้นสุดขณะที่เขายกมือนั้น กลับเหมือนกับกำลังแบกภูเขานับพันอยู่

หลักจากเขาฟันมือลง กลุ่มแสงสีดำนั้นก็ลากผ่าน ที่ว่างตรงหน้าถูกฟันเป็นรอยแตกรอยหนึ่ง!

รอยแตกบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่ง พลังที่รุนแรงหนาหนักระเบิดจากข้างใน ฉีกกระชากรอยแยกนั้นอีกขั้นหนึ่ง

นี่คือพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาไร้พรมแดน ขวานจามสวรรค์!

กลุ่มแสงสีดำคือตัวขวาน ใช้แสงเป็นขวาน จามใส่สวรรค์ ทำลายศัตรู บดขยี้ที่ว่างให้กลายเป็นรอยแยก นี่คือประกายคมขวาน!

ไม่ลงมือโดยง่าย แต่ถ้าลงมือก็จะผ่าอีกฝ่ายเป็นสองส่วน

ทว่าในตอนนี้เมื่อได้รับผลกระทบจากภาพวาดภูเขาลำธารของผู้อาวุโสม่อ รอยแยกของที่ว่างซึ่งแตกสลายก็ค่อยๆ หายไป

พลังอันมหาศาลที่น่าพรั่นพรึงนั้นกลายเป็นไร้รูปร่าง แต่กลับมิได้สูญสลาย ถูกการโจมตีร่วมกันของซ่งอู๋เลี่ยงและหวงกวงเลี่ยม้วนพัด

พลังของขวานจามสวรรค์กับกระบี่ลวงกระแสเมฆ คือฝั่งตรงข้ามระหว่างความแข็งสุดขีดและความอ่อนสุดขีด

พลังทั้งสองสายส่งเสริมวิชาหมัดถึงตะวันและกระบี่ทะเลมรกตไร้รูปร่าง

กระแสคลื่นจากการรวมตัวของหยินหยางยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พวกมันกวาดไปทั่วท้องฟ้า ดับเปลวเพลิงมากมายกลางอากาศ!

พลังอันกล้าแข็งนี้ แม้จะเป็นราชันปีศาจเช่นพวกจิ่งจงก็ยังต้องตกตะลึง ต้องลงมือพร้อมกันอย่างรีบร้อน ใช้เพลิงที่สูงเทียมฟ้า ป้องกันคลื่นคลั่งนี้เอาไว้

เมื่อมีราชันปีศาจที่มีพลังเทียบเทียบกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สอง เช่นพวกจิ่งจงร่วมมือป้องกันที่แนวหน้าสุดแล้ว ปีศาจอัคคีที่เหลืออยู่จึงกล้าลงมือ

ไม่เช่นนั้นถ้าเป็นราชันปีศาจอัคคีที่มีพลังค่อนข้างต่ำ เมื่อแตะกับพลังที่เหี้ยมหาญขนาดนี้เข้า ก็ได้แต่ถูกทำลายเท่านั้น

ม่านแสงอันยิ่งใหญ่ม้วนน้ำทะเลสีมรกตหนาหนัก ให้ชนใส่ทะเลเพลิงที่กระจายทั่วท้องฟ้า

ทะเลเพลิงถูกแยกจากตรงกลาง เพลิงผลาญดับสูญอย่างต่อเนื่อง ตรงกลางทะเลเพลิงปรากฏรูหนึ่ง มันขยายใหญ่และกระจายตัวออกไปรอบๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

ทว่าเสาแสงอันยิ่งใหญ่ที่รวมตัวกันจากญาณจริงแท้ของพวกหวงกวงเลี่ยและผู้อาวุโสม่อ ก็แตกสลายอย่างสะเทือนเลือนลั่น ก่อนจะกลายเป็นฝนแสงมากมาย

ราชันปีศาจอัคคีทุกตัวส่งเสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนแก้วหู เพลิงโหมกลางท้องฟ้ารวมตัวกันอีกครั้ง พุ่งมาหาเมืองทะเลมรกต

ครั้งนี้ มงกุฎแห่งจันทราค่อยๆ ลอยขึ้นมาท่ามกลางประกายแสงสีขาวที่เงียบสงบและโดดเดี่ยว

ทุกที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ ฟ้าดินกลายเป็นเงียบสงบ สภาวะกดอันที่เกิดจากการรวมตัวกันของเพลิงโหมถึงกับค่อยๆ อ่อนกำลังลงเล็กน้อย

ซ่งอู๋เลี่ยงฉวยโอกาสนี้กระตุ้นค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด ขณะที่ค่ายกลทำงาน มันหุบตัวลง น้ำทะเลอันยิ่งใหญ่บดบังท้องฟ้า ปกคลุมเกาะมังกรตะวันออกและเมืองทะเลมรกต ป้องกันการโจมตีของปีศาจอัคคีไว้ด้านนอกอีกครั้ง

