ตอนที่ 24 ยินดีด้วยที่สุดท้ายเจ้าก็คลานมาถึงข้า โดย Ink Stone_Fantasy
“หากเจ้าคลานเข่ามาหาข้า ข้ายอมสู้กับเจ้าเลยเอ้า”
เจ้าสำนักเจ็ดดารากัดฟันแน่นพลางก่นด่าในใจ ‘ช่างเป็นคนที่หน้าหนาต่ำช้าปากดีอะไรเช่นนี้! เขาพูดราวกับว่าข้าเป็นคนขอร้องให้สู้อย่างนั้นล่ะ’
อย่างไรเสีย ด้วยเหตุนี้เจ้าสำนักจึงตัดสินได้ว่าขั้นตบะของอีกฝ่ายนั้นแท้จริงไม่ได้สูงและเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนวัยรุ่นจากสำนักชั้นนำ หาไม่แล้วด้วยความหยิ่งทะนงของผู้บำเพ็ญเซียนแห่งพันธมิตรหมื่นเซียน ฝ่ายตรงข้ามย่อมใช้วิชาเซียนขั้นสูงและอาจใช้อาวุธวิเศษทรงพลังบดขยี้เขาไปแล้ว มัวแต่เล่นแง่เช่นนี้จะได้ประโยชน์อันใด
นอกจากนั้น ขั้นตบะของอีกฝ่ายอาจต่ำกว่าขั้นสร้างฐานระดับสูง… หาไม่แล้วด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเซียนจากพันธมิตรหมื่นเซียน ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานระดับสูงย่อมเก่งกล้าเพียงพอที่จะต่อกรกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ธรรมดาๆ แน่นอน
เมื่อตบะถึงขั้นสร้างฐาน ทักษะและวิชาที่ผู้บำเพ็ญเซียนจะใช้ได้ย่อมมีมากมาย และแน่นอนว่าผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนไม่น้อยจากพันธมิตรหมื่นเซียนเคยเอาชนะฝ่ายตรงข้ามแบบข้ามชั้นมาแล้ว ทว่าจากการบำเพ็ญเซียนมานับร้อยปี เจ้าสำนักเจ็ดดาราเองก็เคยเอาชนะศิษย์จากพันธมิตรหมื่นเซียนมาไม่น้อย… เมื่อไม่มีพลังที่น่าเกรงขาม เจ้าหมอนี่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงกลัว!
ทว่าตอนที่เจ้าสำนักเจ็ดดารากำลังจะสำแดงฤทธิ์ เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังแว่วมาแต่ไกล
เจ้าสำนักตื่นตกใจ คิดว่าเสียงเหล่านั้นอาจเป็นเสียงของผู้อาวุโสในสำนักที่เดินทางมาด้วยกัน แต่เขาสั่งให้หลบซ่อนตัวและออกมาเช่วยเฉพาะยามคับขันเท่านั้น!
จากนั้นเจ้าสำนักก็นึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาได้
“อยู่ที่นี่ต่อท่านก็ไร้ประโยชน์ เหตุใดไม่ไปช่วยตาแก่ลามกจัดการแมลงวันตัวเล็กตัวน้อยทางตะวันออกของหุบเขาเล่า”
“ชิ ให้ไปสู้แมลงตัวเล็กตัวน้อยรึ”
…กลายเป็นว่าในตอนนั้น แมลงตัวเล็กตัวน้อยที่เจ้าสำนักภูมิปัญญากล่าวถึงก็คือพวกเบื้องบนของสำนักที่เขาพามาด้วย! ไม่แปลกที่ตรงจุดนี้ อีกฝ่ายจะใช้เพียงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณที่ถูกเพิ่มพละกำลังโดยค่ายกลเท่านั้น! จากข่าวลือที่พวกเขาได้ยินระหว่างเดินทางมาที่นี่ สำนักภูมิปัญญามีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานอยู่มากมาย กลายเป็นว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานเหล่านั้นไปห้อมล้อมพวกที่มาจากสำนักเจ็ดดารานั่นเอง!
ตอนนี้เขาเข้าใจกระจ่างแล้วว่าเหตุใดเจ้าสำนักภูมิปัญญาจึงเอาแต่พูดจาไร้สาระ นั่นเพราะยิ่งเจ้านั่นพูดมากเท่าไร ก็ยิ่งประวิงเวลาไปได้มากเท่านั้น!
