ภาคที่ 4 บทที่ 116 สายฟ้าและเปลวเพลิง

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 116 สายฟ้าและเปลวเพลิง

ตู้ม !

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ซูเฉินร่างกระเด็นไป ภาพมายาที่ปรากฏเบื้องหลังยามร่วงลงกับพื้น เขาใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายหลบการโจมตีของเผ่าคนเถื่อน 6 คน แต่ไม่คิดว่าจะถูกตัวหัวหน้าลอบโจมตียามที่ตั้งหลักได้เช่นนี้

เขาปาดเลือดมุมปากแล้วหัวเราะเบา ๆ “สมแล้วจริง ๆ”

“เป็นเผ่าคนเถื่อนหรือ ?” หัวหน้าเผ่าคนเถื่อนอึ้งไป

ผู้มีตาทิพย์ร้องคำราม “มันไม่ใช่เผ่าคนเถื่อน มันเป็นมนุษย์ !”

“เป็นเช่นนี้เอง” คนหัวหน้าพลันเข้าใจ “หลายวันก่อนได้ยินว่ามีมนุษย์แอบเข้ามา เหมือนจะมีวิชาแปลงกาย กวาดล้างทหารไปนับร้อย แทรกซึมเข้าค่ายหลัก ชิงข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพกำลังสวรรค์ แล้วสังหารนักพยากรณ์กระดูกกับไร้วิญญาณไป ดูท่าเจ้าจะเป็นคนคนนั้น”

ซูเฉินไม่คิดปิดบังตัวตนอีก กลับมาร่างเดิมแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง “ดูท่าชื่อเสียงข้าจะดีพอตัว”

“ไม่ว่าอย่างไร ชื่อเสียงของเจ้าก็จะจบลงวันนี้” คนหัวหน้าเอ่ยเสียงเย็น

“แต่ข้ากลับรู้สึกว่าชื่อเสียงข้าจากวันนี้ไปจะรวมถึงการเอาชนะผู้มีตาทิพย์และกองกำลังตรวจสอบชั้นยอดนี่ด้วย”

ตู้ม !

เขาปล่อยหมัดหนึ่งออกไป

เมื่อไร้เรื่องจะเอ่ยก็ถึงคราวสู้ ซูเฉินไม่ลังเล ศัตรูเองก็ไม่ชักช้าเช่นกัน

ทหารเผ่าคนเถื่อน 6 คนโจมตีพร้อมกัน คลื่นพลังกดดันระเบิดออกจากร่าง แสงเองออกจากรอยอักขระโทเทมบนร่าง

ทั้งหมดมีอักขระโทเทมระดับกลาง

แม้กำลังของซูเฉินจะรับมือการโจมตีจากคนทั้งหกพร้อมกันได้ แต่เขาก็เลือกถอยเพื่อออมพลัง เขากระโจนขึ้นด้านบน ร่างพลันเลือนหายไปราวกับปักษาคล่องแคล่ว แม้จะยังบินไม่ได้ แต่ก็ยังก้าวเท้านับสิบอยู่กลางอากาศได้

เผ่าคนเถื่อนเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด แต่ไม่เก่งระยะไกล ดึงระยะห่างสักหน่อยแล้วใช้วิชาหงส์เพลิงจัดการน่าจะดี

หากแต่จังหวะที่เขาเหินร่างขึ้น ทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งหกก็พลันหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา

ขวานปา

ฟ้าว !

ขวาน 6 เล่มบินตรงมาทางเขา เรืองแสงส่องประกายเย็นชา

ภาพตรงหน้าทำให้ซูเฉินตะลึงนัก กดดันไม่น้อย เคราะห์ดีที่ดาบหั่นภูผากลับมาแล้ว เขาตวัดมันพร้อมเสียงร้อง เกิดเป็นแสงไฟยามดาบกระทบขวานบินทั้งหกจนลอยจากไป แต่กระนั้นตัวขวานก็กลับทางได้เองแล้วบินกลับไปหาเจ้าของ หากแต่แม้ซูเฉินจะสกัดมันได้ แต่ก็ยังต้องรับมืออีกหนึ่ง

