อาวุธที่คุณชายน้อยจวินถือครองอยู่ในตอนนี้มิอาจเทียบกับสิ่งที่เขาเคยมีในชีวิตก่อนได้ เขาเตรียมการเพื่อให้คู่ต่อสู้ของเขาประหลาดใจ และตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ แต่ คุณชายน้อยจวินยังมิอาจฝ่าการป้องกันของเขาได้ ในความจริง กระบวนท่าการโจมตีมากมายของเขายังมิเคยได้รับการทดสอบ
และชายผู้นี้มิสามารถกระตุ้นและรวบรวมปราณเชวียนได้ ดังนั้น คุณชายน้อยจวินจึงไร้วาจาในเรื่องนี้ นี่เป็นความอัปยศอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ คุณชายน้อยจวิน จึงมิอาจผ่อนคลายลงได้แม้แต่น้อย การโจมตีของเขานั้นถี่ถ้วน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งชัดเจน เขาจักต้องพบกับการสูญเสีย หากเขามิสามารถสังหารชายผู้นี้ได้โดยเร็ว … ความจริงแล้ว เขาอาจโดนต่อต้านหากเขาเปิดช่องว่างให้ผู้อื่นเพื่อตอบโต้หรือชิงความได้เปรียบ ท้ายที่สุด เขาก็เป็นเพียงเชวียนหยกเพียงเท่านั้น และจะพูดอีกอย่าง คู่ต่อสู้ของเขาเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียน แท้จริงแล้ว เขาเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด
คู่ต่อสู้ของข้าอาจทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมาณ หากความแข็งแกร่งของเขาลดลง หนึ่งส่วนสิบของทั้งหมด
ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องด้วยเสียง ปั้ง ! ปั้ง ! หมัด เข่า ศอก ข้างเท้า ของเขา … ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงเนื่องจากการโจมตีองเขา ความจริงแล้ว พวกมันเริ่มปวดร้าว แต่ เขายังมิได้เตรียมตัวผ่อนปรน เขามิกล้าผ่อนคลายลงเลย เช่นนั้น จึงดูเหมือนว่าการโจมตีของเขารุนแรงยิ่งขึ้น
การต่อสู้ฝ่ายเดียวนี้ดูเหมือนจักต่างออกไปในมุมของผู้อื่น คนภายนอกจะมองว่า จวินโม่เซี่ย สามารถสังหารศัตรูได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว พวกเขาคิดว่า เขาตั้งใจใช้วิธีการที่โหดร้ายนี้ทรมาณศัตรู … ซึ่งทำให้เขาถูกตำหนิเนื่องจากการทรมาณผู้คนเช่นนี้เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข
การทารุณเช่นนี้จักถูกเล่าขานเป็นตำนาน !
ยิ่งไปกว่านั้น จวินโม่เซี่ยยังได้แสดงปราณเชวียนของเขาเพื่อกำจัดทีท่าน่าประทับใจของฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม เขาได้แสดงแสงสีน้ำเงินเข้มของยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด
ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุดถูกผู้อื่นโจมตีอย่างรวดเร็ว … คนผู้นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำต้อยกว่าเขาในขั้นสวรรค์เชวียน ! ไม่เพียงเท่านั้น … คู่ต่อสู้ของเขายังไม่มีโอกาศได้ตอบโต้ ! หรือการโจมตีที่ป่าเถื่อนนี้บ่งบอกถึงนิสัยของเขา ? เขาน่าจะจบเรื่องนี้ได้ภายในกระบวนท่าเดียว …
น้ำตาหลั่งไหลลงแก้มของจวินโม่เซี่ย
แม้นการโจมตีอันน่าหวาดกลัวนี้มิได้ราบรื่น สิ่งใดที่ข้าควรทึกทักเอา … ? ความแข็งแกร่งของข้านั้นไร้เทียมทานหรือ … ?