เจ้าสำนักเจ็ดดาราไม่ได้ตะขิดตะขวงใจที่ฝ่ายตรงข้ามมีกำลังมากพอไปล้อมพวกของตนที่มาจากสำนักเจ็ดดารา แม้ว่าตามทฤษฎี คนมากกว่าสิบคนที่เขาพามาจะเป็นผู้อาวุโสตบะขั้นสร้างฐาน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าผู้ฝึกเซียนตบะขั้นสร้างฐานของสำนักภูมิปัญญามากนัก ทว่าฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบเรื่องชัยภูมิ… หนำซ้ำยังมีหญิงสาวคนนั้นที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อย่างลึกลับ ผลที่ออกมานั้นสุดจะคาดเดาจริงๆ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เจ้าสำนักเจ็ดดาราก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาคว่ำแผนที่เจ็ดดาราลง ขณะเดียวกันกระจุกดาวเจ็ดดาราก็เปล่งแสงขึ้น เขากำลังจะใช้พลังอิทธิฤทธิ์เคลื่อนย้ายตัวเองออกจากสมรภูมิที่เสียเปรียบแห่งนี้
ทว่ามีหรือที่หวังลู่จะยอมให้อีกฝ่ายฉวยโอกาสนี้ไปได้ง่ายๆ
“คิดจะไปจากที่นี่หรือ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวสายฟ้าฟาดจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน แสงดาวกะพริบสั่นไหว จากนั้นเจ้าสำนักเจ็ดดาราก็มองเห็นยอดเขาสองยอดพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แล้วก่อตัวเป็นทางยาวแคบ ด้านบนมีเมฆดำทะมึนลอยบดบังแสงดาวเสียสนิท ช่องทางของเขาถูกตัดขาดหมดแล้ว!
“…เป็นวิชาฮวงจุ้ยย้อนกลับที่วิเศษจริงๆ!”
เจ้าสำนักเจ็ดดาราตกใจเมื่อพบว่าตัวเองถูกกักอยู่ในหุบเขา ทว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนก ในความคิดเขา การเคลื่อนย้ายภูเขามาถมทะเลมีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ระดับสูงจากสำนักชั้นนำขึ้นไปเท่านั้นที่ทำได้ ส่วนการเคลื่อนย้ายแนวเทือกเขาความยาวนับสิบลี้เข้าหากัน ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ทั่วไปนั้นสามารถทำได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายตรงข้ามซึ่งตบะยังไม่ถึงขั้นสร้างฐานระดับสูงจะทำอะไรเช่นนี้ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ ไม่ใช่พื้นดินหรือภูเขาก็ขยับ แต่กระแสพลังปราณฟ้าดินตามแนวเส้นฮวงจุ้ยที่ซ่อนอยู่ใต้ดินต่างหากที่ย้อนกลับ หวังลู่ใช้เหมืองพลังปราณย้อนกระแสพลังปราณฟ้าดินที่ไหลอยู่ตามเส้นฮวงจุ้ยภายในเหมืองจนเกิดระเบิดขนานใหญ่ และกลายเป็นภาพลวงตาที่ขนาบร่างของเขาไว้ตรงกลาง
ทว่าเมื่อพูดถึงวิชาฮวงจุ้ยย้อนกลับ เจ้าสำนักเจ็ดดาราก็รู้เพียงหลักการทั่วไปของมันเท่านั้น แต่ไม่รู้ลึกขนาดที่ว่าวิชานี้ใช้อย่างไร ทว่าตอนนี้เขาถูกกักอยู่ในภาพลวงตา จึงมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น ทางแรกเขาจำต้องหยุดการระเบิดของพลังปราณฟ้าดิน และตัดการเชื่อมต่อของมันกับโลกภายนอกโดยใช้พลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่สะสมไว้ในวิหารหยก เมื่อนั้นภาพลวงตาก็จะสลายไป ทว่าแก่นบำเพ็ญเซียนของเขานั้นไม่สมบูรณ์ และพลังอิทธิฤทธิ์ที่สะสมไว้ก็จะไม่เพียงพอที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้แผนที่เจ็ดดาราทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนอีกทางหนึ่งที่จะยุติค่ายกลภาพลวงตานั้น…
“แค่จัดการคนที่ใช้วิชาฮวงจุ้ยย้อนกลับนี้ แล้วเจ้าก็จะออกไปจากที่นี่ได้”
น้ำเสียงยั่วยุของอีกฝ่ายดังก้องไปทั่วหุบเขา ในขณะเดียวกันที่หุบเขาเบื้องหน้า เด็กหนุ่มในชุดขาวส่งยิ้มบางมาให้เจ้าสำนักเจ็ดดารา ดวงตาเต็มไปด้วยความยั่วยุ
เจ้าสำนักเจ็ดดาราใช้ดวงจิตขั้นปฐมตรวจสอบและพบว่าเขาคิดถูกแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐาน ทว่าเมื่อบวกกับวิชาเซียนชั้นแนวหน้าจากสำนักชั้นนำและความได้เปรียบด้านสถานที่ ก็น่าจะชดเชยช่องว่างระหว่างขั้นตบะได้มากโข เจ้าสำนักเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่อีกฝ่ายกล้าออกมาเผชิญหน้าเขาโดยตรง
น่าเสียดายที่ช่องว่างระหว่างขั้นพิสุทธิ์กับขั้นสร้างฐานไม่อาจเติมเต็มได้ง่ายดาย แม้อีกฝ่ายจะเดาวิชาบำเพ็ญเซียนดั้งเดิมของเขาได้ถูกต้อง แต่ก็ไม่อาจเดาได้ว่าเขาสะสมไพ่ตายไว้มากเท่าไรระหว่างการบำเพ็ญเซียนร้อยปีของเขานี้!
