อาวุธที่คุณชายน้อยจวินถือครองอยู่ในตอนนี้มิอาจเทียบกับสิ่งที่เขาเคยมีในชีวิตก่อนได้  เขาเตรียมการเพื่อให้คู่ต่อสู้ของเขาประหลาดใจ และตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ แต่ คุณชายน้อยจวินยังมิอาจฝ่าการป้องกันของเขาได้  ในความจริง กระบวนท่าการโจมตีมากมายของเขายังมิเคยได้รับการทดสอบ

และชายผู้นี้มิสามารถกระตุ้นและรวบรวมปราณเชวียนได้  ดังนั้น คุณชายน้อยจวินจึงไร้วาจาในเรื่องนี้ นี่เป็นความอัปยศอย่างมาก

 

ด้วยเหตุนี้ คุณชายน้อยจวิน จึงมิอาจผ่อนคลายลงได้แม้แต่น้อย  การโจมตีของเขานั้นถี่ถ้วน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งชัดเจน เขาจักต้องพบกับการสูญเสีย หากเขามิสามารถสังหารชายผู้นี้ได้โดยเร็ว … ความจริงแล้ว เขาอาจโดนต่อต้านหากเขาเปิดช่องว่างให้ผู้อื่นเพื่อตอบโต้หรือชิงความได้เปรียบ  ท้ายที่สุด เขาก็เป็นเพียงเชวียนหยกเพียงเท่านั้น  และจะพูดอีกอย่าง คู่ต่อสู้ของเขาเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  แท้จริงแล้ว เขาเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด

 

คู่ต่อสู้ของข้าอาจทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมาณ หากความแข็งแกร่งของเขาลดลง หนึ่งส่วนสิบของทั้งหมด

 

ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องด้วยเสียง ปั้ง ! ปั้ง ! หมัด เข่า ศอก ข้างเท้า ของเขา … ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงเนื่องจากการโจมตีองเขา  ความจริงแล้ว พวกมันเริ่มปวดร้าว  แต่ เขายังมิได้เตรียมตัวผ่อนปรน เขามิกล้าผ่อนคลายลงเลย  เช่นนั้น จึงดูเหมือนว่าการโจมตีของเขารุนแรงยิ่งขึ้น

 

การต่อสู้ฝ่ายเดียวนี้ดูเหมือนจักต่างออกไปในมุมของผู้อื่น  คนภายนอกจะมองว่า จวินโม่เซี่ย สามารถสังหารศัตรูได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว  พวกเขาคิดว่า เขาตั้งใจใช้วิธีการที่โหดร้ายนี้ทรมาณศัตรู … ซึ่งทำให้เขาถูกตำหนิเนื่องจากการทรมาณผู้คนเช่นนี้เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข

 

การทารุณเช่นนี้จักถูกเล่าขานเป็นตำนาน !

 

ยิ่งไปกว่านั้น จวินโม่เซี่ยยังได้แสดงปราณเชวียนของเขาเพื่อกำจัดทีท่าน่าประทับใจของฝ่ายตรงข้าม  อย่างไรก็ตาม เขาได้แสดงแสงสีน้ำเงินเข้มของยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด

 

ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุดถูกผู้อื่นโจมตีอย่างรวดเร็ว … คนผู้นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำต้อยกว่าเขาในขั้นสวรรค์เชวียน ! ไม่เพียงเท่านั้น … คู่ต่อสู้ของเขายังไม่มีโอกาศได้ตอบโต้ !  หรือการโจมตีที่ป่าเถื่อนนี้บ่งบอกถึงนิสัยของเขา ?  เขาน่าจะจบเรื่องนี้ได้ภายในกระบวนท่าเดียว …

 

น้ำตาหลั่งไหลลงแก้มของจวินโม่เซี่ย

แม้นการโจมตีอันน่าหวาดกลัวนี้มิได้ราบรื่น  สิ่งใดที่ข้าควรทึกทักเอา … ?  ความแข็งแกร่งของข้านั้นไร้เทียมทานหรือ … ?