โชคดีที่มันมิใช่เกมส์ที่ทุกสิ่งทำงานจากแหล่งความรู้ แม้แต่ความแข็งแกร่งของสวรรค์เชวียนนั้นก็ยังมีข้อจำกัด ท้ายที่สุด คุณชายน้อจวินได้โจมตีไปยังศัตรูจุดเดียวซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง จุดนั้นคือสะดือของเขา และ สุดท้ายเขาก็ได้ปลดปราณเชวียนที่ปกป้องร่างของศัตรูออกไปได้ ในที่สุดเขาด็ได้โจมตีร่างอันแข็งแกร่งของศัตรู ซึ่งมันเป็นเหมือนดั่งเยื่อกระดาษ จากนั้น จวินโม่เซี่ยได้ตัดโอกาสรอดของคนผู้นั้น ด้วยการโจมตีไปที่หัวใจ
อย่างไรก็ตาม เขามิรู้ว่าเขาได้ปรากฏภาพร่างหยุดนิ่งหลังจากที่ได้ปล่อยหมัดสุดท้ายออกไป สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเขาเหนื่อยอย่างมาก เช่นนั้น เขาจึงใช้เวลาหยุดพักช่วงหนึ่ง แต่ผู้ที่มองเห็นได้ตีความสิ่งนี้ต่างออกไป ภาพนี้ โหดร้ายมากในสายตาของพวกเขา มันป่าเถื่อน และผิดสามัญ
เจ้าสังหารเขาแล้วหรือ … เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้กับร่างไร้วิญญาณของเขาละ ? เขามองดูราวกับปลาตากแห้ง … เจ้าต้องการทำให้หวาดกลัวจรตายหรือไม่ นายท่าน ? นี่เป็นคืนที่ยอดเยี่ยม…
ชายสองร้อยมองไปยังมือสังหารจวินด้วยความยำเกรงอย่างที่สุด เป็นช่วงเวลานที่เงียบสงัด
พวกเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน !
พวกเขาตกตะลึงสุดขีด !
เป็นเวลาชั่วขณะก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกตัว จากนั้น ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนอีกสองคนมองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยความโศกเศร้าและขุนเคือง พวกเขาขบฟันและถาม
“เจ้าเป็นผู้ใด ? จงกล้าเอ่ยบอกพวกเรา ! เจ้าสูงส่งและกว้างขวาง ! เจ้าจักได้รับการยกย่องอย่างไร้สิ้นสุดจากหอกระบี่เลือดของพวกเรา ! พวกเราจักพยายามทุกเช้าค่ำเพื่อตอบแทนเจ้า ! “
” หึม ? ตอบแทนข้า ? เจ้าไม่คิดจักหนีไปหรือ ? “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยด้วยท่าทีตกตะลึง มีแสงส้องประกายในดวงตาของเขา จากนั้นเขาเอ่ยขึ้น
” บัดซบ ! จินตนาการของเจ้ามิได้สูงส่ง ? เมื่อไหร่กันที่ข้าบอกว่าข้าจักปล่อยให้เจ้าหนีไป ? เจ้ามั่นใจหรือว่ามิได้ฝันกลางวัน ? หรือเจ้ากำลังละเมอ ? “
” ฮ่าฮ่าฮ่า ! พวกเราสูญเสียความแข็งแกร่งเกินกว่าครึ่งหลังจากที่ได้รับพิษของเจ้า ความจริงนี้มิอาจโต้แย้ง และ พวกเราได้รับความพ่ายแพ้ในวันนี้ ! อย่างไรก็ตาม เจ้าเชื่อหรือว่าเจ้า และคนไร้ค่าของเจ้าสามารถจับเราได้ ? ใช่ไหม ! เจ้านั้นเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด และความแข็งแกร่งของเขานั้นล้ำหน้ากว่าพวกเรา แต่ ตัวเจ้าผู้สูงส่งสามารถหยุดพวกเราได้เพียงหนึ่งหากพวกเราต้องการจักหลบหนีจริงๆ เจ้าจักต้องฝันไปแน่ๆหากเชื่อว่าจักสามารกำจัดเราทั้งคู่ได้ ! เช่นนั้น ผู้ที่กำลังฝัน และละเมอมิใช่อื่นใดนอกจากตัวเจ้า ! ”
สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนชุดแดงหัวเราะเสียงแหลมสูง วาจาอันเยือกเย็นดังก้องขณะพวกเขาเอ่ยวาจา
“พวกเรามิกลัวที่จักบอกสิ่งนี้กับเจ้าด้วยความจริงใจ ไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นผู้ใด … หรือหรือว่าเจ้ามีผู้ใดหนุนหลัง เจ้าและผู้หนุนหลังเจ้าเป็นเพียงขนมปังเท่านั้น ! ไม่มีความฝันอันสวยงามสำหรับเจ้า … มีเพียงฝันร้าย ฝันร้ายอันไร้ที่สิ้นสุด ! “
” จับเจ้าเพียงหนึ่ง ? เจ้ากำลังเอ่ยวาจาไร้ยางอายอันใดกัน ?! ข้าคงไม่มาที่นี่หากวางแผนปล่อยเจ้าไปหนึ่งคน ! และกำลังฝัน ? เรามาดูกันว่าผู้ใดกำลังฝันไป ! ”
จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูก และสบัดมือ
“สังหารพวกเขา ! ”
บุรุษสองร้อยคำรามลั่น การบาดเจ็บของพวกเขามิได้เล็กน้อย แต่พวกเขายังยกกระบี่ขึ้น และโยนตัวเองไปราวกระแสน้ำทั้งๆที่ตัวเองบาดเจ็บ
” ฮ่าฮ่า … ”
สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนหัวเราะอย่างจริงใจ จากนั้น พวกเขากระโดดขึ้นและเหาะขึ้นในอากาศ พวกเขาคนหนึ่งมุ่งไปทางเหนือ และอีกผู้มุ่งไปทางใต้
พวกเขาเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่ง
แม้แต่ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุดเผชิญหน้ากับพวกเราก็จำต้องเลือกพวกเราเพียงหนึ่ง เขาจักสามารถจับพวกเราทั้งสองได้อย่างไร ในเมื่อพวกเรามีระดับปราณเชวียนเดียวกับเขา ?
