อากาศแจ่มใสไร้เมฆ เครื่องบินขนส่งทางทหารลำหนึ่งได้บินจากเมืองเจียงหนันไปยังเมืองจิน
เย่เทียนนอนอยู่บนที่นั่งของเครื่องบินอย่างเกียจคร้านพร้อมกับหรี่ตามองดูท้องฟ้าและเมฆสีขาวโพลนที่ด้านนอกหน้าต่าง มีบางครั้งที่เขาถอนสายตาออกจากเซวหมานจื่อกับหยุนเหมิงหยานสองคนที่อยู่ตรงข้ามเขา
ด้านข้างของเขามีจี้เยียนหรัน ตำรวจคนงามนั่งอยู่ด้วย
แน่นอนว่าหล่อนไม่ได้อยากเข้าร่วมการคัดเลือกของทีมสายฟ้าเพียงแต่มาเป็นคนนำให้แก่เย่เทียนเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอะไรวุ่นวายขึ้น
หลังจากจัดการกับตู้เคอหลินเสร็จ เขาก็ได้ทำอาหารให้แก่เฉินหวั่นชิงด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะล้างจานก็ได้รับโทรศัพท์จากถังเหวินหลงที่แจ้งเขาให้เตรียมตัวจัดกระเป๋าให้เรียบร้อยเพื่อขึ้นเที่ยวบินตอนเที่ยงในวันพรุ่งนี้
ไม่มีทางเลือกอื่น เขาทำได้เพียงแต่จองตั๋วเครื่องบินในตอนเช้าตรู่และพารีบพาเฉินหวั่นชิงกลับไปที่เมืองเจียงหนัน เมื่อมาถึงได้ทันเวลาพอดีจึงได้ทำการทักทายเฉินหวั่นชิงและขึ้นเครื่องบินขนส่งไปยังเมืองจิน
เซวหมานจื่อกำลังจีบหยุนเหมิงหยานอยู่และในบางเวลาก็มีเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุข ช่างน่าอบอุ่นเสียจริง
ในทางกลับกัน สีหน้าของจี้เยียนหรันดูหนักใจ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยความกังวลและนั่นทำให้คนต่างพากันสงสาร
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?ทำไมท่าทางของหล่อนถึงได้ดูเศร้าโศกนัก?”
เมื่อเย่เทียนสังเกตสีหน้าของจี้เยียนหรันก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปอย่างกังวล
“ฉันไม่เป็นอะไร”
จี้เยียนหรันเอ่ยปากพร้อมกับกวาดตามองไปที่เซวหมานจื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างระแวดระวังและในที่สุดก็ได้ส่ายหัวออกมาเล็กน้อย
เย่เทียนไม่รู้ว่ามันไปมาอย่างไรแต่เห็นได้ชัดว่าจี้เยียนหรันไม่อยากจะพูด เขาเองจึงไม่ได้ถามอะไรไปมากนัก ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับลุกขึ้นมาต้องการไประบายความต้องการของร่างกายในห้องน้ำ
จี้เยียนหรันตกใจในทันทีพร้อมกับรีบคว้าแขนเสื้อของเย่เทียนเอาไว้และพูดอย่างประหม่าว่า “นายจะทำอะไร?”
“พี่สาว ผมจะไปห้องน้ำ!”
เมื่อเห็นอาการประหม่าของหญิงสาว ตาของเย่เทียนก็กระตุกเล็กน้อยก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “อยู่บนเครื่องบินฉันจะทำอะไรได้ล่ะ?คงกระโดดลงไปไม่ได้หรอกใช่ไหม?หรือว่าหล่อนอยากจะไปกับฉัน?”
“ใครจะอยากไปกับนายกันล่ะ คนอันธพาล!”
เมื่อจี้เยียนหรันได้ยินเช่นนั้นจึงรีบปล่อยแขนของเย่เทียนที่หล่อนจับอยู่ ใบหน้าอันสวยงามของหล่อนแดงก่ำ
เย่เทียนถึงกับพูดไม่ออก นี่ฉันก็แค่จะไปเข้าห้องน้ำทำธุระ?ทำไมฉันถึงกลายเป็นคนอันธพาลได้ล่ะ?คงไม่ได้ไม่อดกลั้นจนตายหรอกนะ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ในใจ เย่เทียนก็ได้เดินไปเข้าห้องน้ำ
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเย่เทียน จี้เยียนหรันก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ลุกขึ้นมาและเดินตามรอยเท้านั้นไป
หยุนเหมิงหยานที่กำลังหัวเราะกับเซวหมานจื่อก็รู้สึกได้จึงตกใจและพูดแปลกๆว่า “จี้เยียนหรัน หล่อนจะไปไหนน่ะ?”
“ฉัน ฉันหนาวนิดหน่อยน่ะเลยจะไปเอาผ้าห่มเสียหน่อย”
หลังจากที่จี้เยียนหรันได้โกหกและตามรอยเท้าเย่เทียนไปที่หางของเครื่องบิน
เพียงแต่หลังจากหาผ้าห่มเจอ หล่อนไม่ได้มากลับนั่งที่ในทันทีแต่กลับยืนอยู่ตรงประตูห้องน้ำรอเย่เทียนออกมา
เมื่อเย่เทียนเข้าห้องน้ำทำธุระอย่างเมามันส์จนเรียบร้อยก็ได้เปิดประตูออกมาพบกับจี้เยียนหรันที่ยืนกอดผ้าห่ม เขาตกใจในทันที “หล่อนมายืนทำอะไรตรงนี้?”
จี้เยียนหรันรวบรวมความกล้าและพูดออกมา “เย่เทียน ฉันมีเรื่องอยากพูดกับนาย”
“เอ๊ะ?!”
ดวงตาทั้งสองของเย่เทียนหรี่ตาลง ดวงตาสีเข้มสองข้างจ้องมองไปราวกับเห็นจิตวิญญาณของจี้เยียนหรัน “หล่อนคงไม่ได้จะโน้มน้าวให้ฉันไม่ไปร่วมงานคัดเลือกของทีมสายฟ้าหรอกใช่ไหม?”
เมื่อเย่เทียนเข้าห้องน้ำทำธุระอย่างเมามันจนเรียบร้อยก็ได้เปิดประตูออกมาพบกับจี้เยียนหรันที่ยืนกอดผ้าห่ม เขาตกใจในทันที “หล่อนมายืนทำอะไรตรงนี้?”
จี้เยียนหรันรวบรวมความกล้าและพูดออกมา “เย่เทียน ฉันมีเรื่องอยากพูดกับนาย”
“เอ๊ะ?!”
ดวงตาทั้งสองของเย่เทียนหรี่ตาลง ดวงตาสีเข้มสองข้างจ้องมองไปราวกับเห็นจิตวิญญาณของจี้เยียนหรัน “หล่อนคงไม่ได้จะโน้มน้าวให้ฉันไม่ไปร่วมงานคัดเลือกของทีมสายฟ้าหรอกใช่ไหม?”
จี้เยียนหรันตกตะลึง หล่อนเตรียมที่จะพูดกับเย่เทียนแบบนี้จริงๆและไม่คิดว่าจะกลายเป็นเย่เทียนที่เอ่ยมันออกมาก่อน
“หล่อนอย่าวิตกกังวลไปเลย ในเมื่อการต่อสู้ของฉันนั้นพอๆกับเซวหมานจื่อ เช่นนั้นหล่อนก็ควรจะเชื่อมั่นในพละกำลังของฉัน ในชั่วชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่ฉันไม่เคยกลัวใครมาก่อนเลย!”
“ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียงแค่การคัดเลือกสมาชิกทีมเท่านั้น ต่อให้จะเจอคนที่เก่งกาจจริงๆแล้วฉันสู้ไม่ได้ก็แค่ยอมแพ้ไปเท่านั้น?”
เมื่อมองดูท่าทางที่ประหลาดใจของจี้เยียนหรัน เย่เทียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาเดาถูก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงเขาจึงได้แสดงรอยยิ้มที่เป็นมิตรออกมา
“เย่เทียน ฉันเพิ่งได้ข่าวมาเมื่อเช้านี้ว่าการคัดเลือกสมาชิกของทีมสายฟ้าจะมีเย่หย่งหงจากตระกูลเย่มาเข้าร่วมด้วย”
จี้เยียนหรันส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับพูดอย่างขื่นขม “เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของเย่ย่งเล่อ ตอนงานครบรอบวันเกิดของท่านปู่ นายเองก็เพิ่งจะเจอเย่ย่งเล่อไป หากตอนนั้นนายเจอเขาที่งานคัดเลือกสมาชิกทีมจริงๆ เกรงว่า…..”
แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้พูดจนจบแต่เย่เทียนจะไม่รู้สิ่งที่หล่อนพยายามจะสื่อถึงได้อย่างไรกัน แต่เขาจะไปสนใจทำไมกันล่ะ?
“เย่หย่งหงเหรอ?!”
แววตาทั้งคู่ของเย่เทียนปรากฏความมืดมนออกมา “แล้วทำไมกันล่ะ!หากเจอกันที่งานคัดเลือกตัวแทนจริงๆ ดูสิว่าฉันจะไม่ทุบตีเขาหรือไงกัน!”
เมื่อเห็นหลู่อี้ที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแล้ว หากต้องเจอกับเย่หย่งหงในงานคัดเลือกสมาชิกจริงๆ เขาก็คงไม่สนใจไยดีเรื่องญาติทางสายเลือดอีก!
“เย่เทียน เย่หย่งหงเป็นคนของตระกูลเย่ที่อยู่เก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้ อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์ระดับสูงทางทหารอีกด้วย เขา…..”
แม้จี้เยียนหรันจะรู้ดีว่าเย่เทียนเองก็ไม่ใช่ง่ายๆแต่ในใจก็กังวลขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“รู้จักฉันมาก็นาน นี่หล่อนยังไม่รู้ถึงความสามารถของฉันอีกเหรอ?”
ไม่ทันรอให้จี้เยียนหรันพูดจบ เย่เทียนก็ได้ส่ายหัวตัดบทและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “เชื่อฉันสิ!ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก!”
ขณะที่พูด เย่เทียนก็ยืนมือออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจและสัมผัสไปที่ผมอันอ่อนนุ่มของหญิงสาว
ไม่ต้องพูดว่าเย่ย่งเล่อนั้นอยู่แดนระดับเสวียน แม้แต่แดนระดับดินการที่เย่เทียนฝึกปราณมาจนถึงระดับเจ็ดก็ถือว่าไม่เสียเปล่าเลยสักนิด!
เมื่อเห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของเย่เทียน ในใจของจี้เยียนหรันก็สั่นไหวจนแก้มบนใบหน้าทั้งสองข้างของหล่อนแดงระเรื่อโดยไม่ทันได้สังเกต
วันนี้จี้เยียนหรันสวมชุดกีฬาสบายๆ ด้วยอากาศที่เย็นหล่อนจึงได้คว้าเสื้อคลุมบางๆมาด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงไม่อาจปิดซ่อนเรือนร่างที่งดงามของหล่อนได้
หัวใจของเย่เทียนเต้นแรงเมื่อเห็น ฝ่ามือใหญ่ที่ลูบผมของจี้เยียนหรันก่อนหน้านี้ได้เลื่อนลงมากอดเอวบางๆที่อ่อนนุ่มของจี้เยียนหรันไว้พร้อมกับใช้แรงดึงหล่อนเข้ามาในอ้อมแขน
“อั๊ยยะ!”
จี้เยียนหรันที่ไม่ทันได้ระวังก็อุทานออกมา กว่าหล่อนจะตอบสนองได้ทัน ร่างทั้งร่างก็ได้ไปอยู่ในอ้อมแขนของเย่เทียนแล้ว
“เยียนหรัน ทำไมวันนี้หล่อนถึงได้งามนัก?”
ปลายจมูกของหล่อนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอันแรงกล้าของชายหนุ่ม เมื่อได้ยินเสียงอันไพเราะของชายหนุ่ม จี้เยียนหรันก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของหล่อนเต้นแรงราวกับลูกกวางตัวน้อยที่กระโดดไปมา
“งั้นแต่ก่อนฉันไม่งามหรือไงกัน?”
สีหน้าของจี้เยียนหรันแดงก่ำพร้อมกับตอบโต้กลับไปอย่างแผ่วเบาในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่เมื่อมองดูแล้วมันช่างเหมือนกับการออดอ้อนอย่างไงอย่างั้น
“งามสิ!เพียงแค่วันนี้งามกว่ามากก็เท่านั้น!”
จี้เยียนหรันรับรู้ได้ถึงไออุ่นที่อยู่ข้างหูของหล่อนจนทนไม่ได้ที่จะสั่นหัวสลัดออก คล้ายกับหัวใจที่กระเพื่อมไปมาได้สร้างระลอกขึ้นอีก
เย่เทียนที่ต่อสู้ไปกับเฉินหวั่นชิงอย่างระอุเมื่อสองวันก่อนจะไปมีความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ได้ยังไง ทันใดนั้นร่างกายก็ค่อยๆร้อนผ่าวขึ้นมา มือที่โอบกอดจี้เยียนหรันนั้นรัดแน่นยิ่งกว่าเดิมและอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงบรรจงจูบริมฝีปากอันแดงระหงของหญิงสาว….