เจ้าสำนักเจ็ดดาราเหยียดยิ้มเต็มที่ สะบัดมือขวา แผนที่เจ็ดดาราคลี่ออกและสั่นสะเทือน แผนภาพที่อยู่บนนั้นกลายมาเป็นกระบี่ยาวสามฉื่ออย่างน่าอัศจรรย์ เจ้าสำนักจับกระบี่เอาไว้ด้วยมือของเขา กระจุกดาวเจ็ดดาราระยิบระยับอยู่บนกระบี่ทั้งสองด้าน ส่องประกายแสงแปลกตา
อึดใจถัดมา เจ้าสำนักเจ็ดดาราก็ใช้มือข้างหนึ่งชี้กระบี่ไปข้างหน้า กระจุกดาวเจ็ดดาราพลันสว่างจ้าขึ้นมา ท่ามกลางแสงจ้านั้น ในชั่วพริบตาเจ้าสำนักเจ็ดดาราพร้อมกระบี่ก็ย้ายร่างมาหลายลี้และมาปรากฏตรงหน้าเด็กหนุ่มชุดขาว ทว่าเงาร่าง ณ ตรงจุดที่เขายืนอยู่เดิมก็ยังไม่เลือนหายไป จนดูเหมือนว่าเขามีสองร่างในเวลาเดียวกัน
วิชากระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าแรก – กระบี่พุ่งชน
เด็กหนุ่มชุดขาวไม่ได้ตื่นตระหนก ราวกับล่วงรู้การเคลื่อนไหวนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นก่อนที่เจ้าสำนักจะไสกระบี่ออกมา เด็กหนุ่มก็ชักเท้ากลับไปครึ่งก้าวแล้ว
ในหุบเขาที่ทั้งยาวและคับแคบ ระยะการชักเท้าดูเหมือนจะยืดยาวไม่สิ้นสุด ครึ่งก้าวกลายเป็นหลายลี้ ทำให้กระบวนท่าแรกของเจ้าสำนักเปล่าประโยชน์
เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าแรกของเขาล้มเหลว เจ้าสำนักเจ็ดดาราก็สะบัดข้อมือที่ถือกระบี่อยู่ กระจุกดาวชุดหนึ่งก็หลุดออกมาจากปลายดาบและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นพวกมันก็กลายเป็นกระบี่แหลมคมขนาดเล็กนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังอีกฝ่ายรวดเร็วราวพายุ
วิชากระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าที่สอง – กระบี่แยกย่อย
ทว่าการเคลื่อนไหวของหวังลู่ก็ไม่ได้เชื่องช้า มือขวาของเขาฉวยเอาอากาศที่ว่างเปล่าไว้และเคลื่อนย้ายเส้นขอบฟ้า หุบเขาใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันส่งเสียงกึกก้องและเคลื่อนตัวเข้าหากัน กลายมาเป็นโล่แข็งแรงเบื้องหน้าเขา
ห่ากระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังโล่กำบัง จากนั้นก็ปะทะอย่างรุนแรงแล้วร่วงหล่นลงมาราวสายฝน
ก่อนที่กำแพงหินทั้งหมดจะพังทลายลงมา เจ้าสำนักเจ็ดดาราก็ตวัดดาบคืน พุ่งตรงไปข้างหน้า และเสือกกระบี่ไปด้านหน้าราวกับเป็นหอก
ลำแสงเป็นประกายสว่างไสวไปทั่วหุบเขา ฝ่าทะลวงชั้นหินหนาที่เด็กหนุ่มในชุดขาวซ่อนตัวอยู่เข้าไปอย่างง่ายดาย
วิชากระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าที่สาม – กระบี่ถลา
พอกระบวนท่าที่สามของกระบี่สามารถทำลายกำแพงหินลงได้ เจ้าสำนักก็ไม่รอช้าและเพลงดาบกระบี่พุ่งชนอีกครั้งเพื่อให้กระบี่พุ่งตรงไปด้านหน้า
ครั้งนี้เขาไล่ตามศัตรูทัน เมื่อไม่อาจหนีจากกระบี่ที่พุ่งเข้ามา เด็กหนุ่มชุดขาวจึงยกมือขึ้นคว้าอากาศจากนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นด้านบน ทันใดนั้นร่างเด็กหนุ่มก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเจ้าสำนักเหมือนเป็นภาพลวงตา
“หึ!”