จวินโม่เซี่ยพ่นลมทางจมูกและหัวเราะ เขาไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว ความจริง คุณชายน้อยจวินมิได้ต้องการเคลื่อนไหวเลย เขาเพียงตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
” ปล่อยลงมา “
ท้องฟ้าก้องสะท้อนด้วยเสียงของเขาขณะที่มันมืดลง
คนของเขาที่อยู่บนพื้นดินอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และแล้วพวกเขากระจายตัวออกไปนอกวงอย่างรวดเร็ว
มือสังหารชุดแดงทั้งสองอดฉี่แตกมิได้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปมอง
ตาข่ายนับสิบปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากทุกทิศทาง ตาข่ายเหล่านี้เปล่งประกายด้วยหนามแหลมที่เรียงราย และพวกมันปกคลุมไปทั่วระยะสามสิบเมตร ตาข่ายเหล่านี้ถี่แน่น และไม่มีช่องว่างให้พวกเขาหลบหนีได้ ชายชุดแดงทั้งสองมองไปทุกทิศ และพบว่าไม่มีช่องว่างในตาข่ายนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตาข่ายเหล่านั้นคาบเกี่ยวกันเมื่อมันร่วงลงมา ตาข่ายทุกอันจะมีอีกอันอยู่เหนือมัน หากผู้ใดสามารถหนีพ้นตาข่ายอันหนึ่ง เขาก็จักต้องเผชิญหน้ากับตาจ่ายอีกอันหนึ่ง … และหลังจากนั้น ก็มีอันที่สาม …
สองชายชุดแดงกรีดร้องออกมาขณะที่ตาข่ายราวสี่สิห้าสิบกางออก ตกลงใส่พวกเขาด้วยเสียง ตู้ม ! และกัดตัวพวกเขาไว้ข้างใน
สองมือสังหารสามารถดึงตาข่ายออกได้หากพวกเขาสามารถกระตุ้นปรารณเชวียน … บางทีพวกเขาอาจฉีกออกได้ หากมิได้สูญเสียปราณเชวียน ความจริง มันเป็นเพียงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปราณเชวียนของพวกเขานั้นลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นนั้น พวกเขาก็ไม่มีเวลามากเพียงพอจักรวบรวมปราณเชวียนแม้นว่าพวกเขาจักมุ่งมั่นจักหนีไป
แท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกเขามีไม่เพียงพอในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้…. คือเวลา
จวินโม่เซี่ยจักปล่อยให้พวกเขามีเวลาตอบโต้ได้อย่างไรกัน ?
