กำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิด (2)

 

รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาจะมัววอกแวก จางเซวียนระงับความเวียนหัวไว้และเพ่งสมาธิกับร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแผ่นหิน

ร่างนั้นดูเหมือนจะผ่านประสบการณ์แบบเดียวกับเขา เปลวเพลิงสวรรค์ที่พุ่งลงมาจากสวรรค์นั้นแผดเผาเขาอย่างไร้ความปรานี ทำให้ร่างมอดไหม้เป็นตอตะโก รังสีของเขาอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็วภายใต้ความร้อนนั้น ดูเหมือนพร้อมจะสละลมหายใจสุดท้ายได้ทุกขณะ

ขณะที่รังสีของอีกฝ่ายอ่อนแรงลงจนแทบจะจับไม่ได้ เมล็ดไฟเล็กๆก็ระเบิดออกจากร่างของเขา เมล็ดไฟขนาดเล็กนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเผชิญหน้ากับความร้อน สะสมทั้งพละกำลังและพลังชีวิตเอาไว้ ไม่ช้ามันก็เติบโต กลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่

ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงตลอดกระบวนการ แต่ร่างของเขาดูเหมือนจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ดูจะสูงตระหง่านกว่าทุกอย่างในโลกใบนี้

นี่มัน*…การเกิดใหม่จากความเสื่อมสลายการฟื้นคืนชีพจากความตาย**?* จางเซวียนใจเต้นตึกตักด้วยความอัศจรรย์ใจ

เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง โลกอันสดใสก็จะค่อยๆเหี่ยวแห้งและสูญเสียพลังชีวิตไป เหลือไว้เพียงกองใบไม้ที่ร่วงโรยอยู่กับพื้น แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิหวนกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง ทุกอย่างก็จะฟื้นคืนชีพ พลังชีวิตจะกลับคืนสู่โลกใบนี้ ขจัดความตายและก่อเกิดชีวิตใหม่!

นี่คือวัฏจักรของธรรมชาติ

และร่างที่นั่งอยู่บนแท่นหินก็กำลังใช้วัฏจักรนี้เพื่อประโยชน์ในการฝึกฝนวรยุทธของเขา

ยิ่งเราพยายามต่อต้านเปลวเพลิงสีดำมากขึ้นเท่าไหร่มันก็จะยิ่งแผดเผาตัวเรารุนแรงขึ้นเท่านั้นแต่ในอีกแง่หนึ่งหากเราเลือกที่จะไม่ต่อต้านเปลวเพลิงสวรรค์อุณหภูมิของมันก็จะลดลงมากซึ่งถ้าเราสามารถลดอุณหภูมิของเปลวเพลิงสวรรค์ลงจนถึงขั้นที่เราทนทานได้ก็จะสามารถใช้ความร้อนนั้นบ่มเพาะร่างกายและค่อยๆคุ้นชินกับมันไปเอง*…*จางเซวียนตาโตเมื่อคิดได้

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติกับการทดสอบวรยุทธ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบสายฟ้าหรือการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ ประสิทธิภาพของการทดสอบจะเปรียบเหมือนกระจกเงาที่ส่องให้เห็นความแข็งแกร่งของนักรบที่กำลังเผชิญหน้ากับมัน

อย่างการทดสอบสายฟ้าเป็นตัวอย่าง ยิ่งนักรบผู้นั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ การทดสอบสายฟ้าก็จะทรงพลังมากขึ้น ในอีกแง่หนึ่งก็คือ หากนักรบอ่อนแอ การทดสอบสายฟ้าก็จะอ่อนแอตามไป

มันเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบซึ่งกันและกันในตัวเอง แต่กุญแจของการเอาชนะการทดสอบวรยุทธนั้นไม่ใช่การต่อต้าน ต่อให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาเข้าถึงขั้นร่างอันทรงเกียรติแล้ว ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความร้อนแผดเผาและเสียชีวิตอยู่ดี

สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแสร้งทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าการทดสอบวรยุทธ เพื่อให้เวลากับร่างกายของตัวเองในการทำความคุ้นเคยกับความร้อนนั้น

เมื่อหน้าหนาวมาถึงสรรพสิ่งก็จะเงียบงัน!

