บทที่****138: ได้รับภาพวาดหญิงงามทั้งเก้า

ต้องเข้าใจว่าร่างกายของสาวงามเหล่านี้ยังอยู่ อีกทั้งพวกเขายังมีทักษะและระดับการฝึกฝนในตอนที่ยังมีชีวิตไม่น้อย มันเป็นเพียงจิตใต้สำนักของพวกเขาถูกควบคุมโดยวิชาโบราณที่ชื่อว่าปีศาจเทวะเท่านั้น อีกทั้งความชำนาญของปีศาจเทวะนั้นกำลังเชื้อเชิญเหล่าบุรุษที่มีความต้องการทางเพศ พวกมันสามารถดึงดูดเหล่าคนโดยรอบผ่านร่างกายเหล่านี้ อีกทั้งตอนนี้มันยังถือครองร่างกายของสาวงามอีกด้วย ยิ่งเพิ่มความยุ่งเหยิงภายในใจของเหล่าบุรุษอีกมากมาย กล่าวได้ว่านี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดอย่างแท้จริง แล้วชายใดเล่าจะต้านทานได้ไหว?

ถ้าหากไม่ใช่ฉุ่ยจิ้งที่ยืนอยู่ตรงนี้ แม้ว่าเจ้าอ้วนจะต้องปิดปากคนที่อยู่รอบข้าง แน่นอนว่าเขาจะต้องได้ครอบครองภาพวาดนี้อย่างแน่นอน แต่เพราะว่าฉุ่ยจิ้งอยู่ที่นี่ เขาอายถ้าหากจะต้องกล่าวเช่นนั้นออกไป หนึ่งในสาวงามนั้นเป็นอาวุโสแห่งสำนักของเขา และเขาไม่อาจเปิดเผยตัวตนที่น่ารังเกียจได้ อีกทั้งฉุ่ยจิ้งหญิงสาวที่แสนบริสุทธิ์คงจะไม่ยินยอมให้เขาทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

เจ้าอ้วนคิดอยู่ชั่วครู่พร้อมกล่าวออกไปอย่างเจ็บปวด “แน่นอนว่าเจ้าจะได้รับมันถ้าหากเจ้ารับปากว่าจะนำมันกลับไปยังสำนัก ศิษย์น้องสามารถนำมันไปได้เลย!”

หลังจากที่ฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ท่านกำลังโกหกอยู่…”

“เอ่อ?” เจ้าอ้วนตกใจไปชั่วครู่พร้อมถามออกมาอย่างขื่นขม “ทำไมศิษย์น้องหญิงจึงกล่าวเช่นนั้น?”

“ท่านรู้ดี!” ฉุ่ยจิ้งกลอกตาไปมาพร้อมกล่าวว่า “อย่าคิดว่าเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรจะสามารถทำนายได้แต่อนาคตเท่านั้น! ข้าสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดายว่าท่านโกหกหรือไม่ จงกล่าวความจริงกับข้า!”

เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนรู้สึกว่าเขาถูกทุบหัวและแขนขาอ่อนแรงด้วยความเคอะเขิน

ฉุ่ยจิ้งแกล้งเขาต่อ “เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนที่ชั่วร้ายมาก แต่ท่านกำลังพยายามที่จะกระทำตนให้ดูสง่างาม ท่านกำลังโกหกตนเองและผู้อื่น รู้หรือไม่?”

เจ้าอ้วนรู้สึกอับอายจากคำพูดของฉุ่ยจิ้งจนแทบจะขุดหลุมเพื่อฝังตนเองไปให้พ้นจากที่ตรงนี้เสีย สวรรค์! เขากล่าวได้แค่ “ศิษย์น้องหญิง ข้ายอมรับความผิดนี้แต่โดยดี!”

“เหอะ แม้ว่าท่านจะยอมรับผิดแล้ว แต่ในหัวใจของท่านยังคงปรารถนาภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าอยู่ ถูกต้องหรือไม่?” ฉุ่ยจิ้งยังคงเย้าแหย่ต่อไป

เจ้าอ้วนรู้ดีว่าในตอนนี้การกระทำทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าของฉุ่ยจิ้ง ราวกับว่าเขากำลังแสวงหาความตายให้กับตนเองอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเปิดปากเผยความจริงออกมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น “ก็ได้ ข้ายอมรับ หัวใจของข้าต้องการมัน! เหอะ แต่ไม่ว่าข้าจะมีความต้องการมากเท่าใด แต่ขอให้ศิษย์น้องหญิงจงมั่นใจ ข้าสัญญาว่าจะมอบมันให้กับเจ้าถ้าหากเจ้ารับปากว่าจะนำมันกลับไปทำลายที่สำนัก ข้าจะไม่แย่งชิงมันจากเจ้าแน่นอน!”

