“วู้วู้!”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นช่างรวดเร็ว เมื่อจี้เยียนหรันรู้สึกตัว ริมฝีปากแดงระหงก็ถูกปิดกั้นมานานแล้ว ดวงตาของลูกพี่จับจ้องไป ในใจอยากจะดิ้นรน
แต่เย่เทียนก็ไม่ได้ให้โอกาสหล่อนและใช้ช่วงเวลาที่หล่อนกำลังตกตะลึงเปิดปากพร้อมกับตวัดพลิกด้านในตามอำเภอใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จี้เยียนหรันนั้นรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัวและเอื้อมมือออกไปคล้องคอของเย่เทียน ปล่อยตัวปล่อยใจให้ดูดดื่มกับรอยจูบนี้
หลังจากผ่านไปไม่นาน เย่เทียนก็อดไม่ไหวอีกต่อไปจึงได้ปล่อยตัวจี้เยียนหรัน
“นาย”
สติของจี้เยียนหรันกลับมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกได้ถึงใบหน้าอันสวยงามนั้นร้อนระอุจนทำให้คนตกใจ หัวใจเต้นอลหม่านมากไปกว่าเดิมจนไม่มีจิตใจไม่สงบลงเลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่รอให้หล่อนพูดจบ เย่เทียนก็ยื่นมือออกไปและดึงหล่อนเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเล่นซอกไซร้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวตามอำเภอใจ
“เย่ เย่เทียน พวกเราไม่สามารถ….”
จี้เยียนหรันที่สับสนได้แต่ส่ายหัวไปมา แม้จะรู้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้องแต่หล่อนก็ไม่ได้ผลักเย่เทียนออกไป
หล่อนมีความรู้สึกต่อเย่เทียนแต่เนื่องจากเย่เทียนแต่งงานแล้วนั่นจึงทำให้หล่อนไม่สามารถทำอะไรเกินเลยได้
“วางใจเถอะ ไม่มีใครเดินมาหรอก”
ไม่รอให้จี้เยียนหรันพูดจบ เย่เทียนก็ได้หายใจไอร้อนออกมาข้างหูของหล่อน
ราวกับว่าคำพูดของเย่เทียนนั้นมีมนตร์ขลัง จี้เยียนหรันไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมกับอดทนยอมรับมันอย่างเงียบๆ และปล่อยให้มืออันหยาบกร้านของเย่เทียนเคลื่อนไหวไปตามเรือนร่างของหล่อน
“แปลกจริง ทำไมเยียนหรันถึงได้ไปเอาผ้าห่มนานจัง? ฉันไปดูหน่อยดีกว่า”
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง หยุนเหมิงหยานที่มีความรักกับ เซวหมานจื่อก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติจึงกล่าวทายทักกับ เซวหมานจื่อและเดินตรงไปที่ท้ายเครื่อง
แต่เมื่อเดินไปถึงบริเวณห้องน้ำ เธอหยุดฝีเท้าลงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ
“หรือว่า…”
ใจของ หยุนเหมิงหยานตกลงถึงตาตุ่ม เธอจะไม่รู้ว่านั่นคือเสียงอะไรได้อย่างไรกัน ใบหน้าของเธอแดงก่ำในทันทีพร้อมกับพูดบ่นพึมพำว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าเยียนหรันจะเล่นได้อย่าเปิดเผยแบบนี้ บนเครื่องบินก็ทำตัวเลอะเทอะได้”
หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะคนสองคนที่อยู่ในห้องน้ำ ได้แต่กันหลังกลับที่นั่งของตัวเองอย่างเงียบๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จนในที่สุดสองคนนั้นก็เสร็จกิจกัน เย่เทียนส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำออกมาก่อนจะพาดคางบนไหล่ของจี้เยียนหรัน ใจของเขาเต็มไปด้วยความพอใจ
ใบหน้าอันแสนสวยของจี้เยียนหรันนั้นแดงราวกับลูกพีช ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนอยู่ในก้อนเมฆและกำลังร่ายรำบนท้องฟ้าซึ่งมันเป็นสิ่งที่เกินจริงเป็นอย่างมาก
“คนเลว! ยังไม่รีบออกไปอีก!”