 

โชคดีที่มันมิใช่เกมส์ที่ทุกสิ่งทำงานจากแหล่งความรู้  แม้แต่ความแข็งแกร่งของสวรรค์เชวียนนั้นก็ยังมีข้อจำกัด  ท้ายที่สุด คุณชายน้อจวินได้โจมตีไปยังศัตรูจุดเดียวซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง จุดนั้นคือสะดือของเขา  และ สุดท้ายเขาก็ได้ปลดปราณเชวียนที่ปกป้องร่างของศัตรูออกไปได้  ในที่สุดเขาด็ได้โจมตีร่างอันแข็งแกร่งของศัตรู ซึ่งมันเป็นเหมือนดั่งเยื่อกระดาษ  จากนั้น จวินโม่เซี่ยได้ตัดโอกาสรอดของคนผู้นั้น ด้วยการโจมตีไปที่หัวใจ

 

 

อย่างไรก็ตาม เขามิรู้ว่าเขาได้ปรากฏภาพร่างหยุดนิ่งหลังจากที่ได้ปล่อยหมัดสุดท้ายออกไป  สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเขาเหนื่อยอย่างมาก  เช่นนั้น เขาจึงใช้เวลาหยุดพักช่วงหนึ่ง  แต่ผู้ที่มองเห็นได้ตีความสิ่งนี้ต่างออกไป  ภาพนี้ โหดร้ายมากในสายตาของพวกเขา มันป่าเถื่อน และผิดสามัญ

 

เจ้าสังหารเขาแล้วหรือ … เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้กับร่างไร้วิญญาณของเขาละ ?  เขามองดูราวกับปลาตากแห้ง … เจ้าต้องการทำให้หวาดกลัวจรตายหรือไม่ นายท่าน ?  นี่เป็นคืนที่ยอดเยี่ยม…

 

ชายสองร้อยมองไปยังมือสังหารจวินด้วยความยำเกรงอย่างที่สุด  เป็นช่วงเวลานที่เงียบสงัด

 

พวกเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน !

 

พวกเขาตกตะลึงสุดขีด !

 

เป็นเวลาชั่วขณะก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกตัว  จากนั้น ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนอีกสองคนมองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยความโศกเศร้าและขุนเคือง  พวกเขาขบฟันและถาม

“เจ้าเป็นผู้ใด ? จงกล้าเอ่ยบอกพวกเรา !  เจ้าสูงส่งและกว้างขวาง !  เจ้าจักได้รับการยกย่องอย่างไร้สิ้นสุดจากหอกระบี่เลือดของพวกเรา !  พวกเราจักพยายามทุกเช้าค่ำเพื่อตอบแทนเจ้า ! “

 

” หึม ?  ตอบแทนข้า ?  เจ้าไม่คิดจักหนีไปหรือ ? “

จวินโม่เซี่ยเอ่ยด้วยท่าทีตกตะลึง  มีแสงส้องประกายในดวงตาของเขา  จากนั้นเขาเอ่ยขึ้น

” บัดซบ !  จินตนาการของเจ้ามิได้สูงส่ง ?  เมื่อไหร่กันที่ข้าบอกว่าข้าจักปล่อยให้เจ้าหนีไป ?  เจ้ามั่นใจหรือว่ามิได้ฝันกลางวัน ?  หรือเจ้ากำลังละเมอ ? “

 

” ฮ่าฮ่าฮ่า !  พวกเราสูญเสียความแข็งแกร่งเกินกว่าครึ่งหลังจากที่ได้รับพิษของเจ้า ความจริงนี้มิอาจโต้แย้ง และ พวกเราได้รับความพ่ายแพ้ในวันนี้ !  อย่างไรก็ตาม เจ้าเชื่อหรือว่าเจ้า และคนไร้ค่าของเจ้าสามารถจับเราได้ ?  ใช่ไหม !  เจ้านั้นเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด และความแข็งแกร่งของเขานั้นล้ำหน้ากว่าพวกเรา  แต่ ตัวเจ้าผู้สูงส่งสามารถหยุดพวกเราได้เพียงหนึ่งหากพวกเราต้องการจักหลบหนีจริงๆ  เจ้าจักต้องฝันไปแน่ๆหากเชื่อว่าจักสามารกำจัดเราทั้งคู่ได้ !  เช่นนั้น ผู้ที่กำลังฝัน และละเมอมิใช่อื่นใดนอกจากตัวเจ้า ! ”

 

สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนชุดแดงหัวเราะเสียงแหลมสูง  วาจาอันเยือกเย็นดังก้องขณะพวกเขาเอ่ยวาจา

 

“พวกเรามิกลัวที่จักบอกสิ่งนี้กับเจ้าด้วยความจริงใจ ไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นผู้ใด … หรือหรือว่าเจ้ามีผู้ใดหนุนหลัง เจ้าและผู้หนุนหลังเจ้าเป็นเพียงขนมปังเท่านั้น !  ไม่มีความฝันอันสวยงามสำหรับเจ้า … มีเพียงฝันร้าย ฝันร้ายอันไร้ที่สิ้นสุด ! “

 