ไม่มีทางที่เจ้าสำนักเจ็ดดาราจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปง่ายๆ กระบี่ในมือของเขาสั่นไหวรุนแรง จากนั้นมันก็ค่อยๆ เลือนไปราวกับเป็นภาพลวงตา ทว่าในการสั่นครั้งสุดท้ายมันได้ปล่อยคลื่นพลังรุนแรงไปทั่วทุกทิศทาง คลื่นพลังนี้หมุนวนราวกับพายุงวงช้างไร้พ่ายปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา
วิชากระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าที่สี่ – กระบี่วายุ
เสียงร้องเจ็บปวดดังก้องในอากาศ เด็กหนุ่มชุดขาวที่ซ่อนตัวอยู่หลังภาพลวงตาถูกกระบี่วายุเหวี่ยงขึ้นไป ทำให้ร่างของเขาปรากฏออกมาจากนั้นก็ตกลงไปด้านล่าง ชุดสีขาวของเด็กหนุ่มชุ่มโชกไปด้วยเลือด
เจ้าสำนักเจ็ดดาราเหยียดยิ้มน้อยๆ แต่หลังจากที่มุมปากของเขายกขึ้นไม่นาน ใบหน้าเขากลับแข็งทื่อในทันใด
ร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นตาแก่ผมและเคราสีดอกเลา ใบหน้าของตาแก่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ซึ่งเหมือนสีหน้าในขณะนี้ของเจ้าสำนักโดยบังเอิญ
“เหออวิ๋น เจ้าเองหรือ?” เจ้าสำนักเจ็ดดาราตะลึงงัน!
“โอ๊ย เจ็บเจียนตายแล้ว…”
คนผู้นี้คือเหออวิ๋นไม่ผิดแน่! ผู้บำเพ็ญเซียนที่เชี่ยวชาญการวางค่าลกลนี้ เมื่ออยู่ในภาพลวงตาที่สร้างขึ้นจากวิชาฮวงจุ้ยย้อนกลับ กลับคล่องแคล่วราวปลาได้น้ำ พอเจ้าสำนักตบะขั้นพิสุทธิ์เอาชนะเขาได้ในกระบวนท่าที่สี่ เขาเพียงแค่บาดเจ็บแต่กลับไม่ถึงตาย ทั้งที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานเท่านั้น!
ปกติแล้วหากผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นพิสุทธิ์สู้กับตบะขั้นสร้างฐาน ถือเป็นเรื่องน่าอับอายมากหากผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ต้องใช้ถึงสองประบวนท่าถึงเอาชนะผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานได้
เจ้าสำนักเจ็ดดาราเดือดดาลด้วยความโกรธเพราะกว่าจะเอาชนะตาแก่นี่ได้ เขาต้องสังเวยไพ่ตายไปหลายใบ นอกจากต้องใช้วิชากระบี่เจ็ดดาราติดต่อกันแล้ว เขายังเสียกระจุกดาวเจ็ดดาราล้ำค่าไปถึงสองชิ้นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้นส่งผลเพียงทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานบาดเจ็บเท่านั้น! ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาต่อกรกับคนทรยศผู้นี้แล้ว เจ้าสำนักยกกระบี่ขึ้นและคำรามลั่น
“เจ้าสำนักภูมิปัญญา! จนป่านนี้เจ้าก็ยังไม่กล้าเผยตัวและมาสู้กับข้าซึ่งๆ หน้า เอาแต่ใช้ลูกเล่นสกปรกดึงเวลาอยู่ได้”
อึดใจถัดมา น้ำเสียงเยาะเย้ยก็ดังก้องหุบเขาอีกครา
“ก็อย่างที่พูดไป หากเจ้าคลานเขามาหาข้า ข้าจะยอมสู้กับเจ้าก็ได้”
เจ้าสำนักเจ็ดดาราสบถ “สารเลว! บิดาเจ้าคนนี้อยากรู้นักว่าเจ้าจะซ่อนตัวไปได้นานเท่าไหร่!”