ในที่สุด เมื่อจางเซวียนมองเห็นทางออกจากวิกฤตครั้งนี้ เขาก็ละทิ้งความพยายามที่จะหลีกหนีจากเปลวเพลิงสวรรค์ สติสัมปชัญญะของเขาดูจะเลือนหายไปจากร่างขณะที่หยุดหายใจไปพร้อมๆกัน

ราวกับหน้าหนาวได้เข้ามาขจัดเอาเปลวเพลิงแห่งชีวิตออกไปด้วยความเยือกเย็นอันหนักอึ้ง ในตอนนี้ ดูเหมือนความเงียบงันที่เป็นนิรันดร์กาลได้เข้าครอบคลุมโลกทั้งใบ

เป็นอย่างที่จางเซวียนคิดไว้ ทันทีที่เขาละทิ้งความพยายามทั้งหมดที่จะต่อต้าน เปลวเพลิงสีดำก็ดูเหมือนจะลดการโจมตีและสงบลง ส่งผลให้อุณหภูมิของมันตกฮวบ

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ พลังปราณของจางเซวียนก็เหมือนน้ำมันที่ราดเข้าสู่เปลวเพลิงสีดำ ยิ่งเขาพยายามจะปัดป้องเปลวเพลิงโดยใช้พลังปราณมากเท่าไหร่ เปลวเพลิงนั้นก็จะยิ่งลุกโพลง เพื่อทำอันตรายเขามากขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่ง หากเขาสกัดกั้นพลังปราณเอาไว้และป้องกันไม่ให้มันเข้าใกล้เปลวเพลิงสีดำได้ เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เปลวเพลิงก็จะสูญเสียพละกำลังของมันและสลายตัวไปเอง

เมื่อละทิ้งความพยายามที่จะต่อต้าน รังสีของจางเซวียนก็อ่อนแรงลงมาก จนถึงจุดที่เขาไม่ได้เหนือชั้นไปกว่านักรบเหนือมนุษย์ทั่วไป ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น เปลวเพลิงสีดำก็อ่อนแรงลงจนถึงระดับที่เขาทนทานไหว

ภายใต้ความร้อนแผดเผาของเปลวเพลิงสีดำนั้น แก๊สสีดำก็เริ่มพวยพุ่งออกจากร่างของจางเซวียน ไม่ช้า ลำแสงสีทองก็โอบล้อมทั่วกายเนื้อของเขาไว้

เพราะจางเซวียนได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาร่างนวะโลหะ จึงรู้ดีว่าแก๊สสีดำนั้นคือสิ่งปนเปื้อนที่สะสมอยู่ในกายเนื้อของเขา แม้เขาจะได้ขัดเกลากายเนื้อครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะชำระมันให้บริสุทธิ์อย่างหมดจด

สำหรับเรื่องนี้ ก็เหมือนกับการที่ใครคนหนึ่งอาบน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ร่างกายก็ไม่มีทางสะอาดเอี่ยมสมบูรณ์แบบได้

นั่นเป็นเพราะพลังจิตวิญญาณในธรรมชาตินั้นไม่บริสุทธิ์ สิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในตัวมันคือเหตุผลที่ทำให้หินวิเศษถูกแบ่งระดับขั้นออกเป็นขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุด

แม้แต่หินวิเศษขั้นสูงสุดซึ่งมีความบริสุทธิ์ขั้นสุดยอดของหินวิเศษก็ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าปราศจากสิ่งปนเปื้อน และในเมื่อพลังจิตวิญญาณที่นักรบซึมซับเข้าไปไม่ได้สะอาดสมบูรณ์แบบ ก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สิ่งปนเปื้อนจะค่อยๆสะสมอยู่ในร่างของเขา

เปลวเพลิงสวรรค์มีอำนาจและพละกำลังในการแผดเผาสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ให้กลายเป็นแก๊สสีดำและขับออกจากร่างของนักรบได้ เมื่อปราศจากสิ่งปนเปื้อนที่เข้ากีดขวางการทำงานของร่างกาย นักรบผู้นั้นก็จะมีพละกำลังเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก

เป็นที่รู้กันว่าทองคำเป็นแร่ธาตุที่มีสิ่งปนเปื้อนเจือปนอยู่น้อยที่สุด ด้วยการบ่มเพาะกายเนื้อครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็เริ่มฉายแสงของทองคำที่สวยงามเป็นประกายออกมา และนี่ก็คือต้นกำเนิดของคำว่า ‘ร่างอันทรงเกียรติ’

