แดนนิรมิตเทพ บทที่ 921
ช่วงบ่าย งานแลกเปลี่ยนดำเนินการต่อไป

เมื่อผ่านการสุนทรพจน์ของหยางจื่อหนิงไปแล้ว เหมือนว่าสุนทรพจน์อื่นที่เหลือดูน่าเบื่อไปเลย

ลำดับที่สิบหกคือศาสตราจารย์ท่านหนึ่งจากมหาวิทยาลัยหนานหลิง และก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่มีความสามารถคนหนึ่งทางด้านชีววิทยา และจากการกล่าวสุนทรพจน์ของเขา ก็สามารถดูออกได้ว่า เขาเตรียมพร้อมสำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้มากเพียงใด

แต่เพราะมีหยางจื่อหนิงที่สร้างผลงานที่ดีกว่าอยู่ก่อนหน้าแล้ว ผู้อื่นด้านหลังจึงมีความกดดันอย่างมาก แม้ว่าการกล่าวสุนทรพจน์ของศาสตราจารย์ท่านนี้จะน่าสนใจอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก

ลำดับที่สิบเจ็ดก็คือศาสตราจารย์ฮั่วจากมหาวิทยาลัยตงหมิง

หานทงที่นั่งอยู่แถวหน้า หันหลังมองไปทางมหาวิทยาลัยหัวหนาน ในแววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

ศาสตราจารย์เสิ่นเห็นศาสตราจารย์ฮั่วขึ้นเวทีเองก็อึ้งเล็กน้อย พูดว่า “เขามาได้ยังไง!”

เมื่อหวางเฉิงเห็นสีหน้าของศาสตราจารย์เสิ่นก็รู้สึกกังวลใจทันที แม้แต่ศาสตราจารย์เสิ่นยังตกใจ ดูแล้วคราวนี้มหาวิทยาลัยหัวหนานก็คงไม่สามารถเอาชนะมหาวิทยาลัยตงหมิงได้อีกแล้ว

เฉินโม่ฟุบอยู่ตรงที่นั่ง หลับตาบำรุงจิต มองข้ามการเยาะเย้ยของหานทง

ตำแหน่งที่นั่งผู้ชมด้านหลัง อานเข่อเยว่และหมิงเจ๋อเสวียนสีหน้ายิ้มเยาะ หานทงหันไปเยาะเย้ยมหาวิทยาลัยหัวหนานพวกเขาเห็นอย่างชัดเจน หากว่าสามารถให้มหาวิทยาลัยตงหมิงโจมตีมหาวิทยาลัยหัวหนานก่อน อานเข่อเยว่และหมิงเจ๋อเสวียนยินดีที่จะได้เห็นมันอย่างมาก

ศาสตราจารย์ฮั่วกล่าวเกี่ยวกับอณูชีววิทยาเช่นกัน หลังจากที่หยางจื่อหนิงกล่าวจบไปแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยังกล้ากล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับอณูชีววิทยา

อีกอย่างศาสตราจารย์ฮั่วก็สมแล้วที่เป็นคนที่สามารถเอาชนะศาสตราจารย์เสิ่นได้ การเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ก็ดีมาก แล้วยังมีความสร้างสรรค์ การกล่าวสุนทรพจน์ของเขาแม้แต่หยางจื่อหนิงก็อดพยักหน้าให้ไม่ได้ และได้รับการยอมรับจากคนมากมาย

แม้ว่าเมื่อเทียบกับหยางจื่อหนิงแล้วจะห่างไกลกันอีกมาก แต่เทียบกับศาสตราจารย์ลู่จากมหาวิทยาลัยหมากงแล้วถือว่าเทียบเคียงกัน ถือว่าแสดงออกมาได้เกินกว่าระดับทักษะฝีมือแล้ว

“ไม่คิดเลยว่า ศิษย์พี่คนนี้ของฉันจะทำการวิจัยสำเร็จจริงๆ!” สีหน้าของศาสตราจารย์เสิ่นมีความตกใจ พูดพึมพำกับตัวเอง

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวางเฉิงและนักศึกษามหาวิทยาลัยหัวหนานอีกหกคน ต่างก็รู้สึกซึมลงในทันที

คนต่อไป ก็คือเฉินโม่

ศาสตราจารย์เสิ่นหันไปมองเฉินโม่ สีหน้าเป็นกังวล “นักศึกษาเฉินโม่ งานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ดุเดือดมากกว่าที่ฉันคิดไว้ แม้แต่ศิษย์พี่คนนี้ของฉันยังมา แล้วยังนำเอาผลงานการวิจัยกว่าสิบปีออกมาด้วย สถานการณ์ไม่ค่อยจะดีนักเลย!”

เฉินโม่มองดูศาสตราจารย์ฮั่วที่พูดจาฉะฉานอยู่บนเวที แล้วพูดอย่างชื่นชมว่า “เขากล่าวได้ดีจริงๆ ถึงว่าทำไมคนของมหาวิทยาลัยตงหมิงถึงได้โอหังขนาดนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ศาสตราจารย์เสิ่นก็ถอนหายใจ “นายทำให้เต็มที่แล้วกัน ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงซะมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆล้วนทำกันเต็มทีทั้งนั้น พวกเราต่างคาดการณ์ไม่ถึง!”

เฉินโม่พยักหน้า แล้วพูดนิ่งๆว่า “สบายใจได้ครับ ผมจะพยายาม”

“อื้อ!” ศาสตราจารย์เสิ่นพยักหน้า สีหน้ามัวหมอง เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ แม้แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสชนะ

มหาวิทยาลัยหัวหนานอยู่ลำดับที่สิบเจ็ด หลังจากมหาวิทยาลัยตงหมิงเสร็จแล้วก็ถึงคิวของเฉินโม่

ศาสตราจารย์ฮั่วเดินลงเวทีภายใต้เสียงปรบมือ ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ ที่หันมามองศาสตราจารย์เสิ่น สีหน้าดูมีความเอาชนะได้ใจ

สีหน้าของศาสตราจารย์เสิ่นแย่มากกว่าเดิม ศิษย์พี่คนนี้ของเขา สุดท้ายก็เอาชนะเขาได้แล้ว

สุนทรพจน์ของศาสตราจารย์ฮั่วจบลง พิธีกรก็รีบกล่าวว่า “คนต่อไป มหาวิทยาลัยหัวหนาน!”

“ไปเถอะ พยายามเต็มที่ก็พอแล้ว!” ศาสตราจารย์เสิ่นพยักหน้าให้กับเฉินโม่

“ครับ!” เฉินโม่ลุกขึ้น เดินขึ้นเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เวลานี้ พิธีกรพูดยิ้มๆอย่างตกใจว่า “นักศึกษาท่านนี้ ตอนนี้คือการกล่าวสุนทรพจน์ของอาจารย์ นายหลับจนเบลอไปแล้วหรือเปล่า?”

พิธีกรสังเกตเห็นเฉินโม่ตั้งนานแล้ว แม้ว่าในหอประชุมจะมีคนมากมาย แต่คนที่นอนในสถานการณ์เช่นนี้มีเฉินโม่เพียงคนเดียว ดังนั้นพิธีกรจึงสนใจเฉินโม่เป็นพิเศษ