พูดจบเขาก็ขว้างกระบี่เจ็ดดาราไปกลางอากาศ กระจุกดาวสามกระจุกบนกระบี่ส่องประกายขึ้น เสี้ยววินาทีถัดมาทั้งหุบเขาก็สว่างไสวราวกับว่ากลางคืนได้เปลี่ยนเป็นกลางวัน กระบี่นับหมื่นนับแสนเล่มตกลงมาจากฟากฟ้า บดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ในหุบเขาอย่างโหดเหี้ยม
วิชากระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าสุดท้าย – กระบี่ชำระล้าง
หลังจากกระบวนท่าสุดท้ายของกระบี่เจ็ดดารายุติลง หุบเขาแคบยาวที่อยู่เบื้องหน้าก็ปลาสนาไป เหมืองพลังปราณที่บังคับให้กระแสพลังปราณฟ้าดินตามแนวเส้นฮวงจุ้ยย้อนกลับก็พังทลายลงจากการโจมตีอย่างรุนแรงของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ ทำให้กระแสพลังปราณกลับมาเป็นปกติ ภาพลวงตาเบื้องหน้าจึงหายไปด้วย
พลังทำลายล้างขั้นรุนแรงของกระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าสุดท้ายไม่ได้ละเว้นเหล่าต้นไม้ใบหญ้ ป่าไม้เขียวชอุ่มหลายลี้ที่อยู่โดยรอบเจ้าสำนักเจ็ดดาราถูกทำลายย่อยยับ ต้นไม้กองระเนระนาดอยู่บนพื้น รอยบากลึกที่เกิดจากคมดาบปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วบนพื้น ยอดเขาที่ถูกคมกระบี่ตัดก็เลื่อนไหลลงสู่พื้นดินเป็นระยะ
แม้พลังการโจมตีของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์จะไม่ถึงขั้นเคลื่อนย้ายภูเขาไปถมทะเลได้ แต่พลังของมันก็สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนมากได้ในพริบตา การโจมตีในครั้งนี้กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีหลายร้อยลี้ไปเสียสิ้น ภาพลวงตาที่เกิดจากการย้อนกลับของพลังปราณฟ้าดินตามเส้นฮวงจุ้ยเองก็ถูกพลังรุนแรงนี้ทำลายลง หนำซ้ำผู้บำเพ็ญเซียนอิสระขั้นฝึกปราณระดับสูงอีกสิบคนที่มีหน้าที่ดูแลกระแสพลังปราณที่ย้อนกลับก็ตื่นตระหนกจากการโจมตีนี้ไม่น้อย
เจ้าสำนักเจ็ดดาราใช้ดวงจิตขั้นปฐมตรวจสอบพื้นที่รอบๆ แล้วก็พบว่ารอบตัวเขามีแต่เสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เขาเรียกอาวุธวิเศษกลับคืนมาด้วยความยินดี ทว่าในใจก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากแก่นบำเพ็ญเซียนของเขาสมบูรณ์ละก็ กระบี่ชำระล้างของเขาย่อมสามารถทำลายดวงจิตขั้นปฐมของผู้บำเพ็ญเซียนอิสระเหล่านั้น ทำให้พวกเขาบาดเจ็บทั้งกายและใจ ไม่แน่ว่าพวกนั้นอาจจะตายในทันที ไม่ใช่แค่บาดเจ็บอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่อย่างไรเสีย เขาก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว
ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมัว ร่างหนึ่งก็ลุกขึ้นยืน คนผู้นี้อยู่ในระยะทำลายล้างของกระบี่ชำร้าง ทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าบาดเจ็บหรืออ่อนล้าแม้แต่น้อย…
“ยินดีด้วยที่สุดท้ายเจ้าก็คลานมาถึงข้า”
……………………………….