จี้เยียนหรันพูดแบกรับน้ำหนักของชายหนุ่มมาก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะตีเขา
แต่ต่อมากลับกลายเป็นบางเบาไร้เรี่ยวแรงราวกับการเกาเพราะคันอย่างไงอย่างงั้น มันเหมือนกับการจีบกันเสียกว่าด้วยซ้ำ
เย่เทียนผู้ได้ผลประโยชน์แต่กลับทำตัวน้อยใจได้พูดอย่างไร้ยางอายว่า “จะรีบไปไหนกัน ยังไงซะเราก็ไม่ได้จะถึงเมืองจินเร็วขนาดนั้น เรามาต่อกันอีกยกดีไหม?”
“ไม่เอา!”
จี้เยียนหรันผลักเย่เทียนออกพร้อมกับจ้องเขม็งและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ยังไงซะก็เพิ่งจะมีอะไรกันไ เย่เทียนจึงไม่ได้บังคับอะไรหล่อนต่อ หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เดินแยกย้ายกันออกมา
จิตใจของจี้เยียนหรันนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่หล่อนใคร่ปรารถนาแต่เมื่อกบ่อนนึกถึงเฉนหวั่นชิง หล่อนก็รู้สึกผิดอยู่เต็มอก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จี้เยียนหรันก็อดไม่ได้ที่จะมองเย่เทียนที่อยู่ด้านข้างของหล่อนและพบว่าขายคนนี้ได้หลับตาพักผ่อนอย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งนั่นทำให้หล่อนกังวลขึ้นมาในทันที
ผู้ชายมันก็หลายใจกันทั้งนั้นแหละ สนใจแต่แค่ถอดด้านล่าง อย่างอื่นก็ไม่เคยจะคิดใคร่ครวญสักเท่าไหร่!
หยุนเหมิงหยานเองก็มองไปที่เย่เทียนอย่างเจตนาร้าย เธอไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเย่เทียนกับจี้เยียนหรัน แต่การที่ทำกันเสร็จแล้วกลับมานอนพักสายตา ท่าทางมันดูหยาบคายเกินไปหน่อยไหม?
เย่เทียนผู้น่าสงสาร เกรงว่าแค่ฝันก็คงทำไม่ได้ เขาก็แค่พักผ่อนโดยการพักสายตาแต่กลับถูก หยุนเหมิงหยานจำเอาไว้หมดแล้ว
……….
เป็นเวลาห้าโมงกว่า เครื่องบินขนส่งก็ได้ค่อยๆลงจอดที่เมืองจิน
เย่เทียนที่ได้ปลดปล่อยสิ่งที่กักตุนมานานก็รู้สึกสดชื่น เมื่อเดินลงมาจากเครื่องบินก็รู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นสีฟ้ากว่าเดิม
ด้านข้างซ้ายและขวาของเขาคือจี้เยียนหรันรวมสามคน
เพียงแต่ใบหน้าของจี้เยียนหรันและหยุนเหมิงหยานแดงระเรื่อ คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าพวกเขาได้ไปทำเรื่องอะไรแบบชายหญิงระหว่างอยู่บนเครื่อง!
แน่นอนว่าจี้เยียนหรันแก้มแดงเพราะความเขินอายแต่หยุนเหมิงหยานกลับแดงเพราะโกรธเคืองเย่เทียน!
เซวหมานจื่อผู้น่าสงสารก็คิดว่าตัวเองไปทำอะไรให้หยุนเหมิงหยานโกรธจึงได้แต่ขมวดคิ้วปลอบโยนด้วยใบหน้าที่ขมขื่น!
เย่เทียนมองไประยะไกล ท่าทางของเขาดูเย็นชาเล็กน้อยพร้อมกับพูดสามคนนั้นว่า “ไปกันเถอะ?”