ภายใต้การครอบคลุมของแสงจันทร์ ใบหน้าของเมิ่งหวานซีดขาวราวกระดาษ นางเก็บมงกุฎแห่งจันทรากลับมาอีกครั้ง

เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงที่ได้รับแรงกดดันมากที่สุด กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

ผู้อาวุโสม่อ หวงกวงเลี่ย อันชิงหลิน และฉู่เหยียนที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวแดงก่ำ ต่างรู้สึกว่าลมปราณพลิกตัวอย่างต่อเนื่อง

เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยียนที่ยังไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ มีเลือดซึมออกมาจากมุมปาก ในมือไม่มีสิ่งใด กลุ่มแสงสีดำที่กลายเป็นขวานจามสวรรค์ได้หายไปแล้ว แต่ว่ามือขวาที่ถือค้อนเมื่อครู่ของเขาในตอนนี้สั่นไหวไม่หยุด

ราชันปีศาจอัคคีเช่นพวกจิ่งจงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน แต่ว่าอาการบาดเจ็บทำให้พวกมันคุ้มคลั่งและโกรธแค้นมากขึ้น

เนื่องจากพวกหวงกวงเลี่ยรวมตัวกันได้สำเร็จ พวกมันจึงเกรี้ยวกราดและอับอายมากขึ้น เกิดสภาวะการโจมตีดุจเปลวเพลิงอีกครั้ง!

ซ่งอู๋เลี่ยงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย ก่อนจะใช้กระบี่สัตยาทะเลมรกตและค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดเข้าปะทะอีกครั้ง

พวกผู้อาวุโสม่อและหวงกวงเลี่ยก็เคลื่อนไหวเช่นกัน

บัดนี้ทุกคนรวมตัวกัน อาศัยชัยภูมิของค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดในการต่อสู้กับราชันปีศาจ จึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

เนื่องปีศาจอัคคีจะมีจำนวนมาก จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์จึงยังเสียเปรียบ แต่เมื่อตั้งใจป้องกัน ก็ยังพอประคับประคองได้อยู่

ในที่สุดก็ไม่ได้อยู่ในความเสี่ยงเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว

“ถ้าประคับประคองจนถึงตอนที่หยวนเจิ้งเฟิง กับเฉินลี่ปิดผนึกการเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพได้อีกครั้ง และทั้งคู่ตามมาสมทบ พวกเราจะวางแผนโต้กลับได้ ครั้งนี้ต้องทำให้ปีศาจอัคคีเจ็บปวดได้แน่!”

“ทว่าถ้าหากพวกมันอ้อมเมืองทะเลมรกตไปโจมตีที่อื่น เพราะโจมตีเมืองทะเลมรตไม่แตกสักที ควรจะทำอย่างไร”

พวกซ่งอู๋เลี่ยงตั้งรับการโจมตีของปีศาจอัคคีไปพลาง สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปพลาง

แต่ว่าในตอนนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสม่อและหวงกวงเลี่ยเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน สายตามองไปยังทิศตะวันออก

จากนั้นสีหน้าของซ่งอู๋เลี่ยงกับอันชิงหลินก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน มงกุฎแห่งจันทรา กระบี่สัตยาทะเลมรกต ขวานจามสวรรค์ สามอาวุธศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนพร้อมกัน

เมิ่งหวานกับฉู่เหยียนตกตะลึง จากนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายที่น่ากลัวถึงขีดสุดสายหนึ่งปรากฏขึ้นในที่ไกลออกไป ก่อนจะมาถึงเหนือเกาะมังกรตะวันออกในชั่วพริบตา!

เสียงคำรามสั่นสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ม่านน้ำที่ปกคลุมเกาะมังกรตะวันออกและเมืองทะเลมรกตสั่นไหวอย่างรุนแรง คล้ายกับกำลังแตกสลาย

พวงหวงกวงเลี่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย พลังของทุกคนรวมกันกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง แล้วระเบิดด้วยสภาวะที่รุนแรงที่สุด

เสาแสงอันยิ่งใหญ่ม้วนทะเลมสีมรกตนับไม่ถ้วน พุ่งขึ้นฟ้องฟ้าอีกครั้ง

ที่กลางท้องฟ้า ทะเลเพลิงกระจายออก เงาร่างอันมโหฬารเงาหนึ่งปรากฏขึ้น แล้วเหยียบเท้าลงมา!

สีหน้าของผู้อาวุโสม่อเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พ่นลมหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “มหาราชันปีศาจอัคคี!”