ภาคที่ 3 ขยายแผนการอันยิ่งใหญ่ ตอนที่ 25 ลูกไม้เดิมทำอะไรข้าไม่ได้หรอก...

กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ

ตอนที่ 25 ลูกไม้เดิมทำอะไรข้าไม่ได้หรอก… โดย Ink Stone_Fantasy

 

“ยินดีด้วยที่สุดท้ายเจ้าก็คลานมาถึงข้า แต่ตอนนี้เจ้ายังแน่ใจอยู่หรือว่าจะเอาชนะข้าได้”

หวังลู่เปิดเผยตัวตนต่อหน้าเจ้าสำนักเจ็ดดารา ร่างอวบค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างมาตรฐานซึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสงบสุขุม ทว่าฉากที่สงบเงียบนี้ช่างตรงกันข้ามกับเสียงร้องโอยโอยที่ดังแว่วมาของผู้อาวุโสแห่งสำนักเจ็ดดาราที่บาดเจ็บหนัก

เจ้าสำนักเจ็ดดาราตกตะลึงที่อีกฝ่ายยังหนุ่มนัก แต่ขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็ช่วยคลี่คลายความสงสัยของเขา

ก่อนหน้านี้พอได้ยินเสียงร้อยโอดครวญของผู้อาวุโสแห่งสำนักของตน เขาแทบอยากจะพุ่งไปช่วยเหลือคนเหล่านั้นในทันที ทว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว… ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามใช้วิชาฮวงจุ้ยย้อนกลับเพื่อถ่วงเวลา เขาจึงพลาดโอกาสไปช่วยเหลือคนในปกครองของตน ต่อให้รีบรุดไปในตอนนี้ เขาก็กลัวว่าจะไปเจอเพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น เขาขอฉวยโอกาสนี้เอาชนะเจ้าสำนักของฝ่ายตรงข้ามเสียดีกว่า เพราะหากเขาจับตัวเจ้าสำนักภูมิปัญญาที่ลึกลับนี้ได้ เขาย่อมเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้ เขาเห็นว่าขั้นตบะของอีกฝ่ายช่างตื้นเขิน เมื่อใช้พลังจิตขั้นปฐมตรวจสอบความผันผวนของพลังปราณฟ้าดิน ผลคือตบะขั้นของฝ่ายตรงข้ามนั้นอยู่เพียงขั้นฝึกปราณระดับสูง ซึ่งห่างจากขั้นตบะของเขาถึงสองขั้น ดังนั้นแม้อีกฝ่ายจะมาจากสำนักชั้นนำ ก็ย่อมไม่มีความหมายอะไร

แม้เจ้าสำนักเจ็ดดาราจะอยู่ในระดับล่างสุดของโลกบำเพ็ญเซียน อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นพิสุทธิ์ ทั้งยังมีอาวุธวิเศษอยู่ในมือ เขามั่นใจว่าต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณที่มีพรสวรรค์เหลือล้นจากสำนักเซิ่งจิงก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะขั้นพิสุทธิ์อย่างเขา ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่ตระเตรียมการอย่างสลับซับซ้อน แค่ออกมาสู้กับเขาตัวต่อตัวก็เพียงพอแล้ว

โชคร้ายที่ตอนนี้กระจุกดาวบนกระบี่เจ็ดดารามีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ทำให้ไม่อาจใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังมากที่สุดของวิชากระบี่เจ็ดดาราได้ หนำซ้ำแสงจันทร์และแสงดาวภายในรัศมีหลายลี้รอบหุบเขาหูสุนัขยังถูกบ่อจันทรากักเก็บไปอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจใช้แผนที่เจ็ดดาราและใช้กระบวนท่าของกระบี่เจ็ดดาราได้ซ้ำอีก โดยรวมแล้วเขาเหลือความแข็งแกร่งเพียงแค่สองถึงสามส่วนเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมากพอที่จะบดขยี้ผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นฝึกปราณได้

ดังนั้นเจ้าสำนักจึงดึงกระบี่เจ็ดดารามาใกล้อก ใช้ฝ่ามือรูดกระบี่ตั้งแต่หัวจรดปลายจนแบนเรียบและกลายมาเป็นแผนที่เจ็ดดาราที่ค่อยๆ แผ่ออก เมื่อเทียบกับกระบี่เจ็ดดาราที่โหดเหี้ยมว่องไว แผนที่เจ็ดดารานั้นสงบเสงี่ยมกว่ามาก แต่ภายในกลับน่ากลัวยิ่งกว่า แม้จะไม่มีปลายแหลมคม แต่มันก็สามารถใช้โจมตีและตั้งรับปรับเปลี่ยนไปได้ตามสถานการณ์ เมื่อมีแผนที่เจ็ดดาราในมือ เจ้าสำนักก็มั่นใจว่าหากไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างแกนโผล่มา เขาย่อมรับมือได้ทุกสถานการณ์แน่

หวังลู่มองดูการกระทำของเจ้าสำนักอย่างเงียบๆ จนแผนที่เจ็ดดารากางออกเต็มที่ และเจ้าสำนักตั้งท่าพร้อมสู้ เขาจึงถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “อ้าว ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสเจ้าหนี เจ้ากลับไม่อยากหนี นี่เจ้าต้องการสู้ตัวต่อตัวกับข้าจริงๆ หรือ”

เจ้าสำนักกำลังตั้งสมาธิเต็มที่ เขาดีดนิ้วสองนิ้วบนมือขวา จากนั้นลำแสงจำนวนมากก็ส่องสว่างกลางอากาศ ดูคล้ายดาราจักรที่สุกสว่างอยู่ท่ามกลางม่านหมอกแห่งรัตติกาล

แสงดาวที่แท้จริงถูกบ่อจันทรากักเก็บไปหมดสิ้นแล้ว ส่วนท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยดวงดาวในตอนนี้นั้นเกิดจากค่ายกลที่อยู่ในแผนที่เจ็ดดารานั่นเอง

เจ้าสำนักมองหวังลู่อย่างประหลาดใจ พลางคิดว่าเหตุใดเจ้านี่จึงเมินเฉยความเคลื่อนไหวในการวางค่ายกลของเขา แม้ที่นี่จะไม่ใช่ถิ่นของเขา แต่เมื่อมีแผนที่เจ็ดดาราในมือ หนำซ้ำอีกฝ่ายกลับยอมให้เขาสร้างค่ายกลได้ตามใจชอบ เช่นนั้นข้อได้เปรียบเรื่องสถานที่ก็คงกลับตาลปัตรเสียแล้ว ตอนนี้เขาวางค่ายกลกระจุกดาวพราวนภาสำเร็จแล้ว ทันทีที่เขาทำให้กระจุกดาวหลักทั้งเจ็ดส่องสว่าง มันจะไปกระตุ้นการทำงานของค่ายกลกระจุกดาวพราวนภา ทำให้กระจุกดาวทวีคูณขึ้นไม่จบสิ้น ถึงตอนนั้นเขาก็จะอยู่ในสถานะไร้พ่าย ต่อให้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างแกนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก็ยังสามารถรับมือได้หลายกระบวนท่า เช่นนั้นการรับมือผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นฝึกปราณก็แสนง่ายราวกะพริบตา

ทว่าหวังลู่กลับยอมให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างค่ายกลขึ้นมาจริงๆ เขามองดูค่ายกลด้วยรอยยิ้ม นานๆ ครั้งก็เอ่ยปากวิจารณ์ความสมบูรณ์แบบของค่ายกลฝั่งตรงข้ามออกมา แน่นอนว่าคำวิจารณ์ของเขานั้นเลื่อนเปื้อนไร้สาระ เพราะต่อให้เขาเป็นศิษย์แนวหน้าของสำนักกระบี่วิญญาณ ก็ไม่มีทางที่เขาจะเชี่ยวชาญด้านการวางค่ายกลภายในสองปี ยิ่งวิจารณ์ค่ายกลระดับพิสุทธิ์แล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่

ทว่าเป็นเพราะตอนอยู่บนเขากระบี่วิญญาณเขาได้อ่านตำราเป็นจำนวนมาก ทำให้ในคำวิจารณ์ไร้สาระนั้นยังพอมี ‘ตรรกะ’ อยู่บ้าง คำวิจารณ์เหล่านั้นกระทบใจเจ้าสำนักอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ความเร็วในการสร้างค่ายกลตกลง พอรู้ตัวเจ้าสำนักก็ตื่นตกใจไม่น้อย

หากนี่เป็นช่วงสูงสุดของการแสดง มันมักหมายถึงลางร้าย แม้เจ้าสำนักเจ็ดดาราจะเป็นนักสู้ผู้ช่ำชอง แต่กลับมีเหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาตรงหน้าผาก

หวังลู่ที่ยังคงมองอีกฝ่ายอย่างผ่อนคลาย ก็พูดให้กำลังใจออกไป “ไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาให้เต็มที่”

ในที่สุดเจ้าสำนักก็เปิดใช้งานค่ายกลกระจุกดาวพราวนภา กระจุกดาวหลักทั้งเจ็ดส่องแสงสว่างไสวอย่างน่าอัศจรรย์ และพลังปราณฟ้าดินของกระจุกดาวก็เริ่มหมุนวน ทำให้ขั้นตอนสุดท้ายของการเพิ่มจำนวนทวีคูณของกระจุกดาวเสร็จสมบูรณ์

จากนั้นหวังลู่ก็ยิ้ม ส่ายศีรษะและเอานิ้วมือแตะหน้าผาก กระดูกจักรพรรดิในร่างสันสะท้าน กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์สูดหายใจเฮือกใหญ่อย่างหิวกระหาย

อึดใจถัดมา พลังปราณฟ้าดินในรัศมีหลายลี้รอบตัวก็เคลื่อนเข้ามาในกายเขา กลายเป็นพายุบ้าคลั่ง

ใบหน้าของเจ้าสำนักกระบี่วิญญาณซีดเผือด เขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น! การรวบรวมพลังปราณฟ้าดินอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้เหมือนสิ่งที่เกิดกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างแกนหรือขั้นกำเนิดใหม่ตอนกำลังเข้าฌานระดับลึก! การเปลี่ยนแปลงของพลังปราณฟ้าดินที่อยู่รอบๆ นั้นรุนแรงมาก แม้มันจะไม่ส่งผลร้ายโดยตรงเพราะพลังปราณฟ้าดินมีสถานะเป็นกลาง ทว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ค่ายกลกระจุกดาวพราวนภากำลังจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตและเปราะบางมากที่สุด!

แม้แผนที่เจ็ดดาราจะมีวิธีรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพันๆ วิธี แต่เจ้าสำนักไม่ได้เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้แม้แต้น้อย เขายกมือซ้ายขึ้นมาวาดตราปิดผนึกอย่างเร่งรีบโดยการใช้พลังจากกระจุกดาวยับยั้งพลังปราณฟ้าดิน ขณะเดียวกันมือขวาก็ชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าเพื่อนำทางให้พลังปราณฟ้าดินของกระจุกดาวหลักโคจรรอบสุดท้ายให้เป็นผลสำเร็จ

สำหรับผู้ฝึกเซียนอิสระ ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเจ้าสำนักถือว่าโดดเด่น ทว่าหวังลู่กลับไวกว่านั้น

“ทะลวง!”

อาคมเดียวกันเมื่อใช้โดยหวังลู่ที่มีขั้นตบะตามที่เป็นอยู่ในตอนนี้ย่อมด้อยกว่าอาคมที่เจ้าสำนักเจ็ดดาราปล่อยออกมา ทว่าอาคมนี้ปล่อยออกมาได้เหมาะเหม็งจนทำให้เหมืองพลังปราณระเบิดออกมา

ตู้ม!

เหมืองพลังปราณพังทลาย เส้นฮวงจุ้ยทั้งเส้นถูกกระตุ้น สายแร่พลังปราณฟ้าดินจำนวนมากที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินส่งเสียงสนั่นหวั่นไหวและเริ่มสั่นไหว

สำหรับเส้นฮวงจุ้ยในแคว้นธาราครามแล้วนั้น การสั่นไหวครั้งนี้รวดเร็วราวยักษ์กระพริบตา ทว่าผลก็คือมันทำให้แผ่นดินตรงที่ต่อสู้กันอยู่สั่นไหว เมื่อเหมืองพลังปราณพังทลาย พลังปราณฟ้าดินก็ปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด! มันพุ่งทะลักออกมารุนแรงจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน

ขณะเดียวกันค่ายกลที่เจ้าสำนักเจ็ดดาราอุตส่าห์จัดเตรียมไว้อย่างดิบดีก็ถูกพลังรุนแรงนี้ทำให้หยุดชะงักลง แม้กระจุกดาวที่รวบรวมเอาไว้จะไม่กระจัดกระจายออกไป แต่ส่วนที่สำคัญที่สุด ซึ่งคือกระจุกดาวหลักก็ไม่อาจโคจรพลังปราณฟ้าดินได้อีก ซึ่งทำให้เจ้าสำนักเสียแรงเปล่าๆ ไปเกือบครึ่งหนึ่ง!

หวังลู่กล่าวอย่างร่าเริง “น่าตื่นตาตื่นใจดีไม่หยอกว่าไหม”

ตื่นตาตื่นใจมารดาเจ้าสิ!

เจ้าสำนักเจ็ดดาราทั้งอับอายและขัดเคือง พลางคิดว่ามีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจตรงไหนกัน!? แม้การตั้งค่ายกลจะไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่กระจุกดาวที่รวบรวมมาก็มีเพียงพอ ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนอาวุธในมือให้เป็นกระบี่เจ็ดดารา หรือจะใช้แผนที่เจ็ดดาราต่อไป อย่างน้อยเขาก็น่าจะสำแดงพลังได้อย่างที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ระดับต่ำจะสำแดงออกมาได้ โดยไม่มีทางที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณจะต้านทานได้!

ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะระเบิดเหมืองพลังปราณอีกสิบเหมือง จนทำให้เส้นฮวงจุ้ยพังทลายและเกิดเป็นคลื่นสึนามิก็ไม่อาจจะช่วยชีวิตของเขาได้!

“กระจุกดาวเล็งเป้า!”

เจ้าสำนักเอื้อมมือไปหยิบกระจุกดาวหนึ่งในดาราจักรที่สว่างไสวและเปลี่ยนมันเป็นโซ่สีเงินที่พุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่าย หวังลู่เห็นดังนั้นก็หัวเราะขึ้น เขาถ่มกระบี่แห่งเขาคุนซึ่งขยายตัวยาวเหยียดออกมา จากนั้นก็ฉวยกระบี่ขึ้นมาไว้เบื้องหน้าตนเอง สายโซ่สีเงินจึงถูกสกัดก่อนที่จะมาถึงตัวหวังลู่ได้

เจ้าสำนักเจ็ดดารารู้สึกประหลาดใจ ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณมีทักษะในการสกัดกระจุกดาวเล็งเป้าด้วยหรือ เขาเพิ่มพลังไปยังฝ่ามืออีกนิดเพื่อให้สายโซ่เคลื่อนไปเบื้องหน้า

หวังลู่ไม่ได้พยายามตอบโต้เท่าไรนัก เขาดึงกระบี่แห่งเขาคุนกลับมาเล็กน้อยเพื่อให้สายโซ่พุ่งเข้ามาใกล้อีกนิด ทว่าพอสายโซ่เข้ามาใกล้กระบี่แห่งเขาคุนประมาณสามชุ่น กระจุกดาวเล็งเป้าก็ถูกสกัดด้วยพลังที่มองไม่เห็นอีกครา

ที่ปลายอีกด้านของโซ่ เจ้าสำนักเจ็ดดารารู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือข้างที่ถือสายโซ่อยู่ ราวกับว่าถูกตำด้วยหนามจำนวนนับไม่ถ้วน พอเขาเพิ่มพลังเข้าไปอีก ความเจ็บก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า สามเท่าเป็นทบทวี จนเขารู้สึกว่าฝ่ามือนั้นแทบจะปริออก

หวังลู่ยังคงถือกระบี่แห่งเขาคุนไว้ในมือ ไอพลังจากตัวเขาค่อยๆ ผสามกับไอพลังจากกระบี่แห่งเขาคุน นี่คือวิชากระดูกกระบี่สลัดฝัก ซึ่งแยกออกจากฝักกระบี่เพราะแรงกดดันมหาศาลจากกระแสพลังปราณเมื่อสามเดือนก่อน สามเดือนให้หลังเขาชำนาญวิชากระดูกกระบี่สลัดฝักมากยิ่งขึ้น หนำซ้ำพอมีกระบี่แห่งเขาคุนในมือ ทำให้สามารถต้านทานการโจมตีของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ได้ชั่วคราว

ความเจ็บปวดที่ปรากฏโดยไม่คาดคิดทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าสำนักเจ็ดดาราเชื่องช้าลง แต่ครั้งนี้หวังลู่ยื่นกระบี่แห่งเขาคุนไปเบื้องหน้า ค่อยๆ ดันมันไปด้านหน้าอย่างช้าๆ และแทงทะลุปลายด้านหนึ่งของสายโซ่

เสียงปะทะในครั้งนี้ดังกึกก้องไปทั่ว กระจุกดาวเล็งเป้าชนเข้ากับพลังปราณฟ้าดินของกระบี่แห่งเขาคุนที่เป็นธาตุดิน ทันใดนั้นกระจุกดาวเล็งเป้าก็ร่วงลงมาไม่อาจควบคุมได้อีก

เจ้าสำนักเจ็ดดาราผงะถอยหลัง นอกจากจะช่วยปกป้องร่างกายของหวังลู่แล้ว พลังปราณฟ้าดินที่เป็นธาตุดินของกระบี่แห่งเขาคุนยังทำให้ธาตุของกระจุกดาวเล็งเป้ากลายเป็นกลางอีกด้วย แม้ก่อนหน้านี้หวังลู่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณ แต่ดูเหมือนจู่ๆ เขากลับมีพลังของผู้ฝึกเซียนขั้นสร้างฐานขึ้นมาเสียได้! เมื่อเข้าคู่กับเพลงดาบที่ไม่ธรรมดาของโลกเซียน ทำให้หวังลู่สามารถสกัดการโจมตีจากผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ได้

แน่ละว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานระดับสูงจริงๆ แต่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ใช้ค่ายกลรวบรวมพลังปราณฟ้าดินตามแนวเส้นฮวงจุ้ยเข้าร่างตัวเองเพื่อเพิ่มขั้นตบะของตน ทว่าการเพิ่มขั้นตบะจากขั้นฝึกปราณเป็นขั้นสร้างฐาน… สิ่งนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ปริมาณพลังปราณฟ้าดินส่วนเกินที่อยู่ในกายของเด็กหนุ่มอยู่ในระดับที่อันตราย การโคจรของพลังปราณฟ้าดินอาจทำให้ร่างกายทำงานหนัก และหากผู้ที่เพิ่มขั้นตบะให้ตนเองที่ไม่ได้อยู่ขั้นสร้างฐาน ใช้พลังอิทธิฤทธิ์จากพลังปราณฟ้าดินส่วนเกินนี้ มันจะส่งผลให้ร่างระเบิด… เจ้าเด็กนี่แม้ขั้นเซียนจะตื้นเขิน แต่ร่างกายกลับทานทนผิดธรรมดา ทว่าจะทานทนขนาดไหนก็ไม่อาจรู้ได้

แต่กระจุกดาวเล็งเป้าเป็นกลยุทธ์ที่กระจอกที่สุดที่เจ้าสำนักเจ็ดดาราสำแดงออกมา ขอบเขตความสามารถของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ไม่ได้จำกัดเพียงเท่านี้ เจ้าสำนักเจ็ดดาราหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และทันใดนั้น กระจุกดาวก็หลั่งไหลลงมาราวน้ำตก ท่ามกลางแสงเจิดจ้าของกระจุกดาวเหล่านั้น กระบี่เจ็ดดาราก็มาปรากฏอยู่ในมือของเจ้าสำนัก เขาปล่อยกระบวนท่ากระบี่พุ่งชนออกไป และในชั่วพริบตานั้นเอง กระบี่เจ็ดดาราก็เกือบจะแท่งเข้าที่หน้าอกของหวังลู่

แคร้ง!

ไม่แปลกที่การจู่โจมในครั้งนั้นจะถูกกระบี่แห่งเขาคุนสกัดไว้ได้ ทว่าแม้อีกฝ่ายจะสกัดไว้ได้แล้วอย่างไรเล่า ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณจะสามารถต้านทานพลังของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ได้หรือ

“ฮึบ…”

หวังลู่อ้าปากอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้เขาแทบไม่อาจสกัดการโจมตีของกระบี่เจ็ดดาราได้ แม้เขาจะเตรียมตัวมาอย่างดีด้วยการรวมรวมพลังปราณฟ้าดินผ่านค่ายกลเพื่อช่วยเพิ่มขั้นตบะให้เป็นขั้นสร้างฐาน แต่แค่การโจมตีธรรมดาครั้งเดียวของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ เขาก็รู้สึกว่ากระดูกภายในร่างแทบจะหักเป็นชิ้นๆ แล้ว!

ช่องว่างมีมากเกินไป แม้ขั้นตบะของเขาจะเพิ่มขึ้นชั่วคราว แม้กระบี่แห่งเขาคุนจะยอดเยี่ยมกว่ากระบี่เจ็ดดารามากนัก แม้วิชากระบี่ไร้ลักษณ์จะเยี่ยมยุทธ แม้ความสามารถในการตั้งรับของกระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์จะยอดเยี่ยมที่สุดในโลก… แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเซียนที่ขั้นตบะห่างกว่าถึงสองขั้น สิ่งเหล่านี้ก็ดูราวเป็นแค่ปุยเมฆ

หนำซ้ำด้วยการโจมตีในครั้งนี้ เจ้าสำนักเจ็ดดาราก็รับรู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย เขาเหยียดยิ้มและตวัดกระบี่ลงอีกครั้ง ครั้งนี้หวังลู่ไม่อาจต้านทานได้ เขาตื่นตระหนกและกระอักเลือดออกมา

พอตวัดกระบี่ครั้งที่สาม หวังลู่ก็กระอักเลือดออกมาอีก เขาแทบจะตั้งท่าไม่อยู่และเริ่มจะซวนเซ

แม้ความอึดของอีกฝ่ายจะทำให้เจ้าสำนักจะตกตะลึงไม่น้อย ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณสามารถสกัดการจู่โจมของกระบี่จากผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ได้สามครั้งต่อเนื่องกัน ทว่าอีกด้านหนึ่งเขาก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป เจ้าสำนักคิดจะใช้กระบวนท่าถัดไปเป็นกระบวนท่าพิฆาต เขาเรียกแผนที่เจ็ดดาราออกมา และใส่พลังทั้งหมดลงไปยังกระบี่เจ็ดดารา จากนั้นก็ตวัดกระบี่ลงอีกครั้ง

ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงคุ้นหูก็ดังมาจากด้านหลัง

“ชิ เจ้านี่ช้าจริงๆ เหนื่อยจะเล่นแล้วรึยัง”

จากนั้นเจ้าสำนักเจ็ดดาราก็ถูกพลังหนักหน่วงกระแทกใส่จนหมดสติไป

……………………………….