“เหอะ แต่ความปรารถนาของเจ้าก็ไม่ควรถูกมองข้ามเช่นกัน!” จากนั้นใบหน้าของฉุ่ยจิ้งเปลี่ยนเป็นซุกซนและมองไปที่เจ้าอ้วน พร้อมกัน นางสะบัดแขนของนางส่งภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าลอยไปยังเจ้าอ้วน

เจ้าอ้วนตกใจพร้อมกับรับภาพวาดนั้นไว้อย่างมั่นเหมาะ หลังจากตรวจสอบแล้วว่ามันเป็นภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าอย่างแท้จริง เขาถามออกมาอย่างแปลกใจ “ศิษย์น้อง นี่คือ?”

“ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านี้เป็นสมบัติวิญญาณที่ล้ำค่านัก อีกทั้งมันยังอยู่ในขั้นที่เก้า มันถูกต้องงั้นหรือที่จะต้องถูกทำลาย? เหตุใดข้าจึงไม่มอบมันให้ท่านและให้ท่านปลดปล่อยพลังของมันซะ!” ฉุ่ยจิ้งตอบอย่างสงบนิ่ง

“โอ้? ของขวัญสำหรับข้างั้นหรือ?” เจ้าอ้วนแทบจะไม่เชื่อที่ได้ยิน พร้อมถามซ้ำอีกครั้ง “ศิษย์น้อง เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?”

ฉุ่ยจิ้งเผยยิ้มเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ตอบคำถามของเจ้าอ้วนแต่อย่างใด นางเพียงกล่าวอย่างสุภาพ “ศิษย์พี่ วันนี้ข้าไม่ได้พบท่านเพียงผู้เดียว แต่ข้ายังพบเจอยู่เฟิงและภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าอีกด้วย ท่านเข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนเข้าใจความหมายของฉุ่ยจิ้งทันที นางมอบสมบัตินี้ให้กับเขาจากหัวใจจริง และในตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณนางจากหัวใจจริงเช่นกัน

อย่างแรกนั้น การครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ มีคนมากมายพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับเจ้าของสมบัติ ก่อนหน้านี้ที่เจ้าอ้วนหมดสิ้นปราณจิตวิญญาณ ฉุ่ยจิ้งสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดายเพื่อแย่งชิงสมบัติทั้งหมดของเขา

กระเป๋ามิติพร้อมทั้งผลไม้วิญญาณทั้งสามเมื่อเปรียบเทียบกับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า พวกมันเหล่านั้นล้วนแต่เป็นขยะ! มันทั้งสองสิ่งแตกต่างกันเกินไป

ในความเป็นจริง ถ้าเจ้าอ้วนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉุ่ยจิ้ง ยู่เฟิงสามารถสังหารเจ้าอ้วนได้อย่างง่ายดายในตอนที่เขาไร้ปราณจิตวิญญาณ ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉุ่ยจิ้งยังคงยืนอยู่ที่นี่ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แน่นอนว่าเขาสามารถหนีได้ แต่สำหรับสถานการณ์นี้ฉุ่ยจิ้งมีบทบาทอย่างมาก ถ้าหากนางได้รับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า แน่นอนว่านางจะได้รับประโยชน์จากมันมหาศาล ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ควรตัดสินให้นางได้รับเพียงแค่ผลไม้วิญญาณสามชิ้นเท่านั้น!

เมื่อคิดเช่นนี้ เจ้าอ้วนยืดตัวขึ้นและสะบัดมือหนึ่งครั้ง ปรากฏขวดสิบขวดที่เขาเก็บเอาไว้ออกมา ในนั้นบรรจุน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าไว้ เจ้าอ้วนโยนมันให้กับฉุ่ยจิ้งอย่างไม่ใส่ใจนัก และยังกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ศิษย์พี่ผู้นี้ไม่มีสิ่งใดที่จะดีไปมากกว่านี้แล้ว ขอมอบมันให้กับเจ้า เจ้าจงรับมันไว้เถิด!”