ชายสองร้อยทิ้งกระบี่ลงพร้อมกันเมื่อคำสั่งถูกกระจายออกไป จากนั้น พวกเขาหยิบไม้ที่เตรียมไว้ออกมา หลังจากนั้น พวกเขา ละทิ้งเหตุผล และกระหน่ำตีปิศาจโง่ทั้งสองที่ติดกับดักตาข่าย
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ เหล่ายอดฝีมือเชวียนทองเหล่านั้นสามารถเหยียบย่ำยอดฝีมือสวรรค์เชวียนได้ มันเป็นโอกาสดีเพียงหนึ่งในชั่วชีวิต … เช่นนั้น พวกเขาจักปล่อยให้มันผ่านไปได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้เห็นพลังและความแข็งแกร่งที่คุณชายน้อยของพวกเขาใช้เหยียบย่ำศัตรู ดังนั้นพวกเขาจึงมิปล่อยให้คุณชายน้อยของพวกเขาได้รับการยกย่องทั้งหมด
เกิดอันใดขึ้นกับพลังสวรรค์เชวียนของเจ้า ? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเหยียบย่ำและสังหาร …. ? ไม่ … นั่นคือโชคชะตาของเจ้า
แสงสีน้ำเงินเข้มอาจมิสามารมองเห็นได้ผ่านตาข่ายที่หนาทึบ เห็นได้ชัดว่าสองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนพยายามดิ้นรนกับทุกสิ่งที่พวกเขามี พวกเขาพยายามอย่างเต็มทีเพื่อรักษาชีวิตตัวเองจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ อย่างไรก็ตาม ความจริงอันโหดร้าย … คือ ความพยายามของพวกเขานั้นไร้ประโยชน์ ท่อนไม้ หนาเท่าต้นขา ฟาดลงไปที่เนื้อพวกเขาอย่างเต็มแรงด้วยเสียง ฟึบ …
ฝันร้ายอันแท้จริงของพวกเขามาถึงแล้ว !
เสียงกรีดร้องบ้าเลือดก้องสะท้อน สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนฝืนทนไม่กรีดร้องเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขาในช่วงแรก จากนั้นพวกเขาตะโกนราวกับไม่มีสิ่งใดที่น่ายินดียิ่งกว่าในช่วงเวลานั้น เสียงกรีดร้องของพวกเขาพุ่งทะยานผ่านฟากฟ้ายามค่ำคืนและไม่นานมันฟังดูคล้ายเสียงนกฮูกร้อง
ผู้นำสวรรค์เชวียนของพวกเขาตาย … และนั้นคือสิ่งที่น่าเศร้ายิ่งนัก อย่างไรก็ตาม เขาถูกสังหารโดยยอดฝีมือสวรรค์เชวียนระดับสูง การลอบโจมตีของจวินโม่เซี่ย เช่นนั้น อาจเอ่ยได้ว่าเขาได้ตายอย่างมีเกียรติ แต่ พวกเขาทั้งสองละ ? พวกเขาถูกเหยียบย่ำโดยกลุ่มของยอดฝีมือเชวียนทองที่เป็นดั่งมดปลวก สุดท้ายแล้ว ชีวิตมีสิ่งที่น่าโศกเศร้าเช่นไรกัน ?
กลับมาเอ่ยถึงมัน … ทั้งสองได้รับการยัดเยียดโชคชะตาที่ร้ายแรงนี้ ทุกคนออกไปเพื่อแสวงหาความโศกเศร้าของตัวเอง บุรุษทั้งสองนี้ก็มิต่างกัน
เดิมทีจวินโม่เซี่ยมีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับชายชุดแดงทั้งสองนี้ พวกเขาได้รับ ปิติสุคนธรส กระนั้น พวกเขาก็ยังเป็นยิดฝีมือสรรค์ชเวียน แต่ แม้นความแข็งแกร่งเล็กน้อยที่พวกเขามีก็ยังคงอยู่ในระดับปฐพีเชวียน … หรืออาจจะมากกว่า ไม่ว่ามันจักลดลงไปเท่าใหร่ ไม่มีทางที่จัดลดระดับปราณเชวียนไปได้มากกว่านั้น ดังนั้น พวกเขาอาจเป็นเหตุให้เกิดความร้ายแรงกับคนของจวินโม่เซี่ย หากพวกเขาถูกปล่อยไป และต่อสู้กับความแข็งแกร่งที่อาจเหลืออยู่
ด้วยเหตุนี้ จวินโม่เซี่ยจึงทำให้ร่างของเขาปกคลุมด้วยแสงสีน้ำเงินเข้มของสวรรค์เชวียนสูงสุดเพื่อขุดขวางทั้งสอง
บุรุษชุดแดงทั้งสองจึงคิดว่ามีเพียงแค่ทางเลือกเดียวคือพวกเขาต้องหนี …และแยกทางกัน และ ก็ไม่น่าแปลกใจเช่นกัน ท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีเพียงสวรรค์เชวียนเริ่มต้น เช่นนั้น พวกเขาจึงหนีไปเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด แม้นว่าพวกเขาจักมีพลังสูงสุด มีเพียงหนึ่งสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลง …
อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะหนีก็เป็นการเข้าไปติดกับของจวินโม่เซี่ย
ก่อนหน้านี้จวินโม่เซี่ยได้จัดให้คนของเขาสี่สิบห้าไปหลบอยู่ในต้นไม้ พวกเขาแต่ละคนมีตาข่ายสองผืน และพวกเขาก็รอเพียงช่วงเวลานั้น ก่อนหน้านี้เห็นคนเพียงสองร้อย ? อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ว่าคุณเหล่านี้มีทั้งหมด สองร้อยห้าสิบสี่ !