ท่วงท่าเขาเรียบง่าย แต่เฉียบขาดกว่าคนอื่นนัก

เขาเหวี่ยงดาบในมือ

ตัวดาบเปล่งประกายสายฟ้า ลั่นเปรี๊ยะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จังหวะที่ตวัดดาบ ฟ้าก็แลบ เกิดเป็นฟ้าผ่าลงมาในพลันท่ามกลางคืนมืดมิด

พลังงานอันร้อนแรงพุ่งเข้าหาซูเฉิน เขารู้ว่าคงไม่อาจต้านการโจมตีนี้ได้แน่

ปราณต้นกำเนิดด่านกลั่นโลหิต !

แม้จะฟังดูไม่โอ่อ่าเท่าไหร่ ทั้งยังต่ำต้อยกว่าพื้นฐานพลังด่านทะลวงลมปราณของซูเฉินมาก ทว่าเมื่อรวมกับอักขระโทเทมขั้นสูงแล้วก็ทำให้สามารถปล่อยคลื่นพลังต้นกำเนิดที่เหนือกว่าพื้นฐานพลังตนเองได้

ตู้ม !

ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ดาบหั่นภูผาขยายร่าง จากนั้นตวัดเข้าชนกับริ้วสายฟ้า เกิดประกายไฟกระจายทั่ว เป็นภาพคล้ายดอกไม้ไฟดูงดงาม

ซูเฉินร่างกระเด็นลอยไปไกล ก่อนจะลงพื้นได้สำเร็จ

บัดซบ กระเด็นออกมาอีกแล้ว ซูเฉินสบถในใจ

การเพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้จะทำให้เขาโจมตีจากระยะไกลได้ แต่เขาก็จะสูญเสียความสามารถในการปลดปล่อยกำลังได้อย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ก็คือแม้ว่าเขาจะเปิดใช้ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิด แต่ก็ยังถูกบีบให้ถอยไปอยู่ดี

โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ปราณและเลือดในร่างเพียงถูกขัดชั่วคราวเท่านั้น

ซูเฉินถึงพื้นในที่สุด หัวหน้าเผ่าคนเถื่อนไม่ฉวยโอกาสโจมตีแต่เอ่ยคำขึ้น “เจ้าค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว แต่ความแกร่งของเจ้ายังไม่เท่าความเย่อหยิ่ง”

ซูเฉินหน้าเครียด “ระหว่างทางข้าประมือกับทหารเผ่าคนเถื่อนมามาก แต่มีน้อยคนที่มีสติสัมปชัญญะคิดได้เหมือนเจ้า”

หัวหน้าเผ่าคนเถื่อนดูไม่ยินดีอะไร ยกดาบขึ้นระดับอกแล้วประกาศก้อง “นามของข้าคือซาถั่น !”

“ข้าไม่ได้ถามชื่อ” ซูเฉินพลิกมือซ้าย เกิดเป็นทะเลละอองเพลิงกลางอากาศ

วิชาจิตตัดฟ้า หงส์เพลิงเหิน

หงส์เพลิงกลางอากาศแหงนหน้ากรีดเสียงลั่น จากนั้นพุ่งเข้าใส่กลุ่มเผ่าคนเถื่อน

“หลีกไป !” ซาถั่นคำรามลั่น อักขระบนร่างส่องแสงจ้าขึ้นมา

ดาบที่ปกคลุมสายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง แยกเมฆาออกจากกันภายในทีเดียว ปลายดาบส่องสว่างจ้า ก่อนริ้วพลังจะพุ่งเข้าหาวิชาหงส์เพลิง

ริ้วเพลิงกับสายฟ้าเข้าห้ำหั่น ยังผลเป็นแรงระเบิดแสงจ้า หงส์เพลิงกรีดร้อง เพลิงบนร่างยิ่งโหม เปลวเพลิงรุนแรงกลืนสายฟ้าเข้าไปจนมันสลายไปหมด