” จับเจ้าเพียงหนึ่ง ?  เจ้ากำลังเอ่ยวาจาไร้ยางอายอันใดกัน ?!  ข้าคงไม่มาที่นี่หากวางแผนปล่อยเจ้าไปหนึ่งคน !  และกำลังฝัน ?  เรามาดูกันว่าผู้ใดกำลังฝันไป ! ”

จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูก และสบัดมือ

“สังหารพวกเขา ! ”

 

บุรุษสองร้อยคำรามลั่น  การบาดเจ็บของพวกเขามิได้เล็กน้อย แต่พวกเขายังยกกระบี่ขึ้น และโยนตัวเองไปราวกระแสน้ำทั้งๆที่ตัวเองบาดเจ็บ

 

” ฮ่าฮ่า … ”

สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนหัวเราะอย่างจริงใจ  จากนั้น พวกเขากระโดดขึ้นและเหาะขึ้นในอากาศ  พวกเขาคนหนึ่งมุ่งไปทางเหนือ และอีกผู้มุ่งไปทางใต้

 

พวกเขาเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่ง

 

แม้แต่ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุดเผชิญหน้ากับพวกเราก็จำต้องเลือกพวกเราเพียงหนึ่ง  เขาจักสามารถจับพวกเราทั้งสองได้อย่างไร ในเมื่อพวกเรามีระดับปราณเชวียนเดียวกับเขา ?

 

จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูกและหัวเราะ  เขาไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว  ความจริง คุณชายน้อยจวินมิได้ต้องการเคลื่อนไหวเลย  เขาเพียงตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

” ปล่อยลงมา “

ท้องฟ้าก้องสะท้อนด้วยเสียงของเขาขณะที่มันมืดลง

คนของเขาที่อยู่บนพื้นดินอย่างเป็นระเบียบ  พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี  และแล้วพวกเขากระจายตัวออกไปนอกวงอย่างรวดเร็ว

 

มือสังหารชุดแดงทั้งสองอดฉี่แตกมิได้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปมอง

 

ตาข่ายนับสิบปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากทุกทิศทาง  ตาข่ายเหล่านี้เปล่งประกายด้วยหนามแหลมที่เรียงราย และพวกมันปกคลุมไปทั่วระยะสามสิบเมตร  ตาข่ายเหล่านี้ถี่แน่น และไม่มีช่องว่างให้พวกเขาหลบหนีได้  ชายชุดแดงทั้งสองมองไปทุกทิศ และพบว่าไม่มีช่องว่างในตาข่ายนั้น  ยิ่งไปกว่านั้น ตาข่ายเหล่านั้นคาบเกี่ยวกันเมื่อมันร่วงลงมา ตาข่ายทุกอันจะมีอีกอันอยู่เหนือมัน  หากผู้ใดสามารถหนีพ้นตาข่ายอันหนึ่ง เขาก็จักต้องเผชิญหน้ากับตาจ่ายอีกอันหนึ่ง … และหลังจากนั้น ก็มีอันที่สาม …

 

สองชายชุดแดงกรีดร้องออกมาขณะที่ตาข่ายราวสี่สิห้าสิบกางออก ตกลงใส่พวกเขาด้วยเสียง ตู้ม ! และกัดตัวพวกเขาไว้ข้างใน

 

สองมือสังหารสามารถดึงตาข่ายออกได้หากพวกเขาสามารถกระตุ้นปรารณเชวียน … บางทีพวกเขาอาจฉีกออกได้ หากมิได้สูญเสียปราณเชวียน  ความจริง มันเป็นเพียงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ปราณเชวียนของพวกเขานั้นลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นนั้น พวกเขาก็ไม่มีเวลามากเพียงพอจักรวบรวมปราณเชวียนแม้นว่าพวกเขาจักมุ่งมั่นจักหนีไป

 

แท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกเขามีไม่เพียงพอในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้…. คือเวลา

 

จวินโม่เซี่ยจักปล่อยให้พวกเขามีเวลาตอบโต้ได้อย่างไรกัน ?