พวกเขาทำตัวเหมือน คนหาปลาสี่สิบห้าคนเมื่อพวกเขาขว้างตาข่ายเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สองผู้เคราะห์ร้ายกำลังอยู่ในความสับสนและตื่นตระหนกเมื่อตาข่ายเหล่านี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศจากที่ใดก็มิอาจรู้ได้ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น เช่นนั้น พวกเขาจักไม่ติดกับได้อย่างไรกัน ?
ชายชุดแดงทั้งสองความจักสร้างความสุญเสียมากมายแก่คนของจวินโม่เซี่ย แต่เมื่อถึงตอนนั้น … พวกเขาก็ไม่สามารถถูกจับได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนปลาที่ติดตาข่าย ยิ่งไปวกว่านั้น พวกเขามิใช่เป็นเพียงปลาที่ติดตาข่าย … พวกเขานั้นคล้ายกับเนื้อที่รอขึ้นเขียง …เนื่องจากคนขายเนื้อกำลังคิดหาวิธีที่จักสับพวกเขา…
ชายสองร้อยเหล่านี้ไม่น่ากลัว ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสร้างกระท่อมไม้ในเวลาที่ สาทรฤดูมาถึง … ราวกับฤดูเก็บเกี่ยวจบลง และพวกเขาต้องการนวดถั่วเหลืองที่ถูกเก็บเกี่ยวมา พวกเขาตะโกนด้วยความสุขขณะกระน่ำทุบผู้เคราะห์ร้าย จวินโม่เซี่ยสั่งให้คนของเขากระหน่ำตีอย่างต่อเนื่องไปอีกช่วงครึ่งก้านธูป เนื่องจากกลัวว่าจักมีการแกล้งตาย ไม่มีเหตุผลอื่นสำหรับการทำสิ่งนี้ เพียงเป็นการระมัดระวังของมือสังหาร
หลังจากจวินโม่เซี่ยเดินไปดูผลที่ได้ และเขาพบว่ามันอาจจะเอ่ยได้ว่า ดียิ่ง ตาข่ายขนาดใหญ่ขาดรุ่งริ่ง อย่างไรก็ตาม ภายใน .. สิ่งที่อยู่ภายใน … เป็นสิ่งที่มิอาจเรียกว่าคนได้อีกแล้ว ความจริงพวกมันมิอาจเรียกได้ว่าเป็นเนื้อ สิ่งที่เหลืออยู่ภายในนั้น … เป็นเนื้อบด … เนื้อบดละเอียด … !
แม้นว่าผู้ใดจักตุ๋นเนื้อตลอดทั้งวัน ..ก็มิอาจทำให้เป็นเช่นนี้ได้ !
ดวงตาของจวินโม่เซี่ยมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาสบัดมือและออกคำสั่ง
“เร่งรีบเก็บกวาดสนามรบ ! หากศัตรูยังหายใจอยู่ จงใช้มีดจัดการอย่างรวดเร็ว ดูแลผู้ที่บาดเจ็บ ยึดหน้าไม้มาอย่างระมัดระวัง ! ทำให้แน่ใจว่าเจ้าจักจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด เริ่มทันที ! ”
ทุกผู้ตอบรับ
จวินโม่เซี่ยเงยหน้า และมองไปยังป่าเขาเบื้องหน้า มีร่องรอยแห่งความสุขในดวงตาของเขา
สนามรบได้รับการเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว จวินโม่เซี่ยออกคำสั่งใจเย็น ทุกผู้ร้องขึ้นพร้อมเพรียง และกลับไปขี่ม้าของพวกเขา จากนั้น หายไปขณะที่เสียงฝีเท้าม้าดังก้อง พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง … คือเศษเนื้อ และหลักฐานการนองเลือดในครั้งนี้