พลังเปลวเพลิงพุ่งเข้าหาซาถั่น ปะทะเข้ากับอักขระโทเทมระดับสูงจนมันกะพริบริบหรี่ดูไม่เสถียร

ขวานบินถูกปามาอีก ทหารทั้งหลายกัดฟันสู้เพื่อปกป้องหัวหน้า แม้จะมีหน้าที่ปกป้องผู้มีตาทิพย์ก็ตาม ขวานบินทั้งแปดถูกส่งออกมาพร้อมไอสังหารน่าผวา หมายจะทำลายเปลวเพลิงนั่นให้สิ้น

หากแต่ภาพมายาขนาดใหญ่เพียงตวัดดาบก็สามารถปัดขวานบินทั้งหมดได้

“พวกหนอนแมลงเอ๋ย !” ภาพมายาขนาดใหญ่เอ่ยคำราม

มันพูดได้ด้วย

คำพูดของมันแทนคำในใจของซูเฉิน

นี่คือการปรับปรุงภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิด ตอนนี้ภาพมายานั้นกลืนไปกับร่างกายจริง ร่างจริงของซูเฉินเองก็ดูจะขยายขนาดขึ้นด้วย

ซูเฉินตวัดดาบออกอย่างดุดัน เฉือนเข้าร่างทหารนายหนึ่ง แม้อักขระของคนเถื่อนผู้นั้นจะส่องประกายระยับก็ตาม แต่ดาบก็ทะลุผ่านอักขระไปได้ ร่างกระเด็นไปไกลพร้อมกับเลือดที่ไหลจากบาดแผล

“ไซ่หลี่ !” ซาถั่นร้องเสียงเศร้า

หากแต่เขายังร้องไม่ทันจบ ทหารอีกคนก็โดนลงดาบแล้ว

โลหะเยือกเย็นแหลมคมได้ดื่มเลือดเผ่าคนเถื่อนไปถึงสอง มันยิ่งตื่นเต้นนัก สั่นสะท้านกระหายอยาก คลี่ปีกล่องหนออก จากนั้นพุ่งเข้าใส่หัวหน้าเผ่าคนเถื่อน คนหัวหน้าซัดดาบสายฟ้าออกไป ดาบหั่นภูผาเองก็มีสายฟ้าลั่นเปรี๊ยะออกมาเช่นกัน

เส้นสายสายฟ้าเข้าเกาะเกี่ยวดาบหั่นภูผาที่ขยายขนาด กลายเป็นดาบสายฟ้าขนาดยักษ์ ปะกับดาบสายฟ้าของคนหัวหน้า เสียงเคร้งดังสนั่น พลังสายฟ้าบนตัวดาบก็ระเบิดออกมากระแทกอกศัตรูจนร่างแข็งค้างไป

“เป็น…… เป็นไป…… ได้อย่างไร……” ซาถั่นเบิกตากว้างเหลือเชื่อ

หมัดขนาดยักษ์ของซูเฉินทุ่มลงมาใส่เผ่าคนเถื่อน มันเรืองแสงด้วยเงาอย่างเหล็ก “โง่นัก ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก เจ้ามันแค่ขยะที่ผ่านการเจิมน้ำมนต์มาเพียง 2 ครั้ง พึ่งแต่ร่างกาย โจมตีไม่สนโลก แต่ความเข้าใจเรื่องพลังต้นกำเนิดยังตื้นเขินไป”

พูดแล้ว หงส์เพลิงก็ก่อร่างขึ้นในมือซ้ายอีก แต่มือขวากลับมีพลังสายฟ้าบ้าคลั่งก่อขึ้นมา

แก่นเจ้าอสูรกายสองชิ้นที่ซูเฉินรับมาจากกู่เหยาเยี่ยถูกใช้ไปนานแล้ว เขาใช้สายฟ้าและเปลวเพลิงจนขั้นสุด จากนั้นปล่อยมันออกมาพร้อมกัน ส่งดาบอัสนีบาตและหงส์เพลิงให้พลันพุ่งเข้าหาซาถั่น