ยิ่งแก๊สสีดำถูกขับออกมามากเท่าไหร่ ประกายสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างของจางเซวียนก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นเท่านั้น

ในการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ครั้งก่อน เขาทำได้แค่ขัดเกลาจิตวิญญาณต้นกำเนิดให้มีสีเหมือนทองคำ แต่เมื่อถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผา ทั้งกายเนื้อและพลังปราณของจางเซวียนก็ถูกชำระให้บริสุทธิ์อย่างรวดเร็วจนพวกมันเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นทองคำเช่นกัน

เพียงแค่เคาะเบาๆ เสียงก้องกังวานของโลหะก็ดังออกจากร่างของเขา ราวกับร่างของจางเซวียนได้กลายเป็นอาวุธในตำนาน

เราคิดว่าเราควรจะเริ่มเพิ่มอุณหภูมิของเปลวเพลิงสีดำได้แล้ว

ขณะที่เปลวเพลิงสีดำบ่มเพาะร่างของเขา จางเซวียนพบว่าความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ก่อนหน้านี้ได้ลดลงจนถึงระดับที่เขาแทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว นี่เป็นสัญญาณว่าเขาเริ่มคุ้นชินกับระดับความร้อนที่เปลวเพลิงสวรรค์แผ่ออกมา และมันไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีกต่อไป

ดังนั้น จางเซวียนจึงเริ่มขับเคลื่อนพลังปราณ

ในชั่วพริบตา ก็ราวกับโลกทั้งโลกกลับมามีชีวิต เกล็ดหิมะได้หลอมละลาย กระแสพลังชีวิตพวยพุ่งออกมาจากส่วนลึกของร่างของเขา

ฟิ้วววว!

เห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของจางเซวียน เปลวเพลิงสีดำดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ลูกไฟจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาลูกแล้วลูกเล่า ตั้งใจจะแผดเผาชายหนุ่มให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

แต่นี่ก็เป็นปฏิกิริยาที่จางเซวียนคาดการณ์ไว้แล้ว เขาซึมซับลูกไฟสีดำเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ลังเล

เมื่อไม่นานมานี้ เปลวเพลิงสีดำยังแผดเผาจนเกินที่เขาจะต้านทานไหว แต่เมื่อใช้เวลาทำความคุ้นเคยระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายของเขาก็สร้างภูมิต้านทานที่ต่อต้านความร้อนนั้นได้ ความบอบช้ำและความเจ็บปวดในร่างของเขาลดลงจนถึงระดับที่จางเซวียนรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่

แก๊สสีดำยังคงพวยพุ่งออกจากร่างของเขา และประกายสีทองบนร่างของจางเซวียนก็ยิ่งเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ที่เขานั่งอยู่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะความร้อนแผดเผาของเปลวเพลิงสีดำ แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็เริ่มโปร่งแสง ค่อยๆแปรเปลี่ยนจนมีรูปลักษณ์เหมือนหินหยกสีน้ำเงินที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้

จางเซวียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อยๆคุ้นชินกับเปลวเพลิงสีดำไปอย่างช้าๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาเป็นประกายขณะที่คิดว่า ได้เวลาจัดการสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดแล้ว*!*

สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดลักลอบกลับเข้ามาในกายเนื้อของเขาและซุกซ่อนอยู่ในทางเดินพลังปราณส่วนที่แคบที่สุดที่เขาเข้าไม่ถึง แต่คราวนี้เขาตั้งใจจะจัดการมันให้สิ้นซาก

จางเซวียนสูดหายใจลึกขณะเงยหน้าขึ้นมองหมู่เมฆดำที่อยู่ด้านบน เขากระโจนขึ้นไปอย่างแรง พุ่งเข้าสู่ใจกลางเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด

ในเมื่อเขาตั้งใจจะกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดให้ได้ ก็จะต้องทำให้แน่ใจตั้งแต่ต้นว่ามันจะไม่มีโอกาสกลับมาได้อีก ลูกไฟสีดำที่พุ่งลงมาจากหมู่เมฆสีดำนั้นไม่เพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง เขาจึงจำเป็นต้องดำดิ่งเข้าสู่ใจกลางเปลวเพลิงสีดำเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ

คราวก่อน เขาใช้จิตวิญญาณต้นกำเนิดดำดิ่งเข้าสู่เปลวเพลิงสีดำเช่นกัน แต่ก็อยู่บริเวณขอบๆ ทำให้เป็นการเปิดช่องให้สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดหนีไปได้

แต่คราวนี้เขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก

ทันทีที่จางเซวียนดำดิ่งเข้าสู่ใจกลางหมู่เมฆดำ เขาก็รู้สึกได้ถึงลูกไฟสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าหาเขา พร้อมจะทำลายเขาให้สิ้นซาก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของเปลวเพลิงสีดำ จางเซวียนเปิดจุดชีพจรทั้งหมด และพร้อมรับทุกอย่าง

ขณะที่เปลวเพลิงสีดำซึมซาบเข้าสู่ทางเดินพลังปราณของเขา เขาก็ส่งพลังนั้นเข้าสู่บริเวณที่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดซ่อนอยู่

ตอนนี้ สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่ได้รู้ว่าจางเซวียนเรียกการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์มาเพื่อบ่มเพาะกายเนื้อของเขาแล้ว ด้วยความที่มันไม่ได้ระมัดระวังตัว เมื่อเผชิญกับการโจมตีของเปลวเพลิงสวรรค์ จึงส่งเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัวและรีบหนีไป

“แกคิดว่ามีที่ให้แกหนีหรือไง?”

หลังจากต้องทนทุกข์ทรมานกับสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดมานาน จางเซวียนไม่อาจปล่อยให้มันทำอะไรตามใจได้อีกแล้ว ยังไม่ทันที่มันจะไปได้ไกล เปลวเพลิงสีดำก็พุ่งเข้าสกัดเส้นทางที่มันกำลังมุ่งหน้าหนี

ยังไม่ทันที่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เส้นทางหนีทั้งหมดของมันก็ถูกปิดกั้นเอาไว้

จางเซวียนรู้ว่าสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดหนีไปได้รวดเร็วแค่ไหน เขาจึงต้องแน่ใจว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก่อนจะปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด

ตอนนี้ ด้วยปริมาณเปลวเพลิงที่มีอยู่มหาศาลในร่างของเขา ทั้งร่างของจางเซวียนได้เปลี่ยนเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างเหมือนลูกไฟ หากทำถึงขนาดนี้แล้วเขายังกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดไม่ได้ ก็ควรจะไปฆ่าตัวตายให้เหมือนเต้าหู้เละๆชิ้นหนึ่งเสียจะดีกว่า

เมื่อถูกปิดล้อมไว้โดยรอบ สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดพบว่าตัวมันไม่มีทางหนี หันไปทางไหนก็มีแต่เปลวเพลิงสีดำที่แผดเผา เกิดเสียงหวีดหวิวราวกับผีร้ายที่กำลังร้องโหยหวนดังก้องไปทั่ว เสียงนั้นค่อยๆแผ่วลงก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบกริบ

จบสิ้นเสียที…จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาได้รับการบ่มเพาะจากเปลวเพลิงสวรรค์ และการรับรู้จิตวิญญาณของเขาก็เฉียบคมพอที่จะรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติทุกอย่างในร่างกาย ไม่ว่าตอนนี้สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดจะทำตัวแนบเนียนสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่มันจะหลบหนีไปได้แล้ว

ด้วยความกังวลว่าสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดจะกลับมาอีก แม้เสียงร้องโหยหวนนั้นจะจางหายไปแล้ว จางเซวียนก็ยังคงส่งเปลวเพลิงสีดำเข้าสู่ร่างของเขาเพื่อแผดเผามันต่อไป เขาดำเนินกระบวนการนั้นไปอีกราว 10 นาที และหยุดลงก็ต่อเมื่อหมู่เมฆดำเริ่มสลายตัว

หลังจากหลุดพ้นจากเปลวเพลิงสีดำ จางเซวียนก็รีบตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้ายโดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณของเขา จากนั้นก็ต้องนัยน์ตาเบิกโพลงกับภาพที่เห็น

“นี่…มันคืออะไร?” จางเซวียนพึมพำด้วยความตกตะลึง