“วิเศษ!” เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ฉุ่ยจิ้งอุทานออกมาอย่างยินดี “นี่คือน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้างั้นหรือ? จริงหรือ? มันคือสมบัติ! ท่านทำเช่นไรจึงครอบครองมันได้มากมายเช่นนี้?”

เจ้าอ้วนเพียงยิ้มกลับและไม่ได้ตอบคำถาม จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างสุภาพ “ถ้าหากในอนาคตศิษย์น้องใช้มันจนหมดสิ้นแล้ว เจ้าสามารถมาพบข้าเพื่อรับมันเพิ่ม!”

เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางรู้ได้ทันทีว่าเจ้าอ้วนไม่ต้องการที่จะกล่าวสิ่งใดมากกว่านี้อีกแล้ว เช่นนั้นนางจึงหยุดเซ้าซี้และยิ้มออกมา “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอขอบคุณศิษย์พี่ล่วงหน้า!”

หลังจากที่นางเก็บน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าแล้ว ฉุ่ยจิ้งชี้ไปยังยู่เฟิงที่กองอยู่บนพื้นพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ข้าเกรงว่าเราทั้งคู่คงลำบากเกินไปหากต้องการจัดการกับสหายคนนี้ ศิษย์น้องไม่อยากสัมผัสเลือดของชายคนนี้!”

เจ้าอ้วนตกตะลึงไปชั่วครู่พร้อมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “เจ้ากำลังบอกให้ข้าสังหารเขา? คำสาปจะตกอยู่กับข้า!”

“ศิษย์พี่อย่าโง่เขลานักเลย!” ฉุ่ยจิ้งหัวเราะเยาะเจ้าอ้วนอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านไม่รู้หรือว่าสามารถสังหารเขาได้โดยการยืมมือผู้อื่น? ในหุบเขาแห่งนี้มีอสูรกายมากมาย ท่านสามารถให้อสูรตนใดก็ได้กินยู่เฟิงซะ เนื่องจากพวกมันเป็นผู้สังหารเขา และนั่นจะทำให้เราทั้งคู่ไม่โดนคำสาป!”

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย “ใช่แล้ว ทำไมข้าโง่เช่นนี้!? เพราะเหตุนี้ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งจึงเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดเสมอ เพียงแค่ยืมมือผู้อื่น เราก็จะรอดพ้นจากคำสาปของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน!”

“ศิษย์พี่กล่าวชมข้าเกินไป มันเป็นเพียงเรื่องที่ท่านคิดไม่ถึงเท่านั้น!” ฉุ่ยจิ้งโบกมือพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ที่แห่งนี้ไม่มีธุระอันใดสำหรับข้าอีกแล้ว ศิษย์น้องขอลาศิษย์พี่ที่ตรงนี้!” เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางหันหลังและออกไปทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนรีบตะโกนทันที “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง รอก่อน! ข้ามีบางสิ่งจะถามเจ้า!”

เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางหันกลับมาตอบ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีกแล้ว ท่านจะต้องเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือ แต่ศิษย์น้องขอแนะนำท่านไว้หนึ่งอย่าง จงให้อภัยกับคนที่ท่านสามารถให้อภัยเขาได้!”

เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางหายตัวไปในหมอกหนา เจ้าอ้วนพลันกล่าวออกด้วยอาการตกใจ “เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ? นาง… นางรู้ว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

เจ้าอ้วนเพียงแค่ต้องการถามนางว่าพอจะรู้ตำแหน่งของหานปิงเอ๋อหรือไม่ ความคิดของเขาทั้งหมดในตอนนี้คือ ‘ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่คืน ความแค้นจะต้องถูกชำระล้าง’ หนี้แค้นครั้งนี้เจ้าอ้วนคิดสะสาง สิ่งที่นางทำกับเขานั้นเกินกว่าที่จะยอมให้อภัยได้

แผนแรกของเขาคือการเข้าร่วมกับกลุ่มใหญ่และหาโอกาสแก้แค้นเมื่อภารกิจสำเร็จ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้การซุ่มโจมตียู่เฟิงไม่จำเป็นอีกแล้ว ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงคิดที่จะค้นหาหานปิงเอ๋อและรีบจบความแค้นนี้โดยเร็ว