หยุนเหมิงหยานยังคงมีท่าทีโกรธเคืองและไม่สนใจเย่เทียน ทันใดนั้นเธอก็ได้พ่นเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นดึงจี้เยียนหรันและเซวหมานจื่อเดินออกไปโดยไม่มองเย่เทียนเลยแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ?!”
เย่เทียนรู้สึกงุนงงอธิบายไม่ถูกพร้อมกับลูบไปที่จมูกอย่างไม่รู้ตัว ตนไม่ได้ไปทำอะไรยั่วยุเธอหรอกใช่ไหม?
เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้ประจำเดือนมาพอดี?
เย่เทียนรู้สึกไม่พอใจอย่างลับๆ เมื่อคิดว่าไม่มีอะไรจึงเดินตามก้นของสามคนนั้นไป
เมืองจินคือเมืองหลวงของประเทศจีน ภายในสนามบินนั้นมีคนเป็นจำนวนมาก เมื่อทั้งสี่คนเดินออกมาที่ประตูก็มีรถจิ๊ปตราทหารจอดรออยู่แล้ว
“หมานจื่อ เหมิงหยาน”
พวกเขาเพิ่งเดินไปก็มีชายคนหนึ่งซึ่งรออยู่ด้านข้างของรถจิ๊ปกล่าวทักทายเซวฟู่เหลินกับหยุนเหมิงหยานอย่างคุ้นเคย
“เยียนหรัน หล่อนก็มาด้วยเหรอ?!”
เมื่อเห็นจี้เยียนหรัน ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ประหลาดใจในทันที ความเคารพชื่นชมแฝงอยู่ในดวงตาของเขา
ชายคนนี้อายุราวสามสิบต้นๆ กล้ามเนื้อที่ปูดโปนบนร่างกายโผล่ขึ้นมาจากเสื้อลายทหาร รูปร่างดูบึกบึนและเข้มแข็ง มองทีเดียวก็รู้แล้วว่าเขาต้องเป็นศิษย์ของทหาร
“ผางอานคาง?ทำไมนายถึงมารับพวกเราล่ะ?ไม่ได้บอกว่าฉีเย่าจะเป็นคนมารัพวกเราหรอกเหรอ?เขาไปไหนล่ะ?”
เมื่อจี้เยียนหรันเห็นสิ่งนี้จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าของหล่อนแสดงความไม่อดทนออกมา
“พอดีฉีเย่ามีธุระ ผมเลยมารับพวกคุณแทนน่ะครับ”
ชายที่โดนเรียกว่าผางอานคางถึงกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องไปที่ร่างของจี้เยียนหรันอย่างไม่กะพริบตา แม้แต่เด็กสามขวบก็คงดูออกว่าเขาสนใจในตัวจี้เยียนหรัน
ในเวลานี้เองเย่เทียนก็มีปฏิกิริยา เขาขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่ผางอานคาง เมื่อคิดแล้วคิดอีกจึงได้ยื่นมือออกไปกล่าวทักทายอีกฝ่าย “สวัสดี ผมคือเย่เทียน”
“เย่เทียนเหรอ?!”
เมื่อผางอานคางได้ยินเช่นนั้นก็หันสายตาไปมองเย่เทียน เมื่อมองดูระยะห่างระหว่างเขากับไหล่ของจี้เยียนหรัน สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นมาในทันใด
เมื่อมองการแต่งกายของเย่เทียนอย่างละเอียด แม้จะบอกว่าเป็นแบรนด์เนมแต่ในสายตาของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับสินค้าแผงลอยริมถนน เขาอดไม่ได้ที่จะพ่นเสียงเหอะออกมา “เย่เทียน?คุณเป็นตัวแทนทหารของเมืองเจียงหนันในปีนี้เหรอ?”
“ตัวแทนทหารของเมืองเจียงหนัน?”
เย่เทียนตกตะลึงก่อนจะตอบสนองกลับไป เขายิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ไม่เลว!ฉันนี่แหละคือตัวแทนทหารของเมืองเจียงหนันในปีนี้!