 

ชายสองร้อยทิ้งกระบี่ลงพร้อมกันเมื่อคำสั่งถูกกระจายออกไป  จากนั้น พวกเขาหยิบไม้ที่เตรียมไว้ออกมา หลังจากนั้น พวกเขา ละทิ้งเหตุผล และกระหน่ำตีปิศาจโง่ทั้งสองที่ติดกับดักตาข่าย

 

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ เหล่ายอดฝีมือเชวียนทองเหล่านั้นสามารถเหยียบย่ำยอดฝีมือสวรรค์เชวียนได้  มันเป็นโอกาสดีเพียงหนึ่งในชั่วชีวิต … เช่นนั้น พวกเขาจักปล่อยให้มันผ่านไปได้อย่างไรกัน  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้เห็นพลังและความแข็งแกร่งที่คุณชายน้อยของพวกเขาใช้เหยียบย่ำศัตรู  ดังนั้นพวกเขาจึงมิปล่อยให้คุณชายน้อยของพวกเขาได้รับการยกย่องทั้งหมด

 

เกิดอันใดขึ้นกับพลังสวรรค์เชวียนของเจ้า ?  เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเหยียบย่ำและสังหาร …. ?  ไม่ … นั่นคือโชคชะตาของเจ้า

 

แสงสีน้ำเงินเข้มอาจมิสามารมองเห็นได้ผ่านตาข่ายที่หนาทึบ  เห็นได้ชัดว่าสองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนพยายามดิ้นรนกับทุกสิ่งที่พวกเขามี  พวกเขาพยายามอย่างเต็มทีเพื่อรักษาชีวิตตัวเองจากสถานการณ์เลวร้ายนี้   อย่างไรก็ตาม ความจริงอันโหดร้าย … คือ ความพยายามของพวกเขานั้นไร้ประโยชน์  ท่อนไม้ หนาเท่าต้นขา ฟาดลงไปที่เนื้อพวกเขาอย่างเต็มแรงด้วยเสียง ฟึบ …

 

ฝันร้ายอันแท้จริงของพวกเขามาถึงแล้ว !

 

เสียงกรีดร้องบ้าเลือดก้องสะท้อน  สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนฝืนทนไม่กรีดร้องเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขาในช่วงแรก  จากนั้นพวกเขาตะโกนราวกับไม่มีสิ่งใดที่น่ายินดียิ่งกว่าในช่วงเวลานั้น  เสียงกรีดร้องของพวกเขาพุ่งทะยานผ่านฟากฟ้ายามค่ำคืนและไม่นานมันฟังดูคล้ายเสียงนกฮูกร้อง

 

ผู้นำสวรรค์เชวียนของพวกเขาตาย … และนั้นคือสิ่งที่น่าเศร้ายิ่งนัก  อย่างไรก็ตาม เขาถูกสังหารโดยยอดฝีมือสวรรค์เชวียนระดับสูง การลอบโจมตีของจวินโม่เซี่ย   เช่นนั้น อาจเอ่ยได้ว่าเขาได้ตายอย่างมีเกียรติ  แต่ พวกเขาทั้งสองละ ?  พวกเขาถูกเหยียบย่ำโดยกลุ่มของยอดฝีมือเชวียนทองที่เป็นดั่งมดปลวก  สุดท้ายแล้ว  ชีวิตมีสิ่งที่น่าโศกเศร้าเช่นไรกัน ?

 

กลับมาเอ่ยถึงมัน … ทั้งสองได้รับการยัดเยียดโชคชะตาที่ร้ายแรงนี้  ทุกคนออกไปเพื่อแสวงหาความโศกเศร้าของตัวเอง  บุรุษทั้งสองนี้ก็มิต่างกัน

 

เดิมทีจวินโม่เซี่ยมีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับชายชุดแดงทั้งสองนี้  พวกเขาได้รับ ปิติสุคนธรส กระนั้น พวกเขาก็ยังเป็นยิดฝีมือสรรค์ชเวียน  แต่ แม้นความแข็งแกร่งเล็กน้อยที่พวกเขามีก็ยังคงอยู่ในระดับปฐพีเชวียน … หรืออาจจะมากกว่า ไม่ว่ามันจักลดลงไปเท่าใหร่  ไม่มีทางที่จัดลดระดับปราณเชวียนไปได้มากกว่านั้น ดังนั้น พวกเขาอาจเป็นเหตุให้เกิดความร้ายแรงกับคนของจวินโม่เซี่ย หากพวกเขาถูกปล่อยไป และต่อสู้กับความแข็งแกร่งที่อาจเหลืออยู่

 

ด้วยเหตุนี้ จวินโม่เซี่ยจึงทำให้ร่างของเขาปกคลุมด้วยแสงสีน้ำเงินเข้มของสวรรค์เชวียนสูงสุดเพื่อขุดขวางทั้งสอง

 

บุรุษชุดแดงทั้งสองจึงคิดว่ามีเพียงแค่ทางเลือกเดียวคือพวกเขาต้องหนี …และแยกทางกัน  และ ก็ไม่น่าแปลกใจเช่นกัน  ท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีเพียงสวรรค์เชวียนเริ่มต้น  เช่นนั้น พวกเขาจึงหนีไปเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด แม้นว่าพวกเขาจักมีพลังสูงสุด  มีเพียงหนึ่งสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลง …

 

อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะหนีก็เป็นการเข้าไปติดกับของจวินโม่เซี่ย

 

ก่อนหน้านี้จวินโม่เซี่ยได้จัดให้คนของเขาสี่สิบห้าไปหลบอยู่ในต้นไม้  พวกเขาแต่ละคนมีตาข่ายสองผืน  และพวกเขาก็รอเพียงช่วงเวลานั้น  ก่อนหน้านี้เห็นคนเพียงสองร้อย ?  อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ว่าคุณเหล่านี้มีทั้งหมด สองร้อยห้าสิบสี่ !

 

พวกเขาทำตัวเหมือน คนหาปลาสี่สิบห้าคนเมื่อพวกเขาขว้างตาข่ายเหล่านั้น  ยิ่งไปกว่านั้น สองผู้เคราะห์ร้ายกำลังอยู่ในความสับสนและตื่นตระหนกเมื่อตาข่ายเหล่านี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศจากที่ใดก็มิอาจรู้ได้ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น  เช่นนั้น พวกเขาจักไม่ติดกับได้อย่างไรกัน ?

 

ชายชุดแดงทั้งสองความจักสร้างความสุญเสียมากมายแก่คนของจวินโม่เซี่ย  แต่เมื่อถึงตอนนั้น … พวกเขาก็ไม่สามารถถูกจับได้  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนปลาที่ติดตาข่าย  ยิ่งไปวกว่านั้น พวกเขามิใช่เป็นเพียงปลาที่ติดตาข่าย … พวกเขานั้นคล้ายกับเนื้อที่รอขึ้นเขียง …เนื่องจากคนขายเนื้อกำลังคิดหาวิธีที่จักสับพวกเขา…

 

ชายสองร้อยเหล่านี้ไม่น่ากลัว  ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสร้างกระท่อมไม้ในเวลาที่ สาทรฤดูมาถึง … ราวกับฤดูเก็บเกี่ยวจบลง และพวกเขาต้องการนวดถั่วเหลืองที่ถูกเก็บเกี่ยวมา พวกเขาตะโกนด้วยความสุขขณะกระน่ำทุบผู้เคราะห์ร้าย  จวินโม่เซี่ยสั่งให้คนของเขากระหน่ำตีอย่างต่อเนื่องไปอีกช่วงครึ่งก้านธูป เนื่องจากกลัวว่าจักมีการแกล้งตาย  ไม่มีเหตุผลอื่นสำหรับการทำสิ่งนี้ เพียงเป็นการระมัดระวังของมือสังหาร

 

หลังจากจวินโม่เซี่ยเดินไปดูผลที่ได้ และเขาพบว่ามันอาจจะเอ่ยได้ว่า ดียิ่ง  ตาข่ายขนาดใหญ่ขาดรุ่งริ่ง  อย่างไรก็ตาม ภายใน .. สิ่งที่อยู่ภายใน … เป็นสิ่งที่มิอาจเรียกว่าคนได้อีกแล้ว  ความจริงพวกมันมิอาจเรียกได้ว่าเป็นเนื้อ  สิ่งที่เหลืออยู่ภายในนั้น … เป็นเนื้อบด … เนื้อบดละเอียด … !

 

แม้นว่าผู้ใดจักตุ๋นเนื้อตลอดทั้งวัน ..ก็มิอาจทำให้เป็นเช่นนี้ได้ !

 

ดวงตาของจวินโม่เซี่ยมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว  จากนั้น เขาสบัดมือและออกคำสั่ง

“เร่งรีบเก็บกวาดสนามรบ !  หากศัตรูยังหายใจอยู่ จงใช้มีดจัดการอย่างรวดเร็ว  ดูแลผู้ที่บาดเจ็บ ยึดหน้าไม้มาอย่างระมัดระวัง !  ทำให้แน่ใจว่าเจ้าจักจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด เริ่มทันที ! ”

 

ทุกผู้ตอบรับ

 

จวินโม่เซี่ยเงยหน้า และมองไปยังป่าเขาเบื้องหน้า  มีร่องรอยแห่งความสุขในดวงตาของเขา

 

สนามรบได้รับการเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว  จวินโม่เซี่ยออกคำสั่งใจเย็น ทุกผู้ร้องขึ้นพร้อมเพรียง และกลับไปขี่ม้าของพวกเขา  จากนั้น หายไปขณะที่เสียงฝีเท้าม้าดังก้อง  พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง … คือเศษเนื้อ และหลักฐานการนองเลือดในครั้งนี้