แต่ปัญหาก็คือปราณจิตวิญญาณของเขาในตอนนี้มีจำกัด และภายในหุบเขาแห่งนี้ไม่สามารถใช้ดาบบินได้ การค้นหาใครสักคนในสถานที่เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร

แน่นอนว่าหานปิงเอ๋อยังคงอยู่ในความมืด และยู่เฟิงถูกกำจัดแล้ว ในตอนนี้นางคงกำลังสำรวจพื้นที่เพื่อค้นหาผลไม้วิญญาณ ถ้าหากเจ้าอ้วนเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น แน่นอนว่าเขาจะสามารถพบนางได้ แต่ปัญหาก็คือในเวลานั้นเขาไม่รู้ว่าจะมีใครอยู่กับนาง และทำให้เขาไม่สามารถจัดการนางได้ แทนที่จะได้ต่อสู้กันแต่อาจกลับกลายเป็นเขาถูกทุบตีแทนได้!

ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงคิดจะให้ฉุ่ยจิ้งใช้เคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรเพื่อมองดูว่าหานปิงเอ๋ออยู่ตำแหน่งใด จากนั้นเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูแลนาง! แต่เจ้าอ้วนไม่ได้คาดหวังว่าก่อนที่เขาจะถามอะไร ฉุ่ยจิ้งสามารถทำนายไว้หมดแล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และให้คำตอบเขาทันที การได้เห็นเทคนิคเช่นนี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกสูญเสียความมั่นใจอย่างท่วมท้น ‘เพียงแค่พลังของเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรขั้นต่ำยังเป็นเช่นนี้ ถ้าหากเป็นเทพธิดาพยากรขั้นกลางล่ะ พลังของมันจะยิ่งใหญ่สักเพียงไหน?’

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน เจ้าอ้วนเก็บความคิดทั้งหมดไว้ หลังจากนั้นจึงเดินไปยังซากศพที่ถูกเผา เขาทำลายสภาพแวดล้อมทั้งหมดด้วยดาบอัคคีเพื่อปกปิดร่องรอยการต่อสู้ โดยเฉพาะหลุมลึกที่เกิดจากระฆังทองแดง หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เขาหันไปคว้าคอของยู่เฟิงและมุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือทันที

หลังจากที่ขี่พยัคฆ์ปีกแหลมมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่า เจ้าอ้วนพบกับอสรพิษขนาดใหญ่ แม้ว่าอสรพิษนี้จะเป็นอสูรกายขั้นสองที่อ่อนแอ แต่ลำตัวของมันใหญ่กว่าร้อยฟุต

เมื่อเห็นเช่นนั้น ดวงตาของเจ้าอ้วนเปล่งประกายทันทีพร้อมกับหัวเราะอย่างปีศาจร้าย “นายน้อยยู่เฟิง น้องชายผู้นี้ค้นหาสถานที่เหมาะสมที่จะให้ท่านได้พักผ่อนแล้ว ช่างเป็นฤดูหนาวที่อบอุ่นจริง ๆ ปราศจากลมและฝน สถานที่แห่งนี้เหมาะสมแล้วที่ท่านจะพักผ่อนอยู่ตรงนี้ชั่วนิรันดร์!” เมื่อเขากล่าวจบ เขาสั่งให้พยัคฆ์ปีกแหลมบินไปอยู่เบื้องหน้าของอสรพิษ อสูรกายตนนี้ไม่ได้โง่เขลา เมื่อมันเห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามของพยัคฆ์ปีกแหลม มันเข้านอบน้อมพยัคฆ์ไว้ทันทีราวกับยินยอมเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น

เจ้าอ้วนไม่ได้สนใจว่าอสรพิษจะคิดเช่นไร เขาวางยู่เฟิงไว้ตรงหน้าของมัน จากนั้นเขาก็บินออกไปพร้อมกับพยัคฆ์ปีกแหลม แน่นอนว่าเจ้าอ้วนยังคงกังวลว่าจะมีผู้ใดเข้ามาช่วยเหลือยู่เฟิงได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ออกไปไกลนัก เขาใช้เวทมนตร์ม่านหมอกเพื่อปกปิดตนเองห่างออกไปเพียงร้อยฟุตเท่านั้น จากนั้นเขาจ้องไปที่อสรพิษที่กำลังงุนงงพร้อมคิดในใจว่า ‘เลิกโง่สักที รีบกินมันเข